บทที่ 2 พี่สาว
หญิงสาวทั้งสองสนทนากันอยู่ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก ไป๋เหยาหันไปมองก็พบว่าเป็นคุณพ่อคุณแม่ของเธอนั่นเอง เมื่อไป๋เหยาเลื่อนสายตาไปมองก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินตามคุณพ่อคุณแม่ของเธอเข้ามาพอดี
ไป๋เย่รั่ว!
อยู่ๆในใจของไป๋เหยาก็บีบรัด หญิงสาวลอบกำมือแน่นอย่างไม่อาจควบคุม
เมื่อสิบปีก่อน คุณพ่อคุณแม่ของเธอได้อุปการะเด็กกำพร้าคนหนึ่งมาเลี้ยงดูนั่นก็คือไป๋เย่รั่วพี่สาวบุญธรรมผู้นี้มีอายุมากกว่าเธอเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น ทุกคนในบ้านดีต่อเธอมาก ไป๋เหยาได้เรียนที่ไหน ได้ของใช้ราคาแพงเท่าไหร่ ไป๋เย่รั่วก็ได้เหมือนเธอทั้งหมด ไป๋เหยาเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดไป๋เย่รั่วถึงทำเช่นนั้นกับเธอได้ลงคอ
"เสี่ยวเหยาลูกฟื้นเสียทีนะ"
คุณนายไป๋ที่เห็นว่าลูกสาวฟื้นขึ้นมาแล้วก็ดีใจเป็นอย่างมาก ส่วนประธานไป๋คุณพ่อของไป๋เหยาก็มองลูกสาวด้วยความเอ็นดูเช่นเดียวกัน
ไป๋เย่รั่วมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่ล้ำลึก เธอรู้ดีว่าตนเองคงสู้ลูกสาวที่เป็นสายเลือดแท้จริงไม่ได้ แต่เธอก็พยายามอย่างมากแล้ว
ก่อนหน้านี้เธอเกือบจะทำให้ไป๋เหยาถูกรถชนตายได้แล้วแท้ๆ แต่มู่จินกลับเข้ามาช่วยไป๋เหยาได้เสียก่อน อีกทั้งรถคันนั้นก็ขับมาไม่เร็วเท่าใดนัก นับว่าเป็นโชคดีของไป๋เหยาแล้ว
ด้วยนิสัยของไป๋เหยาแน่นอนว่าย่อมไม่เอาผิดเธอ!
เพราะคิดเช่นนี้จึงทำให้ไป๋เย่รั่วไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร เธอรีบเดินเข้าไปไป๋เหยาก่อนจะจับมือของน้องสาวเอาไว้และทำทีเสแสร้ง
"เสี่ยวเหยา เป็นพี่สาวที่ผิดเอง หากว่าพี่ไม่ชวนเธอไปเดินที่ห้างสรรพสินค้า เธอก็คงไม่ต้องถูกรถเฉี่ยวชน ครั้งหน้าพี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว คุณพ่อคุณแม่คะ หนูขอโทษด้วยนะ"
ประธานไป๋และคุณนายไป๋ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเพียงยิ้มเล็กน้อย เพราะอย่างไรเธอก็ไม่อยากลงโทษไป๋เย่รั่วเพราะไป๋เหยารักพี่สาวคนนี้มาก
ไป๋เหยามองไป๋เย่รั่วด้วยแววตาที่เย็นเยียบ แต่ทว่าเธอไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ตอนนี้เธอเพิ่งจะได้ย้อนเวลากลับมาอยู่ร่างของตนอีกครั้งควรต้องวางแผนให้ดีเสียก่อน หากรีบเปิดเผยตัวตนมากไป อาจจะทำให้ไป๋เย่รั่วจับสังเกตเอาได้
เมื่อเห็นว่าแววตาที่ไป๋เหยามองคนดูตนคล้ายจะแปลกไป อีกทั้งยังไม่พูดไม่จาไป๋เย่รั่วก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่กลับไม่กล้าเอ่ยถามอะไรให้มากความ
มู่จินอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยกับไป๋เหยาต่ออีกหน่อย ก่อนจะขอตัวกลับ
เมื่อมู่จินกลับไปแล้ว ไป๋เหยาจึงเอนกายลงนอนบนเตียง เธอปวดไปทั้งตัวแล้วจริงๆ อีกทั้งตอนนี้เธอต้องการพักผ่อนให้ตนเองหายดีโดยเร็วที่สุด จึงไม่ได้สนทนากับใครมากนัก คุณพ่อคุณแม่ของเธอเองก็ไม่ได้รบกวนเธอเช่นเดียวกัน
เวลาผ่านไปร่วมสามวัน ในที่สุดไป๋เหยาก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว อาการของเธอดีขึ้นมาก ต้องยอมรับเลยว่าร่างกายในวัยสาวนั้นช่างดีเหลือเกิน ในชาติก่อนตอนเธออายุเข้าวัยสามสิบก็เริ่มล้มป่วยเสียแล้ว
ไป๋เหยาได้ทำเรื่องหยุดเรียนกับทางมหาวิทยาลัยเอาไว้สองวันเพื่อพักฟื้นให้หายดีเสียก่อนแล้วจึงจะกลับไปเรียนตามเดิม ระหว่างนี้ไป๋เย่รั่วก็ยังคงไปเรียนตามปกติ
เธอและไป๋เย่รั่วเรียนที่เดียวกัน พี่สาวบุญธรรมมีอายุมากกว่าเธอเพียงหนึ่งปีเท่านั้น แต่ก่อนคนทั้งสองสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก
ไป๋เหยาเหม่อมองไปที่นอกหน้าต่าง ตอนนี้เธอกำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้าน บ้านตระกูลไป๋ของเธออยู่ในเมืองหลิงชุน ซึ่งเป็นเมืองที่เจริญทั้งทางการค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยชื่อดังอีกด้วย ชีวิตของไป๋เหยานับได้ว่ามีความสุขเป็นอย่างมาก
หญิงสาวยื่นมือไปหยิบแก้วนมข้าวสาลีขึ้นมาดื่ม เพราะช่วงนี้อากาศไม่ได้หนาวมากเท่าใด ออกจะเย็นสบายเสียด้วยซ้ำเธอจึงไม่ได้สวมเสื้อผ้าหนาเท่าใดนัก หญิงสาวถอนหายใจออกมา ในขณะที่กำลังใจลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
แม่บ้านหลี่รีบเข้ามารับโทรศัพท์ และบอกไป๋เหยาว่ามีคนต้องการสนทนากับเธอ หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย เธอเดินตรงไปรับโทรศัพท์ และได้ยินเสียงหวานใสของเพื่อนรักที่เอ่ยกับเธอ
"นี่เหยาเหยา ฉันกำลังจะเข้าไปหาเธอ ว่าจะเอาเนื้อหาเรียนก่อนหน้านี้ไปให้เธออ่านแล้วก็ซื้อขนมไปฝากเธอด้วย"
ไป๋เหยายิ้ม และเอ่ยตอบ
"ได้สิ ฉันกำลังเบื่ออยู่พอดี ขอบใจเธอมากนะมู่จิน"
"เรื่องเล็กน้อย ฉันกำลังเข้าไปหาเธอนะ"
"อืม"
ไป๋เหยารับคำ ก่อนจะวางสายไป
ที่บ้านตระกูลไป๋ของเธอไม่ได้นับว่าร่ำรวยมหาศาลเท่าตระกูลอื่น แต่ก็มีสมบัติมากพอให้เธอใช้จ่ายอย่างสุขสบายไปได้ตลอดชีวิต คุณพ่อของเธอเปิดห้างสรรพสินค้าใกล้กับโรงแรมแห่งหนึ่ง ส่วนคุณแม่ก็มีกิจการร้านตัดเสื้อขนาดใหญ่ และภัตตาคารอีกสองแห่ง ซึ่งเป็นกิจการตกทอดมาจากต้นตระกูล เรื่องราวทุกอย่างคุณพ่อของเธอให้คุณแม่จัดการทั้งหมดเพราะท่านเกรงใจและให้เกียรติคุณแม่ และคุณแม่เองก็เป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่งมาก
แม้จะสุขสบายขนาดนี้ เธอก็ยังหาเรื่องใส่ตั ว ทั้งที่ควรจะได้พบเจอคนที่มีฐานะเท่าเทียมกัน แต่เธอกลับเลือกหลัวจิ้ง
เดิมทีฐานะของคนรักไม่ได้สำคัญสำหรับไป๋เหยา มันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดสิ่งใดเสมอไป
แต่ว่าเธอกลับเลือกผิด เอาชิีวิตทั้งหมดไปฝากเอาไว้กับคนชั่วเช่นเขา
เมื่อคิดถึงเรื่องในชาติก่อนไป๋เหยาก็กำมือแน่น หญิงสาวพยายามปรับอารมณ์ให้คงที่ ตอนนี้โมโหไปก็ไม่ช่วยอะไร ไม่สู้หาทางรับมือจะดีเสียกว่า
"คุณหนูไป๋เหยาครับ คุณหนูมู่จินมาถึงแล้วครับ"
รออยู่ไม่นาน พ่อบ้านสวีก็เข้ามาบอกไป๋เหยาว่ามู่จินมาถึงแล้ว ไป๋เหยารีบพยักหน้า และเดินออกไปหามู่จินทันที
เมื่อเธอเดินมาถึงหน้าบ้านก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย เพราะนอกจากมู่จินแล้ว คนที่เดินตามหลังเพื่อนรักของเธอมา คือคนที่เธอคุ้นเคยกับเขาในชาติก่อน
มู่เฉิน
เขาเป็นน้าเล็กของมู่จิน
เมื่อได้พบกับเขาอีกครั้ง ไป๋เหยาก็รู้สึกประหม่าเหลือเกิน
มู่เฉินในชาติก่อนนั้นทั้งเจ้าชู้และนิสัยไม่ดี เขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า อีกทั้งยังเข้าไปพัวพันกับธุรกิจที่ไม่ขาวสะอาด แต่เพราะว่ามีคนใหญ่คนโตหนุนหลังเขา จึงทำให้เขาสามารถหนีรอดคดีไปได้ทุกครั้ง หลังจากที่เธอป่วยก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย ไม่รู้ว่าชาติแล้วมู่เฉินมีจุดจบเช่นไร
แต่ว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาคงไม่ตายง่ายๆหรอก
ไป๋เหยาเม้มริมฝีปากแน่น ถึงแม้มู่เฉินจะเป็นผู้ชายที่ไม่ได้ดีมาก แต่ทุกครั้งที่เจอกันเขาก็จะคอยเตือนเธอเรื่องหลัวจิ้งอยู่เสมอ
แม้ไม่รู้ว่าที่เขาทำไปเพราะชอบเธอจากใจจริงหรือเห็นเธอเป็นของเล่นแต่เธอก็นึกขอบคุณเขาในใจอยู่เสมอ
เป็นเธอที่เชื่อคนง่ายเกินไป
หญิงสาวมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพิจารณา เมื่อได้มาพบเจอกันอีกครั้งก็เหมือนว่าเขาจะดูแปลกตาไปไม่น้อย
วันนี้เขาแต่งตัวภูมิฐานชวนมองเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังสวมแว่นตาเลนส์ใสดูแล้วเหมือนคุณชายผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามู่เฉินเป็นคนที่หล่อเหลามากจริงๆ
ในขณะที่เธอจ้องมองเขา ชายหนุ่มตรงหน้าก็พินิจมองเธอเช่นเดียวกัน
เมื่อถูกสายตาคมสีนิลมองตอบกลับมาไป๋เหยาก็รีบหลบสายตาเขา และหันไปเอ่ยกับเพื่อนรัก
"ไม่รู้ว่ามู่จินจะชวนน้าเล็กมาด้วย รีบเข้ามาด้านในก่อนเถอะค่ะ"
ไป๋เหยาเอ่ยเจบก็รีบจับมือมู่จินให้เดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน
มู่เฉินยกมือขึ้นมาขยับแว่นตาของตนเองเบาๆ เขามองตามไป๋เหยาไปด้วยแววตาที่วูบไหว
เหมือนว่าชาตินี้คุณหนูไป๋เหยาคนปากคอเราะรายคนนั้นจะดูแปลกไปไม่น้อย
ทุกครั้งไป๋เหยาจะมองเขาด้วยสายตาไม่ชอบใจ เพราะชาติก่อนเขาเองก็เจ้าชู้มาก ควงหญิงสาวไม่ซ้ำหน้า แล้วยังเข้าไปพัวพันกับเรื่องสกปรก ไม่สนใจคำเตือนของคนในครอบครัว ไม่แปลกที่เธอจะไม่ชอบหน้าเขา
และไปเลือกไอ้สารเลวนั่น!
มู่เฉินพยายามระงับโทสะของตน ชายหนุ่มรีบเดินตามสาวน้อยสองคนเข้าไปในบ้านตระกูลมู่ทันที