บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ไปล่าสัตว์

เมื่อถึงเวลาสิ้นเดือน ฮ่องเต้ก็เสด็จไปล่าสัตว์โดยพาองค์รัชทายาท และเหล่าบรรดาขุนนางทั้งหลายร่วมเดินทางไปด้วย ขบวนเสด็จขนาดใหญ่มุ่งหน้าสู่ภูเขาต้าหู

ภูเขาลูกนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวง เป็นหนึ่งในห้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มีหุบเหวลึกชัน เป็นชัยภูมิสำคัญทางตะวันออกเฉียงใต้ของแคว้นหลี่ และยังเป็นปราการธรรมชาติทางใต้ของเมืองหลวงอีกด้วย

นอกจากบรรดาท่านอ๋องและขุนนางทั้งหลาย สวีฮองเฮายังได้เชิญบรรดาฮูหยินของพวกเขา ให้ร่วมขบวนเดินทางไปด้วยกัน

ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจว่า นี่คือโอกาสที่สวีฮองเฮาตั้งใจจะเลือกพระชายาให้องค์รัชทายาท

ด้วยเหตุนี้บรรดาบุตรสาวของขุนนางที่อยู่ในวัยออกเรือน ไม่ว่าจะมีคู่หมั้นแล้วหรือไม่ ต่างก็แต่งตัวด้วยความประณีตบรรจงเพื่อมาร่วมงานนี้ และเมิ่งเหลียนไต้ในฐานะบุตรีของราชครูเมิ่ง ย่อมอยู่ในขบวนเสด็จอย่างแน่นอน

ภูเขาต้าหูอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวสามสิบ หลี่ ขบวนเสด็จใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วยามก็มาถึงพระตำหนักที่เชิงเขา

คุณหนูผู้สูงศักดิ์หลายคนพอลงจากรถม้าก็แยกย้ายไปหาเพื่อนสนิท เพื่อร่วมเดินเท้าไปด้วยกัน

“ไม่รู้ว่า…ฮองเฮาจะถูกใจคุณหนูจากตระกูลไหนกันนะ”

สวีฮองเฮาเป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้และองค์รัชทายาท นางกุมอำนาจฝ่ายในมาหลายปี ทุกคนจึงรู้กันดีว่า การเลือกพระชายารัชทายาทครั้งนี้ย่อมเป็นไปตามพระประสงค์ของสวีฮองเฮาอย่างแน่นอน

“ฮองเฮาเป็นสตรีเชื้อสายฮั่น บางทีอาจจะโปรดปรานสตรีเชื้อสายฮั่นมากกว่าก็ได้นะ”

เมื่อฮูหยินคนนี้พูดจบ สีหน้าของสาวงามวัยแรกแย้มที่อยู่บริเวณนั้นก็เปลี่ยนไปตาม ๆ กัน บางคนมีสีหน้ายินดี บางคนมีสีหน้ากังวล

ปัจจุบันแคว้นหลี่ผ่านการปฏิรูปวัฒนธรรมมานานกว่าสิบปี ความแตกต่างระหว่างชนเผ่าต่าง ๆ จึงค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยการแบ่งชนชั้นตามฐานะและตระกูล

ตระกูลขุนนางชาวฮั่นในภาคกลางกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ขณะที่ชนชั้นสูงชาวต่างเผ่า เริ่มเสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ

เมิ่งเหลียนไต้อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง สีหน้าดูแสดงความกังวลอย่างชัดเจน

ตระกูลเมิ่งของพวกนางก็เป็นตระกูลชนชั้นต่างเผ่า ดูเหมือนว่าเจตนาของฮองเฮา นางคงไม่ได้อยู่ในกลุ่มของสตรีที่ฮองเฮาจะพิจารณาเป็นพระชายารัชทายาทได้เลย...

เมื่อมาถึงเรือนที่พัก พวกเขาทั้งสองพี่น้องต่างก็มีท่าทีเซื่องซึมไม่ต่างกัน

“พวกเจ้าทั้งสองเป็นอะไรไป” ชายร่างใหญ่สูงสง่าท่าทางน่าเกรงขาม กระโดดลงจากรถม้า เมื่อเห็นท่าทางของลูกทั้งสองก็ขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย

สองพี่น้องรีบทำความเคารพตามธรรมเนียม โดยที่เมิ่งเหลียนไต้เป็นฝ่ายตอบ “ไม่มีอันใดเจ้าค่ะท่านพ่อ”

ราชครูเมิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันไปประคองภรรยาลงจากรถม้า ซึ่งเวลานี้อีกฝ่ายดูอ่อนล้าหมดแรง

จ้าวเหอเถารู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งตัว พอนึกถึงต้นเหตุของความอ่อนล้า ก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที พวกเขาแต่งงานกันมาเกือบยี่สิบปี สามีของนางยังคงเรี่ยวแรงดีไม่มีตก เคยได้ยินมาว่าพวกบัณฑิตนั้นร่างกายอ่อนแอไม่ใช่หรือ…เหตุใดสามีของนางถึงได้แตกต่างจากคนอื่นกันนะ!

เมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นมารดา สองพี่น้องก็เข้าใจได้ในทันทีว่าระหว่างทางก่อนมาที่นี่ นั้นเกิดอะไรขึ้น

นี่เป็นโชคดีของพวกเขาที่บิดาและมารดารักใคร่กันมาก ไม่มีอนุภรรยามาแทรกกลาง ทำให้พวกเขาทั้งสองพี่น้องไม่ต้องปวดหัวเกี่ยวกับเรื่องแย่งชิงกันในเรือนหลัง

…..

หลังจากมาถึงเขตล่าสัตว์ ฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้บรรดาขุนนางพักผ่อนกันหนึ่งคืน พรุ่งนี้ถึงค่อยไปล่าสัตว์ในป่า

เมื่อยามเช้ามาถึงบรรดาขุนนางก็พากันเดินไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้และฮองเฮา

ในขณะที่กำลังเดินกันไปเป็นกลุ่มๆ ช่วงเวลานั้นเอง องค์รัชทายาทก็ทรงม้าควบผ่านมา เวลานี้เขาสวมชุดขี่ม้าสีน้ำเงินเข้ม ควบม้าชั้นดี ดูองอาจผึ่งผาย

หลี่เว่ยหลงกวาดสายตามองผ่านๆ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในกลุ่มคนมากมาย เขากลับเหลือบเห็นหญิงสาวในชุดขี่ม้าสีฟ้าอ่อนเข้าโดยบังเอิญ

หลี่เว่ยหลงรู้สึกหงุดหงิดในใจ

เหตุใดเขาถึงได้เห็นเมิ่งเหลียนไต้อยู่ทุกที่แบบนี้กันนะ!

ในขณะที่เขากำลังจะตวัดแส้เร่งความเร็ว ก็เห็นบุรุษรูปงามคนหนึ่งเดินเข้าไปข้าง ๆ เมิ่งเหลียนไต้

จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันด้วยความสนิทสนมใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ที่ติของชายหนุ่มบนหลังม้า ก็กลายเป็นบึ้งตึงในทันที

เมิ่งเหลียนไต้คนนี้!

นางอยากจะเป็นพระชายาของเขา แต่กลับไม่รักษาระยะห่างกับชายอื่นเลยสักนิด!

หลี่เว่ยหลงรู้สึกไม่พอใจอย่างหาสาเหตุไม่ได้ หลังจากนั้นก็รีบควบม้าจากไปอย่างรวดเร็ว

เมิ่งเหลียนไต้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางกำลังพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับลูกพี่ลูกน้อง

ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า หน้าตาคมคายราวหยกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คือจ้าวชิงเกอเป็นลูกชายคนโตของท่านลุง ทั้งสองจึงนับเป็นลูกพี่ลูกน้องทางฝั่งมารดา

“น้องเหลียนไต้ วันนี้แต่งชุดขี่ม้า ตั้งใจจะร่วมล่าสัตว์ด้วยหรือ” จ้าวชิงเกอถามด้วยความเอ็นดู

เมิ่งเหลียนไต้พยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ… อุตส่าห์ได้ออกมาเที่ยวทั้งที ก็ต้องสนุกให้เต็มที่สิเจ้าคะ!”

ถึงแม้นางจะตัวเล็กบอบบาง ราวกับตุ๊กตาเครื่องเคลือบ แต่เรื่องการขี่ม้านั้นไม่มีปัญหาเลย

“คุณหนูคนอื่นๆ ต่างเปลี่ยนไปสวมชุดกระโปรงกันหมดแล้วนะ เจ้าไม่กลัวเสียโอกาสในการสร้างความประทับใจให้กับฮองเฮาหรอกหรือ” จ้าวชิงเกอถามด้วยความสงสัย เพราะรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของตนนั้นชอบพอองค์รัชทายาท ซึ่งเขาคิดว่านี่เป็นการดีหากลูกพี่ลูกน้องคนนี้ได้เกี่ยวดองกับราชวงศ์ ในอนาคตเมื่อเขาได้รับราชการนางก็คงจะส่งเสริมญาติทางบ้านเดิมอยู่ไม่น้อย

เมิ่งเหลียนไต้ได้ยินเช่นนั้นกวาดตามองไปรอบ ๆ จึงได้รู้ว่า คุณหนูผู้สูงศักดิ์หลายคนที่ตอนแรกใส่ชุดขี่ม้าเหมือนกับนาง ตอนนี้ต่างก็พากันไปเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงผ้าแพรที่สวยงามกันหมดแล้ว…

ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ ก็มีเสียงที่อ่อนช้อยเป็นเอกลักษณ์ของขันทีดังขึ้นมาแต่ไกล

“ฮองเต้เสด็จ…ฮองเฮาเสด็จ…องค์รัชทายาทเสด็จ”

ทุกคนที่อยู่ในลานต่างพร้อมใจกันโค้งคำนับเป็นระเบียบและเปล่งเสียงถวายพระพร

“ไม่ต้องมากพิธี!” ฮ่องเต้กล่าวเสียงทุ้มต่ำ

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี” ทุกคนกล่าวโดยพร้อมเพียง

เมิ่งเหลียนไต้ก็เงยหน้าขึ้น ในเวลานั้นเอง สายตาของนางก็ได้สบเข้ากับดวงตาขององค์รัชทายาทที่ประทับอยู่ข้างฮองเฮาโดยไม่ได้ตั้งใจ

หลี่เว่ยหลงขมวดคิ้วดวงตาฉายแววไม่พอใจเล็กน้อย ในใจก็คิดว่า ‘เมื่อครู่ยังคุยกับบุรุษคนอื่นหน้าตาระรื่นตอนนี้กลับมาสบตากับเขาเสียอย่างนั้น!’
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel