มหรสพนี้ข้าเป็นเพียงผู้ชม
“หรงเอ๋อร์” ฉางซื่อหลางเลิกคิ้วถามอย่างนึกสงสัยที่อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป
หานฉงหรงหลุดจากภวังค์ ก่อนช้อนตาขึ้นมอง “ปิ่นที่เจ้าให้ ข้าชอบมาก เจ้าช่วยประดับที่เรือนผมของข้าให้หน่อยได้หรือไม่ จากนั้นข้าจะเดินไปอวดคนในตลาด ให้เขารู้ว่ากันให้ทั่วว่าว่าที่คู่หมั้นของข้านั้นช่างแสนดีเพียงใด”
ฉางซื่อหลางสะอึกอึ้ง ก่อนเอ่ยอย่างไม่เต็มเสียงนัก “หรงเอ๋อร์ ปิ่นชิ้นนี้ข้าอุตส่าห์สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้า ไว้ประดับในงานสำคัญหรือช่วงเทศกาลไม่ดีกว่าหรือ ถ้าเกิดเผลอไผลทำตกขึ้นมาจะไม่มีอีกแล้วนะ”
ฉงหรงกล่าวเสียงเง้างอดอย่างมิเคยทำ “ไม่เอา ในเมื่อเป็นของพิเศษที่มีชิ้นเดียวในโลกก็ต้องอวดให้ผู้อื่นได้เห็นสิ นอกเสียจากว่าปิ่นชิ้นนี้จะมีผู้อื่นใส่เหมือนกัน”
เห็นฉางซื่อหลางทำสีหน้าย่ำแย่เหมือนคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นนางพลันรู้สึกปลอดโปร่งเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยวาจาออดอ้อนเขาต่อ “ถือว่าข้าขอร้องเจ้านะ ซื่อหลาง”
คล้ายคนขี่หลังเสือแล้วไม่อาจหาทางลงได้ สุดท้ายฉางซื่อหลางก็พยักหน้าด้วยสีหน้าจืดเจื่อนเล็กน้อย
เนื่องจากเป็นช่วงสาย ตลาดที่ถนนสายหลักยังคงครึกครื้น หานฉงหรงยิ้มรับขนมเม็ดบัวคลุกผงกุ้ยฮวาที่ว่าที่คู่หมายซื้อมาให้พลางกัดกินไปคำหนึ่ง จากนั้นก็เลี้ยวไปยังตรอกชิงฮวาพร้อมกับหลินหลาง แวะร้านขายน้ำหวานซื้อน้ำดอกสายน้ำผึ้งที่ใส่กระบอกไม้ไผ่มา ดื่มด่ำความหอมหวานอย่างมีความสุข พลางมองหาบางอย่างที่ต้องการ จากนั้นก็ลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย ยิ่งเมื่อเห็นฉางซื่อหลางดูลุกลี้ลุกลนนางก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่นางคาดเดาไว้นั้นถูกต้อง
จำได้ว่าก่อนหน้าที่นางจะแต่งงานกับฉางซื่อหลาง หลินหลางเคยบอกนางว่าฉางซื่อหลางนั้นลักลอบมีความสัมพันธ์กับแม่ค้าขายดอกไม้นางหนึ่งในตรอกชิงฮวา ถึงขนาดมอบของแทนใจ ทว่าหานฉงหรงในเวลานั้นไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย
อาจเพราะตอนนั้นนางคงถูกความรักที่มีต่อฉางซื่อหลางและความดีงามที่เจ้าตัวเพียรกระทำตอนอยู่ต่อหน้าปิดหูปิดตาจนมืดบอด กว่าจะรู้ตัวทุกอย่างก็สายเกินแก้ไปเสียแล้ว
หานฉงหรงลอบถอนใจ เวลานี้ไม่มีประโยชน์ที่จะนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว เมื่อได้โอกาสย้อนกลับมา ก็อย่าได้โง่หลงงมงายอีก เพียงแค่นั้นก็พอ
ร้านดอกไม้ที่เป็นเป้าหมายนั้นหาไม่ยาก เพราะในตรอกชิงฮวานี้มีร้านดอกไม้อยู่สองร้าน ร้านหนึ่งเจ้าของเป็นหญิงชราอายุเกือบเจ็ดสิบ ส่วนอีกร้านเจ้าของยังเป็นดรุณีน้อยหน้าตางดงาม ซึ่งดูจากรสนิยมชมชอบของฉางซื่อหลางย่อมเลือกเกี้ยวพาราสีแม่ค้าจากร้านแรกมากกว่า อีกทั้งหญิงสาวเจ้าของร้านยังประดับปิ่นอวิ๋นเหยาที่เหมือนกับนางอย่างโดดเด่นสะดุดตาเสียขนาดนั้น ต่อให้เป็นเด็กสามขวบก็เข้าใจ
“หรงเอ๋อร์ เดี๋ยว...” ฉางซื่อหลางพยายามเรียกหานฉงหรงที่พลิ้วกายเดินไปยังร้านขายดอกไม้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานใส
“ดอกกล้วยไม้ช่อนี้งามนัก ราคาเท่าไหร่หรือ”
ฝูหรงผู้เป็นเจ้าของร้านที่กำลังง่วนกับการจัดร้านเงยหน้ามาพร้อมรอยยิ้ม “กล้วยไม้นั้นสามอีแปะเจ้าค่ะ”
กล่าวเพียงแค่นั้นก็พลันสะอึกอึ้งเมื่อเห็นฉางซื่อหลางอยู่เบื้องหลังคุณหนูนางนี้ ก่อนเอ่ย “กล้วยไม้นั้นก็งามอยู่ ทว่ากลีบดอกเริ่มช้ำแล้ว ข้าว่าคุณหนูควรดูดอกไม้ชนิดอื่นดีกว่าไหม”
ปลายนิ้วของหานฉงหรงไล้ไปตามกลีบแข็งของกล้วยไม้ดอกหนึ่งพลางเอ่ย “กล้วยไม้ ถือเป็นหนึ่งในสี่ของพฤกษาอันทรงเกียรติ [1] สื่อถึงความรักอันสูงส่ง มีเกียรติ และดีงาม ไม่มีหน้าหรือหลัง เหมือนกับความรักของข้ากับคู่หมายท่านนี้ ที่เขามาสู่ขอข้าอย่างเอิกเกริก ไม่เคยต้องหลบซ่อน หรือลักกินขโมยกิน”
ฝูหรงขายดอกไม้มานาน ลูกค้ามีตั้งแต่ชาวบ้านธรรมดาไปจนถึงบัณฑิตมีความรู้ จึงต้องศึกษาเรื่องดอกไม้มามากพอตัว มีหรือที่นางจะไม่เข้าใจความหมายของดอกไม้ที่หานฉงหรงจงใจเสียดสี แสดงว่านางเริ่มระแคะระคาย แต่เมื่อนึกถึงที่บุรุษที่ยืนอยู่ด้านหลังฉงหรง ทั้งยังคำมั่นที่อีกฝ่ายเคยบอกนางว่าหลังรักตนมาก่อน ก็ให้รู้สึกลำพอง "ขอบคุณคุณหนูที่อธิบาย กล้วยไม้นี้เหมาะสมกับสถานะและความรักอันสูงส่งของท่านอย่างยิ่ง ทว่าความรักของข้าเองก็ไม่ต่างจากดอกกล้วยไม้ ผู้มอบปิ่นอวิ๋นเหยานี้ให้กับข้าก็เป็นบุรุษที่สูงส่ง และมั่นคงในรักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน" ฝูหรงว่าพลางหัวเราะเสียงใสจจนปิ่นอวิ๋นเหยาที่ประดับสะท้อนแสงแดดกรีดบาดนัยน์ตาคนฟัง
หานฉงหรงอมยิ้ม ขณะกำลังจะอ้าปากเอ่ย พลันมีเสียงๆ หนึ่งดังแทรกขึ้นมา
"นั่น ปิ่นอวิ๋นเหยาที่คุณชายฉางมอบให้คุณหนู เจ้าได้มาได้อย่างไร!?" เป็นหลินหลางนั่นเองที่โพล่งออกมา ท่าทางของนางโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าฉงหรงที่เป็นเจ้าของปิ่นเสียอีก ฉงหรงเห็นดังนั้นก็ไม่คิดห้ามปราม เพียงยืนดูอยู่เงียบๆ
"เจ้าบอกว่าปิ่นนี้เป็นของคุณหนูเจ้า สาวใช้ชั้นต่ำเช่นเจ้าจะแยกแยะอันใดได้มากน้อย หรือเจ้าจะบอกว่าคุณชายฉางอะไรนั่นของเจ้าเป็นพวกเจ้าชู้มากรัก สั่งทำปิ่นแจกจ่ายสตรีไปทั่ว" ฝูหรงพลางค้อนควับไปยังฉางซื่อหลางที่มีใบหน้าเครียดดั่งเมฆาฟ้าคำรณ
"เจ้า!" หลินหลางยื่นมือไปดึงปิ่นออกจากเรือนผมฝูหรง "อย่าได้บังอาจพูดจาดูถูกคุณชายฉาง!"
"นางเด็กนี่!" ฝูหรงตั้งหลักได้พลันคว้าสาบเสื้อของหลินหลางเอาไว้ "ทำกับข้าเพียงนี้ ก็อย่าหาว่าแม่ค้าปากตลาดเช่นข้าโหดร้าย!"
ตวาดจบฝูหรงก็ผลักหลินหลางล้มลงไปกับพื้น ก่อนก้าวคร่อมตัวอีกฝ่ายไว้ ขณะที่กำลังเงื้อมือหมายฟาดไปที่หน้าของสาวใช้ชั้นต่ำ สายตาพลันเหลือบไปเห็นปิ่นอวิ๋นเหยาที่เหมือนกับนางไม่ผิดเพี้ยนจึงพลันเหยียดยิ้ม "โถๆ ทำเป็นสาวใช้ผู้ภักดีเถียงแทนเจ้านาย ที่แท้หลวงอนุรักใคร่กลมเกลียวเช่นนี้!"
"นางสารเลว วาจายิ่งกว่าสวาปามอาจมไปทั้งหลุมเช่นนี้อย่าเก็บปากไว้กินข้าวอีกต่อไปเลย!" หลินหลางเลือดขึ้นหน้าก่อนตบหน้าฝูหรงอย่างไม่ออมแรง การกระทำนี้ไม่ต่างจากการรัวกลองเปิดศึก สองสตรีตรงเข้าตะลุมบอนจนฝุ่นตลบทั้งยังเสียกิริยาน่าเอนจอนาถยิ่ง
ฉางซื่อหลางหลับตานิ่งอย่างข่มอารมณ์ ทำเป็นไม่เห็นเหตุร้ายเบื้องหน้าก่อนเอ่ย "หรงเอ๋อร์ เราไปที่อื่นเถอะ"
หานฉงหรงไม่มีท่าทีเคืองขุ่นก่อนเอ่ย "ข้าน่ะไปได้ แต่เจ้าจะไปได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ของทางการอย่างเจ้าต้องรักษาความสงบเรียบร้อย เจ้ารีบไประงับเหตุก่อนเถอะ ส่วนข้าจะไปรอที่ปากทางเข้าตรอกเอง"
ว่าจบนางก็ตบบ่าเขาสองสามครั้ง ก่อนเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
[1] พฤกษาอันทรงเกียรติทั้งสี่ (四君子) ได้แก่ ดอกกล้วยไม้ ดอกเหมย ดอกเบญจมาศ และต้นไผ่
