บทที่ 2 หรือเจ้าก็ป่วย
"ท่านอ๋อง สถานที่จัดเตรียมไว้พร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
ซีห่าวองครักษ์ขั้นสี่ซึ่งเป็นองครักษ์คนสนิทของลี่หมิงอ๋องเอ่ยขึ้นหลังจากเขาให้บรรดาองครักษ์ทั้งหมดสำรวจความปลอดภัยรอบบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์จนวางใจ
ซีห่าวนำทางลี่หมิงไปจนถึงบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ เป็นเพราะลี่หมิงเองมาที่นี่จนจดจำเส้นทางได้แล้วแม้จะมองไม่เห็นทว่าเขากลับเดินเหินคล่องแคล่วนัก
เมื่อถึงบ่อน้ำร้อนซีห่าวช่วยปลดเสื้อคลุมให้ท่านอ๋อง กระทั่งเขาลงไปนั่งแช่ในบ่อน้ำพุจนเรียบร้อยจึงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ่อโดยละเอียด เมื่อพบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติเขาจึงค่อย ๆ ถอยออกไป
ลี่หมิงอาศัยช่วงเวลานี้พักผ่อนร่างกาย เขากึ่งนั่งกึ่งเอนกายแล้วหลับตาลงอย่างสงบ สองก้านธูปที่ต้องนั่งแช่อยู่ในนี้เพื่อขจัดพิษมาเกือบสองปีนี้ทำให้เขาร่างกายของเขามีอาการดีขึ้นจนเกือบหายเป็นปกติ ทว่าดวงตาของเขากลับมีอาการดีขึ้นเพียงเล็กน้อย จากที่มองไม่เห็นเลยบัดนี้ยังสามารถมองเห็นเงาเลือนรางไม่อาจแยกสีสันได้ชัดเจนซึ่งกระทั่งท่านหมอเองยังถอดใจคิดว่าชาตินี้เขาอาจไม่สามารถกลับมามองเห็นเป็นปกติได้อีกต่อไป แต่กระนั้นลี่หมิงอ๋องก็ยังคงเสาะหาท่านหมอผู้เก่งกาจคนอื่นมารักษาตนแทน
จื่อรั่วอิงรอด้วยใจระทึกอยู่ตรงที่หลบซ่อน จากจุดนี้นางเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างของบุรุษผู้นั้น นางมองไม่เห็นใบหน้าของเขาและไม่เคยมีผู้ใดเคยพบเห็นลี่อ๋องตัวเป็น ๆ มาหลายปีแล้วจึงไม่รู้ว่าหน้าตาเขาในตอนนี้เป็นอย่างไร
เขาจากเมืองหลวงไปทำศึกตั้งแต่อายุเพียงสิบสามปี ด้วยฐานะขุนศึกแห่งแคว้นหนิงเทียนทำให้เด็กน้อยต้องถูกบีบบังคับให้โตก่อนวัยอันสมควร เช่นนี้จึงไม่แปลกที่จิตใจของเขาจะวิปริต
เมื่อจื่อรั่วอิงเห็นว่าบัดนี้ลี่หมิงอยู่เพียงลำพังแล้ว นางจึงค่อย ๆ คลานออกมาจากที่ซ่อนซึ่งเป็นโพรงที่ทำขึ้นมาอย่างแนบเนียนกลืนไปกับธรรมชาติแถวนี้อย่างไร้ที่ติ ในใจก็อดชื่นชมเจ้าอ้วนเป่าไม่ได้มิเสียแรงที่นางลงทุนคุกเข่าอ้อนวอนท่านพ่อให้รับเขามาเป็นบ่าวของนาง
นางค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้ท่านอ๋องผู้นั้นที่เหมือนจะไม่รู้ตัวว่ามีบุคคลที่สองอยู่ใกล้เขาเพียงนี้ ความจริงนางไม่อยากเอาเปรียบคนตาบอดแต่เมื่อแผนการได้วางมาจนถึงขั้นนี้แล้วไม่อาจถอยหลังกลับไปได้
สายตาของจื่อรั่วอิงไม่อาจละไปจากแผ่นหลังของเขาได้ ต้องยอมรับว่าคนผู้นี้องอาจผ่าเผย แม้แต่ท่วงท่าการนั่งยังดูสูงส่งเพียงนี้ แผ่นหลังเปลือยเปล่านั่นยังจับตัวเป็นมัดกล้ามอันแสนงดงาม ลี่อ๋องผู้นี้ช่างมีเรือนร่างที่เหมาะสมที่เป็นนักรบจริง ๆ ผมของเขาถูกรวบสูงและสวมครอบด้วยกวานสีเงินสลักลายก้อนเมฆบ่งบอกฐานะที่คนทั่วไปไม่อาจเอื้อม
จื่อรั่วอิงอยู่ในชุดเสื้อผ้าสีขาวที่คิดเอาไว้เป็นอย่างดี หากชุดนี้เปียกน้ำจะสามารถมองเห็นเนื้อหนังข้างในได้ชัดเจน เมื่อนางลงไปในอ่างน้ำพุร้อนแห่งนี้กับเขา แน่นอนว่าชุดนี้จะแนบเนื้อจนดูค่อนข้างโป๊หากมีคนมาพบเข้าก็ยากที่จะคิดเป็นอื่น
จากนั้นนางจะกรีดร้องเพื่อให้ดูน่าสงสาร ชื่อเสียงของสตรีโบราณสำคัญยิ่งกว่าชีวิต เมื่อถึงตอนนั้นลี่หมิงอ๋องก็อย่าคิดว่าจะหนีรอดเงื้อมมือของนางไปได้
จื่อรั่วอิงคิดอย่างเพลิดเพลิน ขาเรียวขาวของนางค่อย ๆ จุ่มลงน้ำ อุณหภูมิของน้ำค่อนข้างอุ่นพอดี การแช่น้ำในอุณหภูมิเช่นนี้คงทำให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้นจริง ๆ
หลังจากค่อย ๆ ก้าวลงน้ำอย่างช้า ๆ จื่อรั่วอิงกลั้นหายใจค่อย ๆ แหวกน้ำเข้าไปใกล้เขาเพียงเงยหน้าขึ้นสายตาของนางพลันปะทะกับอกกว้างแข็งแกร่ง
จื่อรั่วอิงดวงตาแข็งค้างกับภาพยั่วยวนตรงหน้า รูปร่างที่โผล่พ้นสายน้ำทำให้นางไม่อยากเชื่อสายตา เหมือนเป็นประติมากรรมชั้นเยี่ยม
มัดกล้ามหน้าท้องเป็นลอนแน่นคมชัดราวกับภาพสี่มิติ ภายใต้แสงแดดอ่อนที่สาดส่องราวกับมีลำแสงรายรอบร่างกายให้เปล่งประกาย ยากนักที่ใครเห็นแล้วจะต้านเสน่ห์อันเย้ายวน นางค่อย ๆ ไต่สายตาขึ้นไปเรื่อย ๆ ลำคอแห้งผากกระทั่งพบเข้ากับใบหน้านั้น
จื่อรั่วอิงอ้าปากค้าง สวรรค์ ให้ตายเถอะรูปร่างเช่นนี้คนที่เป็นเจ้าของสมควรหล่อเหลาไร้ที่ติมิใช่หรือ ทว่าลี่อ๋องบัดนี้กลับแตกต่างจากที่นางคิด เมื่อใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหนวดเคราที่ขึ้นเต็ม เส้นผมของคนผู้นี้ยังมีสีขาวแซมเป็นกระจุกกระจายทั่วศีรษะ
แน่นอนว่าสมัยนี้ไม่มีสารเคมีกัดสีผม สีขาวที่เห็นจึงไม่ใช่การทำไฮไลต์แต่มันต้องคือผมหงอกนั่นเอง ท่านอ๋องอายุสามสิบเองมิใช่หรือ เหตุใดใบหน้าและเส้นผมจึงแก่ก่อนวัยราวกับคุณลุงคนหนึ่งเช่นนี้
ยิ่งเห็นหนวดเคราที่รกแบบนั้นจื่อรั่วอิงคิดอยากใช้กรรไกรตัดหญ้าถากถางป่ารกนั้นให้เกลี้ยงสะอาดตาแล้วดูว่าใบหน้าภายใต้หนวดนั้นจะเป็นเช่นไร
ดวงตาคู่นั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรเพราะถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าสีดำ ท่าทางการนั่งหลังตรงของลี่อ๋องตอนนี้ก็น่ากลัวดุดันจนนางเชื่อเสียสนิทว่าเขาคงกลายเป็นคนสติวิปลาส หัวใจบิดเบี้ยวไปจริงๆ แล้ว
แต่เมื่อขึ้นหลังเสือแล้วนางไม่อาจลงได้ มิเช่นนั้นคงถูกเสือขย้ำจนร่างละเอียด
จื่อรั่วอิงจึงตัดสินใจพุ่งเข้าหาเขาตามแผนทันใด ทว่าบัดนี้เพียงนางขยับเล็กน้อย คนผู้นั้นก็ขยับมาถึงร่างของนางแล้ว
จื่อรั่วอิงตกใจจนชะงักค้าง เมื่อฝ่ามือของเขาทั้งสองข้างสัมผัสที่หน้าอกของนางเดิมทีคิดว่าคงจะถูกฝ่ามือนั้นทำร้ายจนร่างกระเด็นเสียแล้ว ทว่าลี่อ๋องกลับไม่ทำเช่นนั้นเขากำลังทำบางอย่าง....คล้ายจะสำรวจบางสิ่งบางอย่างใต้ฝ่ามือของเขา
"เจ้าไม่มีวรยุทธ์ ไม่มีอาวุธ ไม่น่าจะเป็นมือสังหาร"
เสียงเยือกเย็นของเขาทำให้นางรู้สึกหนาวขึ้นทันใด ปากของนางสั่นเพราะตกใจก่อนจะเอ่ยว่า
"ขะ ข้าไม่ใช่ ไม่ใช่มือสังหาร"
"เช่นนั้นเจ้าคือผู้ใด หรือว่า..." ลี่หมิงหยุดเล็กน้อยแล้วยังคลำต่อ ก่อนจะเอ่ยว่า "หรือว่า เจ้าก็ป่วยเช่นกันจึงมาแช่น้ำศักดิ์สิทธิ์นี้"
จื่อรั่วอิงยังคงตกใจไม่หาย เขาสงบกว่าที่นางคาดคิดจนนางไม่รู้จะดำเนินแผนโวยวายอย่างไร
ผู้ใดว่าเขาวิปริตเจ้าอารมณ์ คนผู้นี้สมควรโวยวายจนทำให้คนแห่เข้ามามิใช่หรือ อีกทั้งนางยังไม่เข้าใจที่เขาพูด
นางป่วยหรือ ทำไมเขาคิดว่านางป่วยหรือคนผู้นี้จะเป็นบ้าไปจริง ๆ ก่อนที่นางจะอ้าปากตอบลี่หมิงก็เอ่ยต่อ
"ตรงนี้ของเจ้า เป็นเนื้องอกสองก้อนขนาดเท่าหัวเด็ก ข้าไม่เคยพบเนื้องอกที่ใหญ่โตเช่นนี้ หรือว่าจะมิใช่เป็นของจริงกัน"
จื่อรั่วอิงกะพริบตาปริบ ๆ ในยามนี้มือของลี่อ๋องกลับบีบเข้าไปที่หน้าอกทั้งสองข้างของนางอย่างแรง ราวกับว่ากำลังทำให้ตัวเองแน่ใจว่ามันคือเนื้องอกจริง ๆ จื่อรั่วอิงกำลังสับสนและรู้สึกเจ็บจนแทบน้ำตาเล็ด
ป่วย...เนื้องอก...หัวเด็ก....ของปลอม!
สติขาดผึงทันใด จื่อรั่วอิงกรีดร้องขึ้นมาพร้อมกับก่นด่าเขาดังลั่น
"เจ้าลุงบ้า ข้าไม่ได้เป็นเนื้องอก หัวเด็กบ้านลุงน่ะสิ นี่มันหน้าอกข้า นมของข้า นมจริง ๆ ไม่ใช่ยัดซิลิโคน ไม่ใช่ของปลอมหากเป็นของปลอมเจ้าบีบแรงแบบนี้ก็คงแตกคามือเจ้าไปแล้ว ปล่อยข้านะ กรี๊ด คนบ้า เจ้าลุงหนวดเฟิ้ม เจ้าคนบ้า เลิกบีบนมข้าเดี๋ยวนี้"
นางทั้งตีทั้งทุบเขา ลี่หมิงอ๋องเองก็ตกตะลึงไม่หาย เสียงนี้คือสตรีแน่ชัด
เดิมทีเขาไม่คิดว่านางจะเป็นสตรี ที่นี่คือวัดเชิงเขาและสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ได้อนุญาตให้คนนอกเข้ามา ยิ่งเป็นสตรีด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางแล้วนางหลุดเข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
และที่สำคัญของขนาดใหญ่เท่าหัวเด็กนั่นจะกลายเป็น....ของสตรีไปได้อย่างไร
ว่าแล้วโทสะของเขาก็พุ่งขึ้นสูง คนที่เข้ามาที่นี่ย่อมต้องเป็นมือสังหาร เขาขยับร่างว่องไวแม้ตาจะมองไม่เห็นทว่าเพียงพริบตาก็คว้าลำคอของนางมาไว้ในอุ้งมือแล้วบีบอย่างแรง
"สารภาพมา ผู้ใดส่งเจ้ามาสังหารข้า"
จื่อรั่วอิงถูกบีบคอจนรู้สึกเจ็บ นางทั้งไอทั้งสำลักทั้งดิ้นรนหนีจากมือเหล็กนี้ นางอยากขอร้องให้เขาปล่อยทว่าเสียงกลับหายเข้าไปในลำคอแล้ว และบัดนี้นางกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะขาดใจตาย
ให้ตายเถอะ ไม่คิดว่าการหาสามีสักคนมันยากลำบากจนกระทั่งต้องเอาชีวิตเข้าแลกเช่นนี้
เพราะเสียงกรีดร้องที่ดังก้องไปทั่วเขา จึงทำให้ทหารและบรรดาไต้ซือที่รออยู่ด้านนอกกรูกันเข้ามาราวกับกองทัพมด
และเมื่อเข้ามาแล้วทุกคนยังอ้าปากค้าง ไต้ซือหลายคนถึงกับหันหลังหนีภาพนั้นด้วยเสื้อผ้าของจื่อรั่วอิงบางจนเห็นเนื้อด้านใน
แน่นอนว่าบัดนี้ทุกคนล้วนเข้ามาทันเห็นเหตุการณ์ที่จื่อรั่วอิงถูกลี่อ๋องลวนลามจับเข้าไปที่ตรงนั้นก่อนที่ท่านอ๋องจะคิดสังหารนาง
ในที่สุดก็มีคนจำจื่อรั่วอิงได้ ไต้ซือผู้หนึ่งจึงร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ ที่แท้คือท่านเจ้าอาวาสนั่นเอง
"ท่านอ๋อง ได้โปรดปล่อยนาง นางคือคุณหนูสามแห่งจวนสกุลจื่อ ท่านไม่อาจสังหารนางได้!"