บท
ตั้งค่า

บทที่5 แม่เลี้ยงเดี่ยว

ก่อนที่จะใช้ชีวิตต่อไปให้ได้อันดับแรกเธอจะต้องเรียนรู้และทราบข้อมูลเกี่ยวกับที่ที่เธอจะต้องอาศัยอยู่ซะก่อน เฉียวลู่พาเด็กทั้งสองกลับเข้าไปในกระท่อมหลังน้อยที่เธอพึ่งจะเดินออกมา หลังจากรักษาบาดแผลที่ขาของเธอเรียบร้อยแล้วเฉียวลู่ก็อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายของเด็กทั้งสองและตัวเธอเอง

เสื้อผ้าของพวกเขาทั้งสามคนแทบจะไม่มีชิ้นดีทั้งเก่าและมีรอยปะมากมาย เฉียวลู่มองชุดที่อยู่ในมือของตัวเองด้วยความจนใจ เอาไว้ค่อยคิดหาวิธีหาเงินก่อนแล้วกัน นี่ก็เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องเพราะไม่อย่างนั้นทั้งเธอและเด็กๆ คงได้อดตายก่อนที่จะได้ใช้ชีวิตต่อไปแน่นอน

ถ้าหากเด็กๆ รู้ว่าเราไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของพวกเขา พวกเขาจะตกใจขนาดไหนกันนะน่าสงสารจริงๆ อายุน้อยแค่นี้ก็ต้องมาเป็นกำพร้าพ่อเองก็ไม่รู้หายไปไหนถึงได้ปล่อยให้ครอบครัวลำบากขนาดนี้ดูสิเด็กๆ ผอมแห้งเหมือนขาดสารอาหารมานานปี เฉียวลู่คิดในใจระหว่างที่ดูแลเด็กชายทั้งสอง

หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วเฉียวลู่เดินกะเผลกเข้าไปในครัวที่มุงเป็นเพิงอย่างง่ายๆ ในนั้นมีเตาที่ทำจากดินดูเหมือนจะไม่ได้จุดไฟมาสักพักเพราะขี้เถ้าเย็นไปนานแล้ว ในครัวมีถ้วยชามเก่าๆ สามสี่ใบที่เหมือนถูกใช้มานานและมันเทศหนึ่งหัวขนาดไม่ใหญ่มาก ในกระท่อมที่พวกเขาใช้อาศัยบังแดดบังฝนนั้นแทบไม่มีอะไรเลย แม้แต่ข้าวสารจะหุงก็ไม่มี ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยากจนถึงที่สุดก็ว่าได้

“ท่าทางจะไม่มีอะไรให้กินเลยนะบ้านหลังอื่นที่เห็นอยู่ไกลๆ ก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นสักหน่อยเเต่ทำไม่บ้านของเด็กสองคนนี้ถึงได้ดูยากจนขนาดนี้”

เฉียวลู่หันไปมองเด็กชายทั้งสองที่เดินตามติดเข้ามาในครัวเป็นเหมือนหางน้อยๆ ของนาง

“นี่เด็กๆ พวกเธอ.... ไม่สิ พวกเจ้าปกติแล้วอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตกันอย่างไร เช่นว่าปกติพวกเจ้ากินอะไรกันคือ....ก่อนหน้านี้แม่ไม่สบายใช่หรือไม่ดังนั้นจึงลืมเรื่องทั้งหมดไปพวกเจ้าสองคนใครก็ได้ช่วยเล่าให้ มะ....แม่ฟังหน่อย”

เฉียวลู่รู้สึกว่าตนเองยังคงไม่ชินในเรื่องที่ต้องมาเป็นแม่ของเด็กชายทั้งสองทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงาน ถึงจะเคยรับบทคุณแม่ยังสาวแต่นี่มันค่อนข้างทำใจลำบากอยู่สักหน่อย การแสดงกับความรู้สึกจริงๆ นี่มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะ

เด็กชายสองคนมองหน้าเฉียวลู่แล้วหันมองหน้ากันไปมาแล้วเดินไปหยิบหัวมันเทศมายื่นให้นาง เฉียวลู่มองมันเทศในมือเล็กแล้วรู้สึกท้อใจนางมาอยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย เด็กสองคนถามอะไรก็เอาแต่พยักหน้ากับส่ายหัวแล้ววันนี้จะได้รู้เรื่องไหม เฉียวลู่รับมันเทศหัวนั้นมาแล้วมองอย่างจนใจ

“เอาเถอะเครียดไปก็เปล่าประโยชน์ เช่นนั้นพวกเรามาทำอะไรกินกันดีหรือไม่”

ประโยคสุดท้ายเฉียวลู่หันมาถามเด็กชายทั้งสอง หลังจากที่เฉียวลู่จัดการก่อไฟอย่างทุลักทุเลสภาพของนางแทบไม่ต่างจากตอนแรกที่ยังไม่ได้อาบน้ำ เนื้อตัวเต็มไปด้วยขี้เถ้าและฝุ่นผงเฉียวลู่หันมายิ้มแห้งๆ ให้เด็กชายทั้งสอง ไม่ใช่ว่านางเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนะแต่ต้องมาใช้หินจุดไฟแบบนี้มันยากไปสำหรับคนยุคใหม่ที่เป็นถึงนักแสดงแถวหน้าเช่นนาง

เด็กชายหนึ่งในสองที่เฉียวลู่ยังแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครเพราะพวกเขามีใบหน้าที่เหมือนกันอย่างกับแกะ ทำท่าทางว่าเขาจะทำเอง เฉียวลู่ถอยออกมาดูห่างๆ ไม่นานเด็กชายก็จุดไฟได้สำเร็จมันดูง่ายดายเหมือนเป็นเรื่องที่เขาทำบ่อยจนชำนาญ ดูเหมือนหลังจากนี้มีหลายเรื่องที่เฉียวลู่ต้องรู้เกี่ยวกับเด็กทั้งสองคน

เฉียวลู่ปอกเปลือกมันเทศและหั่นเต๋าใส่ลงในหม้อจากนั้นใส่เกลือที่มีอยู่เพียงน้อยนิดลงไป และเติมน้ำเปล่าลงไปให้ท่วมเล็กน้อยแล้วปิดฝาหม้อที่ทำจากไม้เอาไว้ ช่วงเวลาที่เฉียวลู่กำลังทำอาหารในครัวเด็กชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เดินออกจากระท่อมไปโดยที่นางไม่รู้ตัว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel