บทที่ 11 รู้สึกตัว
สิ่งที่ได้ยินจากปากของเจ้าอี้เหวินทำให้โจวเจ๋อฮั่นถึงกับมีโทสะ เขาเอ่ยลอดไรฟันออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
"เจ้าว่าอย่างไรนะ"
"กระหม่อมกลับไปก็พบว่าคนของเราต่างโดนหมดสติอยู่ด้านหน้า อีกทั้งคนที่ต่อสู้กับองครักษ์ผู้นั้นต่างบอกว่าเขามีฝีมือร้ายกาจไม่น้อย เป็นกระหม่อมที่ประเมินเขาต่ำไปทำให้เขานำคนออกไปได้ กระหม่อมได้นำคนออกติดตามไปจนทั่วก็ไม่พบร่องรอยของพวกเขาแล้ว แต่กระหม่อมแน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองหลวงเป็นแน่ ในยามนั้นประตูเมืองก็ปิดแล้ว อีกทั้งคนของเราก็ไม่พบว่ามีผู้ใดที่มาเข้าใกล้ประตูเมือง เช่นนั้นพวกนางย่อมยังอยู่ในเมืองหลวงเป็นแน่ กระหม่อมบัดนี้ให้คนจับตาดูคนแล้ว หากผู้ใดมีพิรุธย่อมไม่อาจปล่อยไปได้เป็นแน่"
"เจ้าอี้เหวิน เจ้าก็รู้ว่าข้าให้ความสำคัญกับนางยิ่ง นางอาจเป็นสายลับที่ต้องการฆ่าข้า เรื่องหนักหนาเพียงนี้เจ้าเหตุใดจึงไม่รีบมารายงาน"
"โถ่ท่านอ๋อง ฝ่าบาทประทับอยู่กับท่าน เพียงแค่เรื่องหญิงนางหนึ่งกระหม่อมเห็นว่าไม่สำคัญ ใครจะกล้าเข้าไปถวายรายงานเล่า เดี๋ยวได้คอขาดกันพอดี" เจ้าอี้เหวินบ่นอุบอิบ เหตุผลของเขาแม้จะฟังได้อยู่บ้างแต่กระนั้นก็ยังไม่ทำให้ท่านอ๋องคลายโทสะลงได้
"เจ้าอี้เหวิน เรื่องสำคัญของเปิ่นหวางย่อมเป็นเรื่องสำคัญของฝ่าบาทด้วยเช่นกัน"
ท่านอ๋องใช้ถ้อยคำที่เป็นทางการกับเจ้าอี้เหวินเช่นนี้คนฟังก็รู้โดยทันทีว่าเขาโกรธเพียงใด
ดวงตาคมราวพยัคฆ์จ้องมายังเจ้าอี้เหวินเหมือนจะฉีกเนื้อให้หลุดออกมาถ้าหากเขายังไม่เข้าใจและทำงานผิดพลาดอีกคงได้ตายจริงๆ แน่ครานี้
นับเป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องให้ความสำคัญกับสตรี และที่สำคัญเป็นสตรีที่เพิ่งพบกันเพียงชั่วยามเดียว
ในใจของท่านอ๋องผู้นี้เหตุใดเจ้าอี้เหวินจะไม่รับรู้ พวกเขาอยู่ร่วมกันมานานเพียงนี้ย่อมเข้าใจกันเป็นอย่างดี
"ที่ท่านให้ความสำคัญเพราะต้องตานางใช่หรือไม่"
"เจ้าไม่ต้องเอ่ยให้มากความ หากข้าต้องการนางมาอุ่นเตียงจริงเจ้าก็จงนำตัวนางมาให้ข้า ถึงจะต้องพลิกฟ้าเจ้าต้องหานางให้พบเข้าใจหรือไม่"
"รับคำท่านแม่ทัพ"
เช้าวันต่อมา
หลิวซือซือตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งตัวครั้นพลิกกายไปมาก็พบว่าตนเองรู้สึกเจ็บที่ร่างกายอย่างประหลาด
เมื่อคืนเกิดเรื่องอันใดขึ้น เมื่อลืมตาจนเต็มนางก็พบว่าตนเองกำลังอยู่ในห้องนอน หาใช่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นไม่ นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
"ชุ่ยหลิน"
"คุณหนูตื่นแล้วเหรอเจ้าคะ รู้สึกเช่นใดบ้างเจ้าคะ"
"ข้าเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่"
"เมื่อคืนคุณหนูเป็นลมเจ้าค่ะ องครักษ์จึงพากลับจวนท่านเพียงแต่ไม่สบายแต่ได้ท่านหมอมาดูอาการแล้ว ท่านดื่มยาให้ครบก็หายแล้วเจ้าค่ะ"
ชุ่ยหลินเอ่ยพลางมองที่ลำคอของคุณหนู รอยประหลาดที่ลำคอของคุณหนู อีกทั้งยังเกิดขึ้นในร่างกายบางส่วนหากคุณหนูเห็นแล้วจะรู้สึกอย่างไรบ้าง
นางจะหวาดกลัวหรือไม่ แม้เมื่อคืนท่านหมอผู้นั้นจะยืนยันว่าไม่เป็นอันใดชุ่ยหลินก็ไม่วางใจ
ในใจก็คิดว่าอย่างไรนี่ก็เป็นร่างกายของคุณหนูนางควรจะบอกนายให้รับรู้เสียดีกว่าที่จะปิดบังเอาไว้ นางคุณหนูเกิดรู้ขึ้นมาเองคงหวาดวิตกยิ่งกว่าเดิมแน่
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านดูรอยที่ช่วงท้องของท่าน ยังมีที่ลำคอและเกิดขึ้นหลายส่วน"
ชุ่ยหลินนำกระจกให้ผู้เป็นนายดู อีกทั้งยังค่อยๆ อธิบายอย่างใจเย็นเมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางตกตะลึงเพียงใด
"ข้าเกิดอะไรขึ้นชุ่ยหลิน"
"คุณหนูรอยประหลาดผู้นี้ ท่านหมอได้มาตรวจแล้วตอนคุณหนูไม่ได้สติ บอกว่าท่านเพียงแต่ต้องลมเย็นอีกทั้งยังจับไข้จึงเกิดอาการลมพิษ ไม่เป็นอันตรายเพียงแต่ช่วงนี้ต้องกักตนอยู่แต่ในห้องห้ามออกไปข้างนอกจนกว่ารอยพวกนี้จะจางลงและหายไปเจ้าค่ะ"
"ใช่ข้าคงไม่สบายมาก ชุ่ยหลิน ข้าฝันประหลาดยิ่งแต่ความฝันนั้นกลับจำไม่ได้ ก่อนหน้านั้นจำได้ว่ารู้สึกร้อนอบอ้าวจนไม่อาจสวมอาภรณ์ได้หลังจากเข้าห้องมาก็ไม่รู้เรื่องแล้ว ขอบคุณเจ้าและองครักษ์ที่ดูแลข้า"
ชุ่ยหลินถอนหายใจ นางถูกองครักษ์หลงกำชับมาว่าห้ามเอ่ยเรื่องที่ผ่านมากับคุณหนูหากนางจำไม่ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นสำหรับสตรีแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง
การอยู่กับบุรุษแปลกหน้าเพียงลำพังในขณะที่ตนเองไร้อาภรณ์เช่นนั้น ล้วนทำให้ชื่อเสียงเสียหาย
หากคุณหนูจำได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นคุณหนูต้องเสียใจเป็นแน่ ชุ่ยหลินจึงดีใจยิ่งที่คุณหนูลืมเรื่องนี้ไปได้ได้
ต่อไปนางจะดูแลคุณหนูให้ดี ไม่ยอมให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นอีกเป็นอันขาด