บทที่ 3 เวรกรรม
แผนการที่นางได้วางเอาไว้บัดนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ทว่าเกือบแลกด้วยชีวิตของนางเสียแล้ว แต่เมื่อคิดถึงบวกลบในใจนับว่าคุ้มนักที่มีคนมาพบเห็นนางอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก
ถึงแม้ว่าคนทั้งหมดจะเป็นคนของลี่หมิงก็ตาม คงมีเพียงเจ้าอ้วนเป่าเท่านั้นที่แฝงมาเป็นพระและเป็นพยานของนางเพียงหนึ่งเดียว
จื่อรั่วอิงมั่นใจว่าภิกษุย่อมไม่พูดเท็จ อย่างน้อยหากต้องการพยานจริง ๆ นางก็ยังสามารถคาดคั้นและเค้นออกมาจากพระพวกนี้ได้
จื่อรั่วอิงแสร้งร้องไห้อย่างหนัก โกหกพกลมด้วยคำพูดที่ตระเตรียมมาเป็นอย่างดี
"ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่านอ๋องที่อยู่ที่นี่จริง ๆ ความจริงเพราะร่างกายคล้ายจะไม่สบาย รู้มาว่าที่นี่มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จึงคิดแอบมาแช่ตัว แต่บัดนี้กลับถูกล่วงเกินเสียแล้ว ท่านอ๋องเป็นท่านที่ล่วงเกินข้านะเพคะ"
จื่อรั่วอิงบัดนี้มีผ้าผืนหนึ่งคลุมร่างกายปกปิดความขาวเนียนต่อหน้าบุรุษเหล่านี้เอาไว้ นางยังตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จคุกเข่าตรงหน้าเขาผู้นั้นที่นั่งนิ่งประดุจศิลาไร้ชีวิตก้อนหนึ่ง ร่างสูงสง่าดุดันแผ่ไอสังหารรอบกายชวนให้ขวัญผวายิ่งกว่าผีร้าย เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยจึงอยู่ในชุดสีดำทั้งตัวยิ่งส่งให้เขาดูคล้ายพญามัจจุราชที่สามารถคร่าชีวิตคนโดยไม่ลังเล
ถึงแม้เขาจะตาบอดนางเองก็ไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ ด้วยคิดว่าน่ากลัวนักไม่ใช่ว่านางกำลังจะตายอีกรอบหรอกนะ
"ท่านอ๋องจะให้ลงโทษนางเช่นใดพ่ะย่ะค่ะ"
องครักษ์ซีห่าวไม่คิดรอสอบสวนคำพูดของนาง ทั้งเขาเองก็ไม่สนใจฐานะของนางแม้แต่น้อย
ลี่หมิงอ๋องเอ่ยคล้ายรำคาญ
"สังหารทิ้งเสีย สตรีที่กล้าลองดีเช่นนี้ยังคิดจะเก็บไว้ทำสิ่งใดอีก"
เข่าที่คุกอยู่บนพื้นของจื่อรั่วอิงถึงกับทรุดลงทันใด ในขณะที่ท่านเจ้าอาวาสและเจ้าอ้วนเป่าถึงกับร้องออกมาพร้อม ๆ กัน
"ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต"
จื่อรั่วอิงน้ำตาไหลพรากด้วยความหวาดกลัว แต่นางยังคงกล้าหาญที่จะรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้
"ท่านอ๋อง ท่านจะฆ่าข้าด้วยเหตุใดเพคะ"
ลี่หมิงอ๋องได้ยินเสียงของสตรีนางนั้น แน่นอนว่าเขาไม่เห็นใบหน้าของนางทว่าน้ำเสียงนี้ทำให้เขาบังเกิดความรู้สึกว่าน่าสนใจอยู่บ้าง
ถึงนางจะถามอ๋องผู้นั้นทว่าคนที่ตอบกลับเป็นซีห่าว
"เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกหรือ บังอาจรบกวนท่านอ๋องเพียงเท่านี้ก็สมควรตายแล้ว"
จื่อรั่วอิงร้อง เห๊อะ ออกมาคำหนึ่ง แล้วข่มความกลัวพร้อมกับกล่าวว่า
"ถ้าจะฆ่าก็ต้องฆ่าพวกเจ้าด้วย อารักขาท่านอ๋องอย่างไรให้ข้าเข้าไปได้ ข้าเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งตอนเข้าไปไม่มีใครขัดขวาง พวกเจ้าปล่อยข้าเข้าไปเอง ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องยังจะโยนความผิดให้คนอื่น นี่หรือหน่วยองครักษ์ที่ขึ้นชื่อว่ามีเกียรติที่สุดในหนิงเทียน ทุเรศชะมัด ไปหากระโปรงมาสวมเถอะถ้าจะทำตัวน่าอายโยนความผิดให้ผู้หญิงเช่นนี้ อ้อ ข้ายังเป็นผู้หญิงอ่อนแอที่งดงามไร้วรยุทธ์คนหนึ่งอีกด้วยมีสิ่งใดให้พวกเจ้ากลัวกัน"
คำพูดที่กล้าหาญของนางทำเอาบุรุษทั้งหลายเงียบงัน กระทั่งซีห่าวเอ่ยว่า
"แต่เจ้าบังอาจแตะต้องร่างกายท่านอ๋อง เพียงเท่านี้ก็สมควรตายแล้ว"
คราวนี้จื่อรั่วอิงถึงกับหน้าแดง เข่าที่อ่อนพับลงไปเมื่อสักครู่ถึงกับมีแรงขึ้นมา
"ใครล่วงเกินใครกันแน่ มิใช่ท่านอ๋องของพวกเจ้าหรือที่เป็นฝ่ายล่วงเกินข้า เขายังบีบนมข้าไม่เห็นหรือ เจ็บจะตายอยู่แล้ว สวรรค์ได้โปรดเถิดแม้แต่ในวัดพวกเจ้ายังกล้ากลับดำเป็นขาว คนพวกนี้แท้จริงเลวมีจิตใจเลวทรามต่ำช้า รังแกสาวน้อยที่อ่อนแอเช่นข้าได้อย่างไร"
ว่าแล้วก็แสร้งร้องไห้โฮ จนอ้วนเป่าต้องยกมือขึ้นมาอุดหูด้วยรู้สึกคล้ายแก้วหูอันละเอียดอ่อนของตนกำลังจะแตกแล้ว
จื่อรั่วอิงร้องไห้จนเจ็บตา เอาเถอะถึงแม้ว่าในชาตินี้จะเกิดมาอยู่ในตระกูลดี แต่ชาติก่อนนางเป็นเด็กกำพร้าอาศัยอยู่กับคณะกายกรรมที่มีเพื่อนผู้ชายเป็นโขยงมาตั้งแต่เด็ก คำว่ากุลสตรีกับนางจึงห่างไกลกันนัก
ทว่าคนพวกนี้ย่อมไม่คุ้นเคยกับการเห็นสตรีใจกล้าหน้าด้าน กระทั่งวาจาหยาบโลนยังกล้าเอ่ยออกมาอย่างไม่อายปากเช่นนี้ กล่าวหาคนจบก็ยังร้องไห้ราวกับว่ามีใครแตะต้องนางจนเจ็บปวดกระนั้น เพราะท่าทางของนางเช่นนี้จึงทำให้พวกเขารู้สึกทำสิ่งใดไม่ถูก คงมีเพียงเจ้าอ้วนเป่าที่คุ้นเคยกับคุณหนูของตนเป็นอย่างดีกล้าที่จะเอ่ยขึ้น
"ใช่ ข้าก็เห็นชัดว่าเป็นท่านอ๋องที่ล่วงเกินคุณหนู ยังบีบนมนางอีก บีบแรงด้วย"
เมื่อมีพวกเข้าข้าง จื่อรั่วอิงจึงพยักหน้าทันใด
"ใช่ บีบแรงจนนมแทบแตก"
"ใช่ บีบนมคุณหนูแรงจนนมแทบแตก"
“ใช่ข้าเจ็บจนร้องไห้ไม่เห็นหรือ”
“ใช่คุณหนูเจ็บจนร้องไห้จนหู้ข้าแทบแตกไม่เห็นหรือ”
บ่าวผู้โง่งมกับคุณหนูไร้ยางอายช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทหารหลายคนถึงกับใบหูแดงก่ำ คำพูดของนางทำให้ทุกคนล้วนไม่กล้าเอ่ยคำใด
กระทั่งลี่หมิงอ๋องยังอดฟังด้วยความสนใจไม่ได้ สตรีนางนี้หยาบคาย ไร้ยางอาย ทว่ากลับกล้าหาญที่จะปกป้องตนเองยิ่งนัก อีกทั้งที่นางกล่าวมาไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย
นางเป็นสตรีที่ไร้วรยุทธ์นางหนึ่ง เหตุใดจึงสามารถเข้าไปในนั้นได้หากไม่ใช่เพราะการอารักขาที่หละหลวมแล้วย่อมไม่มีสาเหตุอื่นได้อีก ยิ่งหากคนผู้นั้นไม่ใช่นางแต่เป็นมือสังหารเขามิได้ตายไปแล้วหรือ
ลี่หมิงอ๋องกระแอมแล้วเอ่ยเสียงเย็น
"ซีห่าว สั่งโบยคนของเราโทษฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ส่งไปช่วยชาวบ้านทำไร่ทำสวนสองเดือนเป็นการลงโทษ"
"พ่ะย่ะค่ะ"
ซีห่าวย่อมเข้าใจท่านอ๋องของตนเองเขารับคำสั่งทันใด แล้วเอ่ยว่า
"แล้วคุณหนูผู้นี้ท่านอ๋องจะทำโทษนางอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ"
"ไว้ชีวิตนาง ทว่าลิ้นของนางสมควรตัดทิ้งไม่ให้นางเอ่ยเรื่องนี้ได้อีกต่อไป"
ให้ตายเถิด เจ้าลุงนี่ยังไม่ยอมหยุด นี่นางกำลังหาเรื่องให้ตัวเองจริง ๆ จื่อรั่วอิงเร่งคิดหาวิธีเอาตัวรอดกระทั่งในที่สุดนางก็เอ่ยปากว่า
"หากท่านจะตัดลิ้นข้า ท่านก็สมควรตัดมือตนเองด้วย ล่วงเกินข้ารุนแรงเช่นนี้ยังไม่คิดจะรับผิดชอบสิ่งใดหรือ ที่แท้ท่านอ๋องก็เป็นคนเช่นนี้เอง น่ารังเกียจยิ่งนักกระทั่งสาวงามดุจเทพเซียนร่างกายอ่อนแอเช่นข้าท่านยังรังแกไม่หยุด ลี่หมิงอ๋องท่านใจดำเหลือเกินนะเพคะ"
เพราะเขาตาบอด จื่อรั่วอิงจึงต้องย้ำคำว่า สาวงาม ให้เขารู้ว่านางเป็นสตรีที่งดงามเทียมฟ้า งดงามที่สุดในปฐพี
ตั้งแต่มีชีวิตเกิดมาเป็นอ๋อง ไม่เคยมีผู้ใดกล้าตำหนิเขาตรง ๆ เช่นนี้สักครั้ง กระทั่งฝ่าบาทยังแทบวางเขาไว้บนฝ่ามืออย่างทะนุถนอม ทว่าจื่อรั่วอิงไม่เป็นเช่นนั้น ไหน ๆ นางก็คิดว่าตัวเองต้องตายจริง ๆ แล้วจึงต้องหาทางเอาตัวให้รอดจากความตายนี้
จู่ ๆ อ๋องตาบอดผู้นั้นก็หัวเราะจนหนวดกระดิก ภายในโถงสวดมนต์แห่งนี้เงียบสงบยิ่งนักจึงทำให้เสียงหัวเราะของลี่หมิงอ๋องดังกึกก้องลั่นโถง
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็ได้ในเมื่อเจ้ากล้าหาญนัก เช่นนั้นข้ากับเจ้าวันนี้หายกัน ไสหัวไปให้พ้นแล้วอย่าได้เข้าใกล้ข้าอีก คราวหน้าข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่"
ผิดความคาดหมายของนางไปมาก เขาควรรับผิดชอบสิ บีบนมนางจนเจ็บขนาดนั้นยังบอกว่าหายกัน จื่อรั่วอิงมีแต่เสียกับเสียยังไม่ได้ประโยชน์ใดเลยแม้แต่น้อย นางทำถึงขนาดนี้แล้วย่อมไม่ยินยอม อย่างไรก็ต้องตกลงให้ดี
"ท่านอ๋อง นอกจากไว้ชีวิตข้าแล้วท่านต้องรับผิดชอบข้าด้วย ท่านแตะต้องส่วนสำคัญของข้าไปแล้วยังจะหวังให้ข้าแต่งกับบุรุษอื่นได้หรือ ท่านไม่คิดถึงศักดิ์ศรีของข้าเลยหรือเพคะ"
ลี่หมิงอ๋องรับน้ำชาจากซีห่าวแล้วเอ่ยโดยไม่สนใจคำของนางแม้แต่น้อย
"ลากนางออกไป อย่าให้นางมาใกล้ข้าอีก"
"ท่านอ๋องเพคะ"
จื่อรั่วอิงเริ่มโวยวาย นางคิดว่าตนเองดูคนไม่ผิด ลี่หมิงอ๋องดูเหมือนจะเป็นโรครังเกียจสตรี ถ้านางทำให้ตาลุงอ๋องนี่ใจอ่อนลงและยอมรับข้อเสนอ ชีวิตในฐานะพระชายาของนางคงสงบสุขแน่นอนด้วยคนผู้นี้คงไม่คิดวุ่นวายกับนางอีก
จากที่ผ่านมาเขาไม่ใช่คนไร้เหตุผล ยังฟังนางอยู่หลายคำดังนั้นนางคิดว่าขอเพียงนางอ้อนวอนอีกสักหน่อย เขาย่อมเห็นดีเห็นงามด้วย ทว่าเรื่องที่นางคิดนั้นยังไม่ทันได้เอ่ย เมื่อจู่ ๆ ทหารองครักษ์ของเขาก็วิ่งเข้ามารายงานด้วยท่าทางตื่นตระหนก
"ท่านอ๋องบัดนี้จื่อกุ้ยเฟยและท่านเสนาบดีกรมโยธากำลังตรงมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ"
จื่อรั่วอิงเข่าทรุดลงอีกครั้ง เดิมทีนางคิดทำเรื่องนี้เงียบ ๆ ตกลงกับท่านอ๋องให้ดีแล้วให้เขาส่งคนไปสู่ขอ ไม่คิดว่าบัดนี้เวรกรรมที่อยู่ในรูปของบิดากำลังมาก่อกวนแผนการของนางเสียแล้ว เหตุใดรู้ว่องไวเพียงนี้กัน!