ตอนที่ 7 เจ้ามันสตรีไร้ยางอาย
พูดเสร็จเหมยลี่อินก็ไม่รอช้า นางกระโดดขึ้นไปกดเขาลงกับที่นอน และใช้จังหวะที่เขาไม่ทันได้ระวังตัวสกัดจุดบุรุษตรงหน้าไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนได้อีก ซึ่งทำให้ในตอนนี้นางกำลังนั่งทับบุรุษผู้นั้นอยู่อย่างช่วยไม่ได้
"เจ้าคิดที่จะทำอันใดข้า"
ชินอ๋อง จ้องไปที่สตรีตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ด้วยไม่คาดคิดว่านางจะกล้าขึ้นมาทับเขาไว้เช่นนี้
"ก็หม่อมฉันบอกไปแล้ว ว่าแค่มาตรวจดูพระอาการของพระองค์ ถ้าพระองค์ทรงยอมอยู่นิ่งๆเสียตั้งแต่แรก หม่อมฉันก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้"
พูดเสร็จเหมยลี่อินก็รีบก้มลงไปสำรวจร่างกายของบุรุษตรงหน้าแทบจะในทันที เพราะตอนนี้นางได้เสียเวลาไปมากแล้ว หากว่ามีคนพบว่านางลอบออกมาจากตำหนักจวิ้นอ๋องซึ่งเป็นตำหนักของพระสวามีของนางแล้วละก็ คงไม่เป็นผลดีกับนางเป็นแน่ นางยังไม่ต้องการที่จะสร้างเรื่องสร้างราวขึ้นในตอนนี้
เหมยลี่อินจัดการจับบุรุษตรงหน้าถอดอาภรณ์ของเขาออกทีละชิ้น เพื่อที่จะได้สำรวจร่างกายของเขาอย่างละเอียด นางจึงพบว่าแท้ที่จริงแล้ว เขาไม่ได้บาดเจ็บอันใดมากมายนัก มีเพียงเส้นเอ็นที่ข้อเท้าทั้งสองข้างที่ฉีกขาดเพียงเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้สร้างความพอใจให้กับนางเป็นอย่างมาก เพราะหนทางการรักษานั้น ถือว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับนาง
"หยุดการกระทำของเจ้าลงเดี๋ยวนี้ เจ้ามันสตรีไร้ยางอาย!"
"ทราบแล้วเพคะ แต่จากการตรวจพระวรกายของพระองค์โดยละเอียดแล้ว หม่อมฉันพบว่าพระองค์ไม่เป็นอันใดมาก แค่เพียงเส้นเอ็นขาดเท่านั้น"
เหมยลี่อินกล่าวออกไปด้วยท่าทีจริงจังและค่อยๆสวมอาภรณ์กลับคืนให้กับบุรุษตรงหน้าทีละชิ้นอย่างรวดเร็ว
"เจ้าจะบอกว่าร่างกายของเปิ่นหวางไม่ได้บาดเจ็บอันใดมากเช่นนั้นหรือ แล้วเหตุใด เปิ่นหวางถึงได้เป็นชายพิการที่ไม่สามารถเดินเหินได้ด้วยตนเองเช่นนี้เล่า แค่เพียงเท่านี้ก็ทำให้เปิ่นหวางทราบแล้วว่าความสามารถของเจ้านั้น มีน้อยเพียงใด"
"ก็มันจริงนี่ ในเมื่อพระวรกายของพระองค์ถือว่าปกติดี ไม่มีส่วนใดเสียหาย มีเพียงแค่เส้นเอ็นข้อเท้าทั้งสองข้างเท่านั้นที่ฉีกขาด ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ามันไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร สำหรับหม่อมฉัน เพราะหม่อมฉันสามารถทำการผ่าตัด เพื่อเย็บต่อเส้นเอ็นของพระองค์ให้กลับคืนมาเป็นปกติดังเดิมได้"
"เจ้าจะบอกว่าเจ้าสามารถรักษาเปิ่นหวางได้เช่นนั้นหรือ"
เมื่อเขาได้ยินคำกล่าวของสตรีตรงหน้า ก็ให้รู้สึกถึงประกายแห่งความหวังพาดผ่านมาในดวงตา อย่างรวดเร็วถึง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงโอกาสอันน้อยนิด แต่หากว่าเขาสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง เขาก็พร้อมที่จะรับมันไว้ แต่เขาจะสามารถเชื่อใจสตรีตรงหน้านี้ได้มากน้อยเพียงใด นางจะมีความสามารถเช่นนั้นจริงๆหรือ
แต่การที่นางสามารถลอบเข้ามาในตำหนักของเขาได้โดยที่องครักษ์ของเขาไม่สามารถมีผู้ใดจับการเคลื่อนไหวของนางได้เลยแม้แต่น้อยนั้น ก็สร้างความตกตะลึงให้กับเขาไปไม่น้อยเช่นกัน แล้วหากนางจะสามารถ รักษาเขาให้หายเป็นปกติได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ ในตอนนี้ชินอ๋อง กำลังเกิดคำถามมากมายในหัว เขาจ้องมองไปที่สตรีตรงหน้าด้วยท่าทีจริงจัง เพื่อที่จะหาคำตอบในสายตาคู่นั้นของนาง
"แล้วเจ้าต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทน ในเมื่อเปิ่นหวางมิเห็นความเป็นไปได้ที่เจ้าจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย"
"เพียงแค่ตอบแทนบุญคุณที่พระองค์เคยช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้เพียงเท่านั้น หม่อมฉันไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณใคร เพียงแต่หม่อมฉันต้องไปเตรียมอุปกรณ์ในการผ่าตัดต่อเส้นเอ็นให้กับพระองค์เสียก่อน ซึ่งหาก เป็นไปได้หม่อมฉันจะร่างแบบ เครื่องมือที่ใช้ในการผ่าตัดในครั้งนี้ให้กับพระองค์ แล้วให้คนของพระองค์ ไปจัดการเตรียมมาให้กับหม่อมฉันให้พร้อม เมื่ออุปกรณ์เสร็จเมื่อใดหม่อมฉันก็พร้อมที่จะทำการผ่าตัดให้พระองค์ได้เมื่อนั้น
ดังนั้นในวันนี้หม่อมฉันจะร่างแบบและอธิบายถึงลักษณะอุปกรณ์คร่าวๆให้กับพระองค์ได้ทรงทราบ และหากไม่เหนือบ่ากว่าแรงของพระองค์จนเกินไป ท่านอ๋องช่วยเตรียมพระวรกายให้พร้อม สำหรับการผ่าตัดด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้ตนเองผอมแห้งไร้เรี่ยวแรงเหมือนคนกำลังจะตายเช่นนี้"
ก็คงจะมีแต่เพียงนางเท่านั้นกระมังที่กล้ากล่าววาจาอุกอาจกับเขาได้เช่นนี้
พูดเสร็จเหมยลี่อินก็ไม่รอช้า นางรีบหากระดาษและพู่กัน มาร่างแบบอุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัดทันที ซึ่งการกระทำของนางทุกอย่างนั้น ล้วนอยู่ในสายตาของชินอ๋องหยางหรงเหลียนทั้งสิ้น เขาจ้องมองไปยังแผ่นกระดาษที่นางกำลังวาดภาพอยู่นั้น ด้วยสายตาลุ่มลึก ต้องบอกได้เลยว่าเขาไม่เคยเห็นอุปกรณ์พวกนี้มาก่อน อุปกรณ์พวกนี้จะสามารถเปลี่ยนชีวิตของเขาได้จริงๆหรือ เขาได้แต่ตั้งคำถามกับตนเองในใจซ้ำไปซ้ำมา
"นี่คืออุปกรณ์ทั้งหมดที่พระองค์จะต้องเตรียมมาให้กับหม่อมฉัน และนี่คือชื่อของสมุนไพรทั้งหมดที่พระองค์จะต้องไปเตรียมมาเช่นกัน ซึ่งหากให้หม่อมฉันเป็นคนไปจัดการเองทั้งหมดคงใช้เวลาอีกนานกว่าจะเตรียมทุกอย่างได้ครบ แต่ด้วยความสามารถของคนของพระองค์แล้ว หม่อมฉันเชื่อว่าคงไม่เกินภายในหนึ่งเดือนนี้กระมัง หากอุปกรณ์ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว ให้ส่งคนไปแจ้งหม่อมฉัน ที่ตำหนักจวิ้นอ๋องได้เลย แต่เรื่องนี้ขอให้เป็นความลับระหว่างพวกเราสองคนห้ามไม่ให้ผู้อื่นรู้โดยเด็ดขาดว่าหม่อมฉันเป็นผู้รักษาพระองค์ นั่นคือเรื่องที่หม่อมฉันจะขอร้อง และอีกอย่างที่หม่อมฉันต้องการจะทราบ ไม่ทราบว่าพระองค์จะสามารถตอบคำถามของหม่อมฉันได้หรือไม่"
เมื่อได้ฟังในสิ่งที่นางพูดเสียยืดยาว ชินอ๋องหยางหรงเหลียนก็ให้นึกสงสัย ถึงคำถามที่นางจะถามตนออกมา
"เหตุใดตำหนักของพระองค์ถึงมิมีสตรีเลยเล่า แม้แต่สาวใช้อุ่นเตียง หรือว่านางกำนัล ก็ไม่พบแม้แต่เพียงผู้เดียว"
"สตรีคือตัวน่ารำคาญ"
"ห๊า แค่นี้หรือเพคะ แล้วเวลาที่พระองค์รู้สึกกำหนัดเล่า พระองค์ทรงทำเช่นใดหรือ"
ด้วยเป็นคนที่ติดนิสัย ช่างสังเกตและอยากรู้ไปเสียทุกเรื่องของนางในชาติก่อน จึงทำให้เหมยลี่อินอดที่จะถามคำถามนั้นออกไปกับบุรุษตรงหน้าไม่ได้
"สตรีไร้ยางอาย เจ้ากล้าถามคำถามเช่นนี้กับบุรุษได้เช่นไร"
"เฮ้อ! ก็หม่อมฉันแค่ต้องการจะทราบนี่เพคะ แต่ถ้ามันเป็นคำถามที่ยากจะตอบถึงเพียงนั้น ก็ไม่ต้องตอบหม่อมฉันก็ได้ ถ้างั้นหม่อมฉันคงต้องขอทูลลา เพราะหากมีผู้ใดทราบว่าหม่อมฉันมาอยู่ที่ตำหนักนี้ในเวลานี้ คงไม่เป็นการดีแน่ และพระองค์ก็ทรงอย่าลืมที่หม่อมฉันกำชับไว้นะเพคะ ทรงเสวยพระกายาหารให้มากหน่อย"
เมื่อเหมยลี่อินกล่าวจบ ก็ไม่รอฟังคำตอบจากบุรุษตรงหน้าแม้แต่น้อย นางใช้วิชาพรางตัวรีบเร้นกายหายไปจากในห้องของชินอ๋องอย่างไร้ร่องรอยแทบจะในทันที จนเขาอดที่จะแปลกใจในความสามารถนี้ของนางไม่ได้
"ช่างเป็นสตรีที่ไปมาไร้ร่องรอยเสียจริง"
เมื่อเห็นว่าเหมยลี่อินได้จากไปแล้วชินอ๋องก็ได้เรียกคนของตนเข้ามาภายในห้อง และได้นำแบบร่างอุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัดของนางมอบให้กับองครักษ์ของตนและอธิบายเกี่ยวกับลักษณะคล้ายๆที่นางได้บอกกับเขาไว้
"ไปสืบประวัติของชายาเอกเหมยลี่อินของจวิ้นอ๋องหยางจิวฮุ่ยมาด้วย เอาอย่างละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนาง ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน อย่าให้พลาดแม้แต่รายละเอียดยิบย่อยเป็นอันขาด"
"พ่ะย่ะค่ะ"
ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความแปลกใจให้กับองครักษ์ของชินอ๋องเป็นอย่างมากเนื่องด้วยว่าเขาทราบดีว่าท่านอ๋องไม่เคยชมชอบสตรีใดมาก่อน แล้วตอนนี้เหตุใดท่านอ๋องถึงได้ให้ไปสืบประวัติของสตรีที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชายาของพระอนุชาของตนเองกันเล่า