บทที่3 เรื่องเหลือเชื่อ
เฉียวลู่ถูกเขย่าอย่างแรงจนเธองัวเงียรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
“แม่คะปลุกหนูทำไมช่วงนี้หนูไม่มีงานถ่ายละครนะคะขอนอนต่ออีกหน่อยเถอะ”
เฉียวลู่นอนหันหลังให้แต่คนที่ปลุกเธอยังคงเขย่าอยู่อย่างนั้นจนเธอรู้สึกรำคาญ
“ก็ได้ๆ ค่ะแม่มีอะไรจะคุยกับหนูก็ว่ามาเลย”
เฉียวลู่พยายามถ่างตาที่ยังคงง่วงงุนของเธอมองผู้ที่กำลังเขย่าปลุกตน
“เอ๊ะ”
เฉียวลู่ถึงกับตกใจจนตาสว่างไร้ความง่วงอีกต่อไป คนที่เขย่าปลุกเธอคือเด็กผู้ชายสองคนที่ตัวเล็กและผอมจนแก้มตอบ ใบหน้าเกรอะกรังไปด้วยน้ำมูกและดินโคลน เสื้อผ้าเก่าขาดที่เหมือนไม่ได้ซักมานานปี ใบหน้าน้อยๆ ที่มีน้ำตาไหลออกมาเป็นทางนั้นไร้ความน่ารักสำหรับเฉียวลู่ แต่เมื่อเธอเห็นพวกเขาทั้งสองร้องไห้แล้วก็อดที่จะสงสารไม่ได้
“หนูจ๊ะ เธอสองคนเป็นลูกบ้านไหนทำไมมาอยู่ในห้องของพี่สาว.....”
เฉียวลู่พูดยังไม่ทันจบเธอก็ต้องตกใจอีกรอบเพราะห้องที่เธอบอกว่าเป็นห้องของเธอมันคือกระท่อมที่มุงด้วยหญ้าที่ท่าทางกำลังจะพังลงมาอยู่รอมร่อ ถึงห้องจะค่อนข้างมืดสลัวแต่แสงสว่างเล็กน้อยที่ส่องลอดเข้ามาก็ทำให้เธอมองเห็นสภาพข้างในได้อย่างชัดเจน
“ไม่นะ!!!”
เฉียวลู่หันไปมองเด็กชายร่างผอมทั้งสองคนอีกครั้ง
“นี่คงไม่ใช่รายการแอบถ่ายหรอกใช่ไหม เล่นกันแรงไปแล้ว”
เด็กชายทั้งสองมองหน้าเฉียวลู่ด้วยท่าทางงุนงงเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังพูด เฉียวลู่ลงจากเตียงเพื่อยืนยันเรื่องที่เธอกำลังคิดแต่แล้วเธอก็ทรุดลงที่พื้นอย่างแรง
“โอ๊ย!!! นี่มันอะไรกัน”
ขาของเฉียวลู่มีเลือดไหลออกมาเป็นทางเธอมองอย่างตกใจเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายอันมีค่าของเธอ ถ้าหากว่าร่างกายอันบอบบางของเฉียวลู่บาดเจ็บหรือมีแผลเป็นนั่นเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ เธอจะฟ้องร้องรายการนี้ให้เจ๊งไปเลยโทษฐานทำร้ายร่างกาย เด็กชายสองคนเห็นเฉียวลู่ล้มไปกองกับพื้นพวกเขาก็รีบเข้ามาช่วยพยุงเธอทันที แต่ร่างกายผอมแห้งของเด็กสองสามขวบหรือจะช่วยอะไรได้ เฉียวลู่มองท่าทางที่ดูทุลักทุเลของเด็กทั้งสองที่พยายามช่วยเธอแล้วส่ายหัวอย่างจนใจ
“นี่หนูน้อยทำไม่พวกเธอไม่ไปเรียกทีมงานมาล่ะ พี่สาวไม่โทษพวกเธอเรื่องนี้หรอกนะแต่อาการบาดเจ็บของพี่สาวจะต้องหาหมอ”
เฉียวลู่พูดกับเด็กชายทั้งสองอย่างใจเย็น เธอไม่กล่าวโทษพวกเขาเลยสักนิดเพราะนี่ไม่ใช่ความผิดของพวกเขา เด็กชายทั้งสองไม่ได้พูดอะไรแต่เหมือนพวกเขาจะเข้าใจในสิ่งที่เฉียวลู่สื่อ พวกเขารีบวิ่งออกไปด้านนอกเพื่อทำตามสิ่งเธอต้องการ
หลังจากที่เด็กทั้งสองคนออกจากห้องนั้นไปเฉียวลู่ก็ได้โอกาสสำรวจห้องนั้นทันที เธอมองไปรอบๆ กระท่อมยังไงเธอก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้เหมือนว่าเธอจะเข้านอนและที่นั่นก็เป็นห้องของเธอเองแล้วตอนนี้มานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง ถ้าหากเป็นการแกล้งกันของรายการบางรายการนี่ก็ถือว่าเล่นกันแรงเกินไปแล้ว เฉียวลู่ก้มลงมองขาของตนเองที่กำลังมีเลือดไหลเป็นทาง
“เจ็บจริงๆ ด้วยนะเนี่ย”
เธอจับที่บริเวณใกล้ๆ แผลอีกครั้ง เสียงดังด้านนอกทำให้เฉียวลู่เงยหน้าขึ้นมองเด็กชายสองคนที่วิ่งออกไปก่อนหน้านี้กลับมาพร้อมกับผู้ชายอายุราวๆ สี่สิบกว่าปี แต่งตัวด้วยชุดโบราณเก่าๆ แต่ดูสะอาดตากำลังมองมาที่เฉียวลู่ที่นั่งอยู่บนพื้น
“เจ้าบาดเจ็บหนักเพียงนั้นลุกขึ้นมาทำไม”
เฉียวลู่มองไปที่ผู้ชายคนนั้นด้วยท่าทางไม่เข้าใจ เธอบาดเจ็บขนาดนี้นี่เขายังคิดจะอยู่ในบทบาทอีกหรือทำกันเกินไปแล้วนะ
“นี่คุณไม่ว่าทีมงานจะสั่งอะไรคุณมาฉันไม่รับรับรู้แต่ตอนนี้ฉันต้องการหมอ คุณต้องโทรตามหมอเดี๋ยวนี้”
เฉียวลู่สั่งเสียงเด็ดขาด ผู้ชายคนนั้นมองมาที่เธอด้วยท่าทางมึนงง
“เจ้าให้บุตรชายของเจ้าไปตามหมอ ก็ข้านี่อย่างไรเล่าหมอที่เจ้าต้องการ เลิกพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วกลับขึ้นไปนั่งบนเตียงเถอะ ข้าจะตรวจให้เจ้าก่อน เมื่อวานตอนที่คนพาเจ้ากลับลงมาจากภูเขาเห็นสลบเจ้าเลือดอาบไปทั้งตัวข้าก็คิดว่าเจ้าจะไม่มีทางรอดแล้ว เห็นเจ้าพูดได้เช่นนี้ข้าก็เบาใจดูท่าทางเจ้าจะไม่เป็นอะไรมาก”
เฉียวลู่ยังคงมึนงงกับคำพูดของผู้ชายคนนั้น ถ้าจะบอกว่าเป็นบทที่ทางทีมงานกำหนดมาให้เขาพูดก็ต้องบอกว่าเขาเล่นได้ดีทีเดียว เธอเป็นนักแสดงชื่อดังแถวหน้าของจีนนะบาดเจ็บหนักขนาดนี้แต่เขากลับพูดออกมาอย่างสบายๆ เหมือนไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่หรือสำคัญอะไร ความจริงเรื่องนี้ต้องออกเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศแล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน
ถึงเฉียวลู่จะยังนึกสงสัยแต่เธอก็ทำตามที่ผู้ชายคนนั้นบอกเพราะเธอเริ่มรู้สึกระบมที่ขาของเธอเนื่องจากนั่งกดทับเป็นเวลานาน เด็กชายผอมแห้งสองคนรีบมาช่วยพยุงเธอทันทีที่เห็นเฉียวลู่ขยับตัว หลังจากนั่งบนเตียงแล้วเธอก็หันไปมองเด็กชายทั้งสอง
“ขอบใจนะ”
เด็กชายทำหน้าประหลาดใจที่เห็นเฉียวลู่พูดกับพวกเขาเช่นนั้น ทั้งสองทำหน้าเอียงอายแล้วหลบไปยืนด้านข้างอย่างรู้ความเพื่อให้ผู้ชายคนนั้นมาตรวจเฉียวลู่
“ข้าขอตรวจชีพจรของเจ้าหน่อย”
เฉียวลู่กลอกตาใส่เขา นี่ยังคิดจะสวมบทบาทแสดงละครอยู่อีกหรือได้สิเธอก็เป็นนักแสดงที่มีสปิริตคนหนึ่งเหมือนกันในเมื่ออยากจะแสดงนักเธอก็จะร่วมเล่นไปด้วย
“เช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนท่านหมอแล้ว”
เฉียวลู่จีบปากจีบคอพูดดึงเอาวิญญาณนักแสดงของเธอออกมา หลังจากที่ท่านหมอที่เฉียวลู่เข้าใจว่าเป็นนักแสดงนั้นจับชีพจรของเธอเสร็จเขาก็พยักหน้าให้กับตนเอง
“เมื่อวานตอนที่ข้ามารักษาเจ้าอาการของเจ้าหนักจนเกินเยียวยาข้านั้นไร้ทางช่วย ช่างน่าแปลกใจเหลือเกินที่ตอนนี้เจ้าแทบไม่เป็นอะไรเลยนอกจากบาดแผลภายนอกที่ขาของเจ้า”
นักแสดงชายคนนี้สวมวิญญาณหมอมืออาชีพได้ดีจริงๆ เธอจะน้อยหน้าเขาไม่ได้
“เช่นนั้นท่านคิดว่าข้าหายดีแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ ท่านหมอ”
เฉียวลู่มองท่าทางของเขา หมอนักแสดงพยักหน้าให้เธอ
“ข้าจะสั่งยารักษาแผลที่ขาให้เจ้าแล้วกัน เดี๋ยวให้อวี้หลงอวี้ชิงตามไปเอายากับข้าที่เรือน ส่วนค่ารักษากับค่ายาข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีเอาไว้เจ้ามีเมื่อใดค่อยทยอยคืนข้าแล้วกัน”
เฉียวลู่พยักหน้า
“ขอบคุณท่านหมอที่เมตตาข้า”