ตอนที่ 1 ไม่อยากแต่ง
ปีเทียนซุนที่ยี่สิบ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใบหลิวเขียวอ่อนพลิ้วตามสายลม กลิ่นหอมของดอกไม้อบอวลไปทั่ววัง เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วก้องกังวาน
ยามค่ำคืนมืดมิด ดวงจันทร์สว่างไสว ทั่วทั้งพระราชวังตกอยู่ในความสงบเงียบ
ภายในห้องโถงของตำหนักเฟิงหวง ฮองเต้หลี่หยวนและสวีฮองเฮาร่วมโต๊ะเสวยด้วยกัน
ในระหว่างดื่มชาฮ่องเต้ก็กล่าวขึ้นมาว่า “ปีนี้เว่ยหลงอายุสิบแปดแล้ว ถึงเวลาที่พวกเราจะเลือกพระชายาให้เขาแล้วกระมัง”
สวีฮองเฮานึกถึงหลี่เว่ยหลงพระโอรสองค์โตที่ตอนนี้ถึงวัยที่ควรจะแต่งภรรยามีบุตรเสียที...
“เพคะ...” สวีฮองเฮาพยักหน้าเห็นด้วย
ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งพระชายารัชทายาทนั้นจะต้องมีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา เพราะในอนาคตจะต้องเป็นแม่ของแผ่นดิน แต่นางก็ไม่อยากจะเลือกลูกสะใภ้ที่ตระกูลมีอำนาจมากเกินไปเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจจนใช้อำนาจมาข่มนางได้
ฮ่องเต้หลี่หยวนเห็นสวีฮองเฮาเริ่มครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาจึงเสนอความคิดเห็นของตัวเอง “ข้าจำได้ว่า เจ้าเคยเรียกบุตรีของท่านราชครูเมิ่งเข้าวังมาบ่อย ๆ ใช่หรือไม่”
ราชครูเมิ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นราชครูให้องค์รัชทายาท และเมื่อสิบแปดปีก่อนเขาได้แต่งงานกับ จ้าวเหอเถา เพื่อนสนิทของสวีฮองเฮา
ราชครูเมิ่งและจ้าวเหอเถามีบุตรสาวและบุตรชายด้วยกันอย่างละคน บุตรสาวคนโตชื่อ ‘เมิ่งเหลียนไต้’ ส่วนบุตรชายคนเล็กชื่อ ‘เมิ่งหลิวชุน’
“ฝ่าบาทหมายถึงเหลียนไต้หรือเพคะ” สวีฮองเฮาตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “เหลียนไต้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีจริง ๆ เพคะ”
ประการแรกฮูหยินราชครูก็คือจ้าวเหอเถา ซึ่งเป็นสหายที่สนิทสนมกับนางมาก และอีกอย่างสวีฮองเฮาก็เห็นเมิ่งเหลียนไต้เติบโตมาตั้งแต่เด็ก ทั้งกิริยาวาจาก็สุภาพ เรียบร้อย มีมารยาทครบถ้วน
ประการที่สองราชครูเมิ่งเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ ตระกูลก็ไม่ได้มีเครือญาติมากนัก ลูกหลานก็เป็นเพียงตระกูลขุนนางระดับกลางเท่านั้น
สวีฮองเฮายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกพอใจกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ยิ่งนัก
…….
วันรุ่งขึ้นสวีฮองเฮาก็สั่งให้คนไปเชิญตัวบุตรสาวของราชครูเมิ่งมาเข้าเฝ้า
เป็นจังหวะเดียวกับที่องค์รัชทายาทหลี่เว่ยหลงเสด็จมายังตำหนักเฟิ่งหวงเพื่อถวายพระพรพอดี ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทางกระตือรือร้น
“เสด็จแม่…สิ้นเดือนนี้เสด็จพ่อจะไปล่าสัตว์ที่ภูเขาต้าหูทางทิศใต้ ลูกจะล่าสุนัขจิ้งจอกมาทำเสื้อคลุมให้เสด็จแม่นะพ่ะย่ะค่ะ”
สวีฮองเฮาพยักหน้า “อย่างไรก็ได้ ขอแค่อย่าได้ทำให้ตนเองบาดเจ็บก็พอ”
ทันใดนั้นจู่ ๆ นางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นอย่างใจเย็น “ว่าแต่หลงเอ๋อร์…ในสายตาของเจ้านั้น…คิดว่าเหลียนไต้เป็นอย่างไรบ้าง”
“เมิ่งเหลียนไต้…หรือพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เว่ยหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เสด็จแม่เหตุใดอยู่ ๆ ก็ถามถึงนางกันเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ตั้งใจจะเลือกนางให้เป็นพระชายาของเจ้า” สวีฮองเฮาวางถ้วยน้ำชาในมือลงอย่างไม่เร่งรีบ
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของหลี่เว่ยหลงก็แข็งค้างเล็กน้อย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาอย่างลำบากใจ “เสด็จแม่ลูกไม่ต้องการแต่งงานกับเมิ่งเหลียนไต้พ่ะย่ะค่ะ”
สวีฮองเฮา นิ่งงันไปด้วยความประหลาดใจ และรู้สึกไม่เข้าใจอย่างยิ่ง “เหตุใดกันเล่า”
“ลูกเห็นนางเป็นเพียงแค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้นไม่ได้มีใจรักใครชอบพอแบบชายหญิงทั่วไปพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากพูดจบเขาก็ถือโอกาสขอตัวกลับตำหนักบูรพา
แต่ไม่คาดคิดว่า ทันทีที่ก้าวออกจากประตูก็ได้พบกับหญิงสาวที่เสด็จแม่เพิ่งเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้...
เมิ่งเหลียนไต้วันนี้สวมชุดกระโปรงผ้าแพรลายดอกโบตั๋นสีฟ้าคราม เส้นผมยาวดำขลับถูกรวบเกล้าขึ้นสูงเป็นมวยประดับด้วยปิ่นหยกเพียงไม่กี่อัน
ใบหน้าเล็ก ๆ ที่งดงามและอ่อนโยนนั้นแต่งแต้มด้วยแค่ชาดเพียงเล็กน้อย ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำ ไม่มีสิ่งใดปรุงแต่ง
หลี่เว่ยหลงถึงกับหน้าเสียเล็กน้อย ไม่รู้ว่าที่นางรออยู่ข้างนอกมานานแค่ไหน จะได้ยินคำพูดของเขาเมื่อครู่หรือไม่
ความรู้สึกผิดในใจบังเกิดขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้…
อย่างไรก็ตามเมิ่งเหลียนไต้ผู้นี้เป็นสตรีที่ไม่ได้ใสซื่ออย่างที่แสดงออก นางมีความทะเยอทะยานในตำแหน่งพระชายารัชทายาท ดังนั้นเขาจึงไม่อาจถูกท่าทางการเสแสร้งของนางหลอกได้เป็นอันขาด!
ชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อ แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันมามอง
เมิ่งเหลียนไต้ที่กำลังจะโค้งคำนับก็ชะงักไป มองดูแผ่นหลังของบุรุษที่เดินลับตาไป นางก็รู้สึกเศร้าใจอยู่บ้าง
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดตั้งแต่เมื่อเดือนก่อนองค์รัชทายาทที่เคยสนิทสนมมาตั้งแต่เด็กก็เริ่มมีท่าทีเย็นชาเหินห่างจากนาง
ยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก นางกำนัลก็มาเรียกให้ไปเข้าเฝ้าสวีฮองเฮา
เมิ่งเหลียนไต้โค้งคำนับแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม “หม่อมฉันถวายบังคมฮองเฮา ขอฮองเฮาทรงพระเจริญพันปี พัน พันปีเพคะ”
“ไม่ต้องมากพิธี นั่งลงเถอะ”
“ขอบพระทัยฮองเฮาเพคะ”
สวีฮองเฮายิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจเมิ่งเหลียนไต้ผู้นี้ แต่ในเมื่อพระโอรสของนางไม่ได้ชอบจึงไม่อาจฝืนใจบังคับเขาได้
ทั้งที่เรียกได้ว่าทั้งคู่เป็นเหมยเขียวมาไม้ไผ่ เติบโตมาด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดหลี่เว่ยหลงถึงได้ไม่ชอบเมิ่งเหลียนไต้กันนะ...
“ข้าจำได้ว่าปีนี้เจ้าอายุสิบเจ็ดแล้ว ไม่รู้ว่าท่านราชครูเมิ่งและฮูหยินได้หมั้นหมายให้เจ้าแล้วหรือยัง” นางลองหยั่งเชิงถาม
ทันทีที่คำนี้หลุดออกไป ใบหน้าขาวผ่องของเมิ่งเหลียนไต้ก็แดงก่ำขึ้นมาทันที นางส่ายหน้าด้วยความเขินอาย “กราบทูลฮองเฮา บิดาและมารดายังไม่ได้หมั้นหมายผู้ใดให้เพคะ”
หลังพูดจบ อยู่ ๆ นางก็นึกถึงองค์รัชทายาทที่เพิ่งออกจากห้องทรงอักษรไปเมื่อครู่นี้
จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า…นางจะคือคนที่ถูกเลือก
หัวใจของเมิ่งเหลียนไต้เต้นระรัวอย่างห้ามไม่ได้
แต่ว่าจนกระทั่งนางขอตัวกลับ สวีฮองเฮาก็ไม่ได้พูดถึงหัวข้อนี้อีกเลย
……..
เมื่อกลับถึงจวนราชครู ฝ่ายเมิ่งหลิวชุนน้องชายของนางก็รีบเข้ามาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“พี่หญิง วันนี้เข้าเฝ้าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“ฮองเฮาถามก็ข้าเรื่องทั่วๆ ไป เพียงแต่ก่อนที่ข้าจะได้เข้าเฝ้า บังเอิญเจอกับองค์รัชทายาทพอดี แต่ไม่ได้คุยอะไรกันเลย”
เมื่อได้ยินพี่สาวบอกเช่นนี้ สีหน้าของเมิ่งหลิวชุน ก็มีท่าทีไม่เป็นธรรมชาติอยู่ครู่หนึ่ง “พี่หญิง ข้ามีเรื่องจะสารภาพขอรับ”
“มีเรื่องอันใดรึ” เมิ่งเหลียนไต้ถามด้วยความประหลาดใจ
เมิ่งหลิวชุนเกาศีรษะแล้วยิ้มแห้ง ๆ “ก็... ต้นเดือนที่แล้ว ตอนที่ข้าไปสนามม้าทางเหนือของเมือง บังเอิญได้ยินอู่หลางบุตรชายของเสนาบดีฝ่ายซ้ายกำลังคุยโอ้อวดว่าพี่สาวของเขาจะต้องได้เป็นพระชายาอย่างแน่นอน!”
เมิ่งหลิวชุนพูดถึงตรงนี้แล้วก็นึกโมโหขึ้นมา “เรื่องนั้นก็แล้วไปเถอะ แต่เขายังพูดถึงพี่หญิงด้วยเขาบอกว่าที่พี่หญิงเข้าออกวังหลวงบ่อย ๆ ก็เพราะหวังจะได้ตำแหน่งนั้น ซึ่งองค์รัชทายาทไม่มีทางชอบผู้หญิงที่ทะเยอทะยานอยากได้ตำแหน่งพระชายาเช่นนี้หรอก!”
เมิ่งหลิวชุนยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ “ข้าทนไม่ไหวก็เลยโต้แย้งเขาไป ว่าองค์รัชทายาทกับพี่หญิงผูกพันกันตั้งแต่เยาว์วัย จะไม่ชอบพี่หญิงได้อย่างไร มีพี่หญิงของข้าอยู่ คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ครอบครองตำแหน่งพระชายาเลย!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาหยุดไปครู่หนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีนัก “ใครจะรู้ว่าองค์รัชทายาททรงประทับอยู่ข้างหลังข้าพอดี...”
“แล้วพระองค์ทรงกริ้วหรือเปล่า” เมิ่งเหลียนไต้ขมวดคิ้วแน่น
เมิ่งหลิวชุนพูดเสียงเบาลงเรื่อย ๆ “องค์รัชทายาทให้คนอื่น ๆ ถอยออกไปก่อน จากนั้นก็ตรัสกับข้าว่าพระองค์ไม่ได้ชอบพี่หญิง และกำชับไม่ให้ข้าพูดจาเหลวไหลอีก...”
เมิ่งเหลียนไต้ถึงได้เข้าใจเรื่องราวในทันที ไม่น่าแปลกใจที่องค์รัชทายาทผู้ที่สนิทสนมกับนางมาตั้งแต่เด็ก อยู่ ๆ ก็ทำตัวเหินห่างออกไป
ที่แท้องค์รัชทายาทก็ไม่ได้ชอบนาง
ดูเหมือนว่าเรื่องที่จะนางได้อยู่เคียงข้างพระองค์ คงไม่มีหวังเสียแล้ว...