หวย
“Buy” ผมกดตำสั่งซื้อทองลงไปในโปรแกรมเทรด MT4 บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งในตอนนี้ก็เวลาตี 3 กว่าๆแล้วด้วย ซึ่งผมที่มีตารางกราฟเก่าๆอยู่ทั้งหมดในโทรศัพท์เครื่องใหม่หรือโทรศัพท์ในชีวิตที่แล้ว มันทำให้ผมรู้การขยับของแท่งเทียนทั้งหมดที่ผมซื้อขายไป ผมเลยไม่พลาดสักครั้ง ทั้งในตอนนี้ผมยังถือไว้อีกด้วยสามไม้ เนื่องจากเป็นขาขึ้น กำไรที่ผมได้ผมก็ไปเทรดในเลเวอเรจที่สูงขึ้นเป็นค่า 1.00
ซึ่งเงินใบบัญชีหนึ่งหมื่นผมก็ได้เติมเข้าแอป XN ไปทั้งหมด มันคือเว็บโบรคเกอร์ที่เติมไวถอนไว ผมนั่งเทรดมากว่าเจ็ดชั่วโมงแล้ว และผมก็ยังคงทำเงินได้เรื่อยๆ จาก 285 ดอลล่า จนขยับไปถึง 1,123 ดอลล่า ซึ่งถ้าหากนำไปคูณสามสิบห้าซึ่งเป็นค่าเงินไทยแล้วก็น่าจะอยู่ราวๆเกือบสี่หมื่นบาท
ที่จริงในชีวิตที่แล้วช่วงที่ผมกำลังไปถึงจุดสูงสุดของชีวิต หรือก็คือตำแหน่ง CEO บริษัทเกี่ยวกับการออกแบบสื่อ ผมก็ได้ลองศึกษาการเทรดดู เพราะมีน้องฝึกงานเข้ามาและเขาเป็นนักเทรดมืออาชีพที่ทำเงินได้ครึ่งแสนต่อเดือน น้องมันก็มาสอนผม ผมก็เลยลองดู แต่ผมก็ไม่ประสบความสำเร็จก็เลยไม่ได้ทำต่อและหันกลับมาจริงจังกับงานเพียงอย่างเดียว
แต่ในชีวิตนี้ ผมมีข่าวย้อนหลังทั้งหมด ผมจะกลัวอะไรอีก? ผมไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องแนวรับแนวต้านด้วยซ้ำ ผมแค่เปิดกราฟจากโทรศัพท์เครื่องใหม่และย้อนดูประวัติแท่งเทียนย้อนหลัง แล้วก็เทรดตามแท่งเทียนพวกนั้นไปก็พอ แต่ด้วยความประมาท ผมลืมเรื่องเลเวอเรจ ไป ผมเล่นเลเวอเรจ สูงๆและก็ได้เงินมาเยอะ แต่กราฟไปทางตรงข้ามมันทำให้ออเดอร์ที่ผมสั่งซื้อขายไปมันหายไปทันที ผมเสียเงินไปเกือบห้าหมื่น ทำให้ผมเริ่มทำความเข้าใจใหม่และเทรดใหม่อีกครั้ง จนได้เงินเท่ากับตอนนี้นี่แหละ
“ขึ้นยาวเลยเว้ยหลังจากนี้” ผมกล่าวและคิดเกี่ยวกับเงินที่ผมจะได้เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา เพราะตลาดซื้อขายใกล้จะปิดแล้ว มันจึงถึงเวลาที่ผมจะได้นอนสักที
“พรุ่งนี้บ่ายๆกราฟจะลงสินะ”
“แล้วจะวิ่งแรงตอนสองทุ่มที่ข่าวออก” ผมกล่าวเมื่อลองเลื่อนกราฟดู มันเป็นข่าวที่มีคนว่างงานเยอะ เงินดอลล่าตก ทองคำราคาขึ้น และถึงช่วงนี้มันก็เริ่มจะคงที่แล้วผมจึงปิดออเดอร์ทันทีและกดถอนเงินออกมา 500 ดอลล่า เป็นเงินจำนวน 15,000 บาทไทย ระหว่างรอเงินเข้าผมก็เดินไปที่นอนและปล่อยตัวลง ผ่านไปสักพักเงินยังไม่เข้าผมก็เลยตัดสินใจนอนหลับไปในที่สุด
14 : 34
“อืม…” ผมกล่าวก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและเปิดดูกราฟ ผมจึงได้เห็นว่าแท่งเทียนมันกำลังปรับตัวลงมาตามที่คิดไว้ และเปิดโทรศัพท์เครื่องใหม่เทียบ ปรากฏว่ามันจะลงเรื่อยๆไปถึงช่วงสี่โมงจริงๆ และหลังจากนั้นจะเข้า Side Way หรือก็คือกราฟมันจะวิ่งขึ้นลงเป็นทาง ไม่ทะลุขึ้นหรือลง ผมจึงออกออเดอร์ขาย ผ่านโทรศัพท์เครื่องเก่าไป 1.0 และตั้งนาฬิกาปลุกไว้ช่วงบ่ายสามครึ่งเพื่อเตือนให้ปิดออเดอร์
ระหว่างนั้นผมก็เข้าไปเช็คเงินในธนาคารที่มีอยู่หนึ่งหมื่นสี่พันกว่าบาท เพราะมันถูกหักภาษีไปเกือบพันบาท ผมจึงเริ่มคิดว่าจะเปลี่ยนบัญชีของผมเป็น VIP เพื่อไม่ให้มีการเสียภาษีหรือค่าคอมมิชชั่น แต่ก่อนหน้านั้นผมได้เดินเข้าไปในห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันและอาบน้ำจนเสร็จสรรพก่อนจะออกมาเปิดคอมพิวเตอร์
“ร่างกายนี้มันแห้งจริงๆ” ผมกล่าวเมื่อเนื้อตัวผมมันแทบจะติดกระดูก ถ้าหากเป็นชีวิตที่แล้วก่อนจะย้อนเวลากลับมา ร่างกายของผมมันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเน้นๆ ดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ก่อนหน้าที่ผมจะทำอะไร ในตอนนี้ขอหาเงินก่อนแล้วกัน
“Stable diffusion ยังไม่เปิดตัวสินะ…” ผมกล่าวออกมาเมื่อลองหาข่าวเกี่ยวกับระบบที่จะทำให้อาชีพนักวาดมีคนตกงานกันมากที่สุด งานเกี่ยวกับกราฟิค การออกแบบ ถูกกดให้ต่ำลง เพราะภายหลังในปี 66 AI จะเข้ามามีบทบาททั้งวาดรูป สร้างอนิเมชั่น และงานเขียน มันทำได้หมด ซึ่งสาขาที่ผมเรียนอยู่มันเกี่ยวกับอนิเมชั่นและเกม…
“คงต้องติดต่ออาจารย์ขอย้ายสาขา" ผมคิดในใจ ซึ่งในชีวิตก่อนสาขานี้ทำให้ผมเครียดมากๆ เพราะมันเกี่ยวกับการวาดรูป โดยที่สกิลวาดรูปของผมมันติดลบเลยทีเดียว ซึ่งสุดท้ายผมก็ได้ย้ายสาขาไปเรียน คอนเทนต์และสื่อตอนปีสองและผมก็เรียนจนจบ แต่ระหว่างช่วงฝึกงานผมก็ได้ไปเรียนรู้เรื่อง AI นี่แหละ และผมก็สนใจมันมากจนมันทำให้ผมประสบความสำเร็จในเรื่องการใช้ AI แต่สุดท้ายแล้วผมก็พ่ายแพ้เรื่องเงินทุนและทำให้ผมสูญเสียบริษัทไป
“อืม…บุหรี่ไฟฟ้า” ผมกล่าวถึงบุหรี่ไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ข้างๆโต๊ะคอม ซึ่งผมจำได้ว่าผมติดมันมาก ผมสูบหนักสุดๆ แต่ผมก็ต้องเลิก เพราะต้องใช้ร่างกายออกกำลังกาย และเข้ารับฝึกฝนการเป็นทหาร แต่ในชีวิตนี้มันต่างไปแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหนักขนาดนั้นอีก เพราะฉะนั้น
ฟืดด ฟู
ผมหยิบมันมากดและสูบเข้าไปลึกๆก่อนจะพ่นออกมา อืม มันรู้สึกหวานๆรสตรอว์บอรี่แอปเปิ้ลตามน้ำยาที่ผมใส่ไปจริงๆ และช่วงนี้มันก็ยังคงเป็นแบบหยดสูบ หรือก็คือการใช้สำลีสอดเข้าไปในลวดและเผาไหม้ออกมาเป็นควันให้เราสูบ แต่ในชีวิตก่อนผมได้เปลี่ยนจากบุหรี่ไฟฟ้าแบบกล่องสี่เหลี่ยมไปเป็นพอตขนาดเล็กแบบเปลี่ยนหัวเพื่อสูบเพราะมันพกพาง่าย วันหนึ่งก็เปลี่ยนหัวนึงประมาณนี้
ตี๊ดๆๆ
“ครับแม่” ผมหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าขึ้นมารับสายแม่ทันทีที่มันดังขึ้น
“เป็นยังไงบ้างลูก…ไม่โทรหาแม่เลยนะ” แม่กล่าวทันทีที่ผมรับสาย ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ผมได้รู้มาจากชีวิตที่แล้วก็คือครอบครัวของผมนี่แหละ ที่เป็นทั้งที่พึ่งและเป็นห่วงผมในทุกๆช่วงเวลามากที่สุด
“ครับ…ทียุ่งมากเลยครับแม่”
“เดี๋ยวทีจัดการอะไรเสร็จแล้วจะโทรไปหานะครับ” ผมกล่าวออกไป ซึ่งมันก็จริง ผมยังมีอะไรต้องทำอีกมาก
“โอเคครับ” แม่ตอบกลับมาก่อนที่ผมจะวางสายแม่ไป
“แม่ยังเป็นห่วงและเอ็นดูเราเหมือนเดิมเลย” ผมกล่าวด้วยความคิดถึงช่วงเวลาครอบครัว ผมอยากจะกลับไปเจอหน้าแม่และน้องๆมาก แต่ในตอนนี้ผมต้องทำสิ่งตรงหน้าให้เสร็จให้หมดซะก่อน
“ระหว่างนี้ก็ทำเรื่องย้ายสาขาดีกว่า” ผมกล่าวระหว่างรอผลล็อตเตอรี่สี่โมงเย็น และรอปิดออเดอร์ซื้อขายทองคำ
“แต่ที่จริงแล้วฉันก็ไม่อยากเรียนเลยนะ”
“เอาเวลาไปหาเงินดีกว่าอีก…” ผมกล่าวพูดคุยกับตัวเองและเริ่มนึกถึงคำที่แม่ขอเอาไว้ ว่าอยากให้ผมเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆ
“ก็ได้ๆ…” ผมกล่าวเมื่อนึกถึงแม่ ก่อนจะเริ่มค้นหาเบอร์โทรของอาจารย์ที่ปรึกษาของผมทางกลุ่มเฟสบุ๊ค แต่ผมไม่เจอก็เลยจะติดต่อทางเฟสบุ๊คไปซะแทน
[สวัสดีครับอาจารย์]
[ผมนึกศึกษาชั้นปีหนึ่งจะขอปรึกษาอาจารย์เรื่องสาขาครับ]
[ครับ]
ติ๊ดๆๆๆ
“สวัสดีครับอาจารย์” ผมกล่าวทักทายปลายสาย ซึ่งหลังจากที่อาจารย์ตอบกลับมา เขาก็โทรหาผมทันที
“สวัสดีครับ…” เขากล่าวทักทายกลับพร้อมกับเว้นช่องว่างจะให้ผมกล่าวก่อน
“ครับอาจารย์…พอดีว่าผมอยากจะย้ายสาขาไปสาขาคอนเทนต์และสื่อครับ"
“ผมมีความสนใจกับการออกแบบสื่อมากกว่าครับ”
“เนื่องจากทักษะการวาดรูปของผมไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่แล้วก็จะมีเรื่องการเขียนโปรแกรมสร้างเกมด้วยคับ”
“ผมกลัวว่าผมจะเครียดกับการเรียนแล้วจะเรียนไม่เข้าใจครับ” ผมกล่าวออกไปตรงๆ เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาคนนี้คุยง่าย ไม่ต้องอ้อมค้อมมาก และผมก็เอาเรื่องสุขภาพจิตของผมมาพูดด้วย น่าจะเป็นเหตุผลพอสมควร
“โอเคครับ…เดี๋ยวอาจารย์ประสานเรื่องให้”
“แล้วเราอาจจะต้องมาสัมภาษณ์กับอาจารย์สาขาที่เราจะย้ายไป”
“เราสะดวกไหม?” อาจารย์กล่าวถามผมกลับ
“สะดวกครับ…ตอนนี้ผมมาอยู่พักอาศัยที่มหาลัยแล้วครับ” ผมตอบกลับไปอย่างสุภาพ
“โอเคครับ…ไม่มีปัญหา”
“เราไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวอาจารย์จัดการให้” อาจารย์กล่าวก่อนจะวางสายผมไปในทันทีโดยที่ผมยังไม่ได้กล่าวขอบคุณ
“ยังเหมือนเดิม” ผมกล่าว เพราะอาจารย์คนนี้ชอบมาไวไปไว ไม่ค่อยสนใจอะไรใคร ใครจะมาก็มาใครจะไปก็ไป
[โดม]
“เออว่าไง?” ผมกดรับสายก่อนที่โทรศัพท์จะส่งเสียงแจ้งเตือน ซึ่งโดมมันก็คือเพื่อนที่ผมสนิทมาก และเรามาจากมัธยมเดียวกัน
“วันนี้ช่วงค่ำๆพวกเราที่มาจากแดดดีจะไปกินหมาล่ากัน” โดมกล่าว ซึ่งแดดดีก็คือโรงเรียนชั้นมัธยมที่เราเรียนจบมาก่อนจะมาเข้ามหาลัย
“เออ…ที่ไหนเดี๋ยวกูไปรับ" ผมกล่าว ซึ่งโดมมันอยู่หอพักของมหาลัย เพราะมีราคาถูก กว่าหอพักนอกเนื่องจากครอบครัวของมันไม่ค่อยมีเงิน แต่มันก็ได้เรียนสาขา สถาปัตยกรรม เลยนะ ซึ่งเมื่อช่วงปีสาม มันก็ไม่ได้เรียนต่อเพราะสังคมที่มันเข้าไปอยู่ ในชีวิตนี้ผมจะต้องทำให้มันประสบความสำเร็จให้ได้ ผมจะซัพพอร์ตมันเอง
“ข้างหอมึงอะ”
“ร้านมุมหมาล่า” มันกล่าวถึงชื่อร้านที่เราจะไปนัดเจอกัน
“ได้ๆ…เดี๋ยวช่วงเย็นๆกูโทรไป" ผมตอบรับก่อนที่มันจะส่งเสียง ‘เออๆ’ กลับมาและผมก็วางสายไป
“ไปหาอะไรกินแล้วออกกำลังกายดีกว่าเรา” ผมกล่าวกับตัวเองก่อนที่จะไปทำอย่างที่ว่า ผมได้ไปซื้ออกไก่และข้าวกล้องจากเซเว่นมากิน หลังจากนั้นสองชั่วโมงผมก็มาวิดพื้นและซิทอัพเพื่อดูว่าร่างกายของตัวเองมีประสิทธิภาพขนาดไหน จะได้วางแผนออกกำลังกายถูกในวันต่อๆไป
18 : 14
“ไม่ต้องดูก็รู้ว่าถูกหวย” ผมกล่าวหลังจากจัดการกิจกรรมทุกอย่างจนเสร็จจนไปถึงอาบน้ำแต่งตัว และผมก็ได้มาดูข่าวบนเว็บล็อตเตอรี่ ซึ่งเลขที่ออกมันก็คือเลข 873286 ที่ผมมีอยู่จริงๆ ผมเลยจองคิวออนไลน์บนเว็บและเลือกเป็นธนาคารกรุงไทย ที่กรุงเทพและจองตั๋วเครื่องบินไว้ด้วยในวันพรุ่งนี้
ตื๊ด ตื๊ด
ติ้ดติ้ด
“เออไอโดมเดี๋ยวกูไปรับลงมาหน้าทางเข้าหอหน่อย” ผมกล่าว ซึ่งที่ผมต้องให้มันมาที่หน้าทางเข้าหอพักก็เพราะว่าเด็กปีหนึ่ง ทางมหาลัยจะไม่ให้ขับรถมอเตอร์ไซต์ และการจะขับได้จะต้องมีสติ๊กเกอร์รับรองจากมหาลัยติดอยู่บนรถเท่านั้น
“เออๆเดี๋ยวกูออกไปรอ” มันกล่าวจบผมก็ตัดสายไปในทันที และผมก็ได้ลงไปใต้หอพร้อมกับขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซต์ของผมและสตาร์ทมันก่อนจะขับขี่ออกไป
หอพักมหาวิทยาลัยลัยวลัก
“ปะมึง" ผมจอดรถตรงข้างๆป้อมยาม และมันทำให้ไอโดมรีบกระโดดขึ้นรถผมทันที
“ไปดิรอเหี้ยไร!?” มันกล่าวด้วยความร้อนรน เพราะผมมารับมันข้างหน้าป้อมยาม และรถของผมมันก็ไม่มีสติกเกอร์รับรองการขับขี่จากมหาลัยด้วย ถ้าหากผมโดนยามจับขึ้นมามีหวังถูกหักคะแนนความประพฤติแน่ๆ ซึ่งคะแนนนี้มันมีผลกับการจบการศึกษาของเราด้วย
“เดี๋ยวนักศึกษา…” ซึ่งในวินาทีนั้นเองยามก็เดินมาหาพวกเรา คนรอบข้างจึงหันมามองเราเป็นตาเดียวและคิดว่าเราจะต้องโดนจับแน่ๆ
ฟึบ หมับ
“มึงกลัวไร” ผมกล่าวถามก่อนจะบิดคันเร่งขี่รถออกไปทันที ซึ่งก่อนที่ผมจะกล่าวผมได้โยนบุหรี่ซองนึงให้กับยามคนนั้นไป และยามเขาก็รับพร้อมกับทำสีหน้ามึนงง
“สัส…คราวหลังมึงไปจอดไกลๆแล้วโทรหากู” ไอโดมมันกล่าวด้วยความกลัว ก็แน่ล่ะ กว่าเราจะหาคะแนนความประพฤตได้สักคะแนนมันยากเย็นมากนัก แต่เวลาโดนหักเราจะโดนครั้งละ 10 คะแนนขึ้นไป มันช่างน่าเกลียดน่ากลัวตัวห้าบาทอะไรอย่างนี้
“ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะออกมาก่อนที่เราจะพูดคุยถึงความเป็นอยู่ระหว่างหอในและหอนอก