ผลักดัน
“คุณที…คุณเก่งกว่าที่ผมเห็นมาก”
“เดี๋ยวผมจะส่งนามบัตรของคุณและบางอย่างให้ที่หอพักของคุณนะครับ” คุณเบนซ์กล่าวพลางขณะผมที่กำลังเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ
“ไม่ต้องห่วง…คุณจะมีอิสระอย่างแน่นอน”
“ขอแค่ช่วยเหลือพวกเราในยามที่จำเป็นก็พอ” คุณเบนซ์กล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืนและหยิบขนมปังปิ้งของผมไปอีกชิ้น
“ผมจะจัดการเรื่องตำรวจกับทหารให้นะครับ” คุณเบนซ์กล่าวจบก็ยกหมวกขึ้นมาสวมเหมือนเดิม
“เอ่อ…ผมยังไม่รู้ชื่อหัวหน้าของผมเลยครับ” ผมกล่าวถึงแม้ผมจะรู้อยู่แล้วก็ตาม แต่คุณเบนซ์ก็ไม่ได้อธิบายงานของผมให้ฟังอยู่ดี
“ผมชื่อเบนซ์…ยินดีที่คุณมาทำงานด้วยกันนะครับ” คุณเบนซ์กล่าวก่อนจะยื่นมือออกมา และผมก็ยื่นมือออกไปจับเช่นกัน
“ดีนะครับ…ที่ไม่มีอะไรเสียหาย” ผมกล่าวด้วยรอยยิ้ม เพื่อแสดงความตั้งใจของผมให้เขารับรู้
“ฮ่าๆ…ขอบคุณครับ”
“ไว้ผมจะชวนทานอาหารนะครับ” คุณเบนซ์กล่าวก่อนที่จะเดินนำลูกน้องทั้งหกคนออกไปจากห้องอาหาร
[คุณได้รับเงินจำนวน 1,000,000 บาท]
“หึ” เมื่อผมได้เห็นข้อความแจ้งเตือนในโทรศัพท์ มันทำให้ผมหัวเราะออกมาทันที ผมมั่นใจว่าเขาตรวจเช็คข้อมูลของผมมาอย่างละเอียดแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้สงสัยหรือถามอะไรผมเพิ่มเติมเลย เกี่ยวกับความสามารถของผม แต่เขาอาจจะคอยดูผมไปเรื่อยๆก็เป็นได้
และจากการถอนเงินของผมในโปรแกรมเทรด และรวมกันยอดเงินอื่นๆ ทำให้เงินในบัญชีของผมมีราวๆ 15 ล้านบาท โดยที่ทั้งคืนมีการโอนเงินเข้าบัญชีของผมสองแสนมาเป็นสิบๆบัญชี จนครบจำนวนที่ผมถอนเงิน
และผมก็ได้เปิดรูปที่ผมแคปเอาไว้จากโทรศัพท์เครื่องใหม่ มันเป็นกราฟตลาดทองคำของวันนี้และวันพรุ่งนี้ ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าราคาทองคำตอนบ่ายสี่จะขึ้นเพียงชั่วโมงเดียว ผมก็เลยออกออเดอร์ไปไม้นึง แต่ไม้นั้นผมเล่น 50.0
“ไปว่ายน้ำกันไหม?” ผมกล่าวถามพี่ส้ม ซึ่งเธอก็ตอบตกลงในทันที
และหลังจากนั้นเราทั้งสองก็ไปเล่นน้ำกันที่สระน้ำสุดหรู มีพวกต่างชาติเต็มไปหมด และพวกเขาก็ทั้งสวยแหละหล่อระดับดาราเลยทีเดียว แต่พวกเขาก็ยังคงต้องจับจ้องมาที่พี่ส้ม ด้วยความขาวและหุ่นสุดเอ็กซ์ แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาพูดคุยกับเธอในเมื่อผมกำลังเล่นน้ำกับเธออยู่ ผิวใสของเธอเมื่อชะโลมไปด้วยน้ำทำให้ดูสดใสมากขึ้นไปอีก มันน่าสัมผัสมาก ผมเลยเดินในน้ำไปกอดพี่ส้มและจูบกันกลางสระ
“อื้อ” ส่วนพี่ส้มก็พยายามผลักผมออกด้วยความเขินอาย เพราะนี่มันที่สาธารณะ
ซึ่งหลังจากนั้นพวกเราก็ไปนั่งที่ริมสระ มันเป็นโซน VIP และผมก็สั่งอาหารทะเลมากิน โดยที่พี่ส้มก็ถ่ายสตอรี่ไอจีไปด้วย แต่เธอลงในเพื่อนสนิท ซึ่งในสตอรี่ก็มีผมอยู่เช่นกัน
“เธอดูสิ…มีแต่คนบอกว่าเธอหล่อ” พี่ส้มกล่าว ในตอนนี้เธอนั่งตักผมอยู่ และผมก็ได้หยิบเนื้อกุ้งล็อบเตอร์จิ้มซีฟู๊ดไปตรงหน้าพี่ส้ม และเธอก็กินมันเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย
“แล้วเธอคิดว่าเค้าหล่อไหม?” ผมกล่าวถามกลับไป ประมาณว่าผมไม่ได้สนใจว่าใครจะบอกว่าผมหล่อ แต่ผมต้องการให้เธอคนเดียวที่ชมผมเท่านั้น
“หล่อมากก” พี่ส้มกล่าวก่อนจะหันมากอดผม ทำให้หน้าของผมจุ่มไปที่หน้าอกของพี่ส้มเต็มๆ และผมก็จุ้ปหน้าอกพี่ส้มไปหนึ่งทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปไซร้คอพี่ส้ม
“ในอนาคตเค้าจะทำบริษัทเกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย”
“เธอจะมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้เค้าได้ไหม?” ผมกล่าวถามไปตรงๆ ซึ่งทำให้พี่ส้มมีสีหน้าล้อเลียนผม
“ได้สิ…แต่ค่าตัวเค้าแพงมากนะสำหรับเธอ” พี่ส้มกล่าวก่อนจะจุ้ปแก้มของผม
“จ่ายเป็นตัวเค้าได้ไหม?” ผมกล่าวก่อนจะยิ้มออกมาและเงยหน้าไปจูบพี่ส้ม
ครืดด ครืดด
“มีคนโทรหาไม่หยุดเลยอ่า” ผมกล่าวก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตัดสายและส่งข้อความลงไปในกลุ่มครอบครัว หรือบางทีอาจจะเป็นเรื่องตัวตนของผมในข่าวถูกเปิดเผยแล้วก็เป็นได้ แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกที่ใช้เส้นสายเข้าถึงข้อมูลของผมซะมากกว่า
[ปิดเครื่องก่อนนะครับคนโทรหาเยอะมากเลย]
[เดี๋ยวกลับไปคุยที่บ้านครับ]
ผมส่งข้อความลงไป และพี่ส้มก็เห็นมันหมด ซึ่งผมก็ได้ปิดเครื่องไปเป็นที่เรียบร้อย ที่จริงแล้วก็เพื่อเป็นการหลบเลี่ยงพี่เอมไปด้วย
“เค้าคงต้องกลับบ้านแล้วล่ะคืนนี้" ผมกล่าวทำให้พี่ส้มแสดงสีหน้าเศร้าออกมา ก่อนจะหอมแก้มผมรัวๆ
“ครอบครัวรออยู่น่ะสิ…น่าจะต้องมีเรื่องคุยกันยาวเลย” ผมกล่าวอีกครั้งเพื่อให้พี่ส้มเข้าใจ เพราะบางทีพี่ส้มอาจจะเสนอตัวกลับไปด้วยก็เป็นได้ ดูจากท่าทางแล้วเธอเหมือนจะติดผมมากเลยทีเดียว
“อื้อ” พี่ส้มส่งเสียงตอบรับก่อนจะกอดผมไว้แน่นๆ
และหลังจากนั้นเราก็ได้ทานอาการกันเสร็จ และกลับขึ้นห้องไปอาบน้ำแต่งตัว ซึ่งชุดก็เป็นชุดเดิมในคืนที่ไปร้านเหล้า และพวกเราก็ลงมาเช็คเอาท์ออกจากห้องในทันที ซึ่งก็เป็นเวลาราวๆ 3 ทุ่ม
บรื้นนน
ฟึบ ฟึบ
ผมได้ขับรถเข้ามาในเขตคอนโดของพี่ส้ม ซึ่งเจ้าแท่นเหล็กที่ปิดทางก็ได้เปิดออกและผมก็เข้าไปข้างใน ระหว่างทางก็มีผู้คนมากมายจ้องมองรถที่ผมขับอยู่ จนผมได้ขับเข้าไปที่ตึกสอง โดยรวมแล้วทั้งหมดมี 9 ตึก เป็นคอนโดที่ดูแพงมากๆ แต่ก็ยังอยู่ในราคานักศึกษาแหละ
“แวะซื้อขนมเค้กหน่อยได้ไหมครับ?” ผมกล่าวถามพี่ส้ม
“ได้ๆ…แต่เพื่อนเค้าอยู่ข้างในพอดีเลยอ่า” พี่ส้มกล่าวเมื่อร้านคาเฟ่ที่เรากำลังจะเข้าไปมีกลุ่มเพื่อนของพี่ส้มอยู่
“เธอเขินเพื่อนเหรอหืม?” ผมกล่าวถามพลางยื่นมือไปจับขาอ่อนพี่ส้ม
“เค้าหน้าสดเลยนะ” พี่ส้มกล่าวด้วยความไม่มั่นใจ ทำให้ผมยกยิ้มออกมา
“เค้าชอบมาก…ดูสดใสและน่ารักกว่าที่เธอแต่งหน้าซะอีก”
“ทาลิปบางๆก็น่าจุ๊บมากแล้ว” ผมกล่าวก่อนที่จะวนไปจอดรถพื้นที่ของคาเฟ่
“อ่ะ…จุ๊บสิ” พี่ส้มกล่าวหลังจากหยิบลิปขึ้นมาทาที่ปากบางๆ ปากอมชมพูของเธอมันทำให้ผมรู้สึกหมั่นเขี้ยวมากๆ
“อืม…” ผมเองก็ไม่รอช้าเมื่อโดนท้าทายกลับมา ผมยื่นหน้าไปจูบพี่ส้มทันที และถอนจูบออกมาก่อนจะกลืนน้ำลายดังอึก
“ป่ะ” ผมกล่าวก่อนจะดับเครื่องยนต์และเปิดประตูออกไปพร้อมกับเดินไปฝั่งพี่ส้มและเปิดประตูรถให้เธอ โดยที่ในตอนนี้ในคาเฟ่ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่ผม
ฟึบ
“ดูแลดีจังนะ” พี่ส้มกล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อผมใช้แขนไปค้ำไว้ที่บริเวณเพดานรถเพื่อป้องกันไม่ให้หัวของเธอชน
“แน่นอน” ผมกล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกันพร้อมกับคว้ามือของพี่ส้มมาจับและเดินเข้าไปในคาเฟ่
“อีส้ม…กูถ่ายไว้หมดแล้ว!” เพื่อนของพี่ส้มที่นั่งโต๊ะบริเวณทางเข้าร้านกล่าวเมื่อเราเข้ามา ทำให้พี่ส้มอมยิ้มด้วยความเขินและกอดแขนผมไว้แน่น ก่อนที่เพื่อนๆของเธอจะเริ่มจ้องหน้าผม ซึ่งคนในร้านเองก็เช่นกัน
“เค้าเอาเหมือนเธอ” พี่ส้มกล่าวเมื่อเราเดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์
“แต่เค้าเอากลับไปฝากน้องๆด้วยนะ” ผมกล่าว ซึ่งผมแวะมาซื้อกลับไปฝากแม่และน้องทั้งสอง
“อื้ม” พี่ส้มส่งเสียงตอบรับ ผมจึงยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอเบาๆ
“เค้กสตอเบอร์รี่ 1 ที่กินที่ร้านครับ”
“และอีก 4 ที่ใส่กล่อง” ผมกล่าวกับพนักงาน ซึ่งพนักงานก็รีบจัดเค้กใส่กล่องให้ผมทันที และใส่จานเป็นชิ้นสุดท้าย
“ชิ้นสุดท้ายได้แฟนหล่อนะเนี่ย” ผมหันไปกล่าวแซวพี่ส้มทำให้พี่ส้มยิ้มมากกว่าเดิม
“รวมโต๊ะนี้ด้วยครับ” ผมกล่าวก่อนจะหันไปมองโต๊ะเพื่อนของพี่ส้ม
“ค่ะ” พนักงานคิดเงินเสร็จผมก็ยื่นแบงค์พันไปสามใบ
“เก็บไว้เป็นค่าตั๋วเครื่องบินมาหาเค้า” ผมกล่าวเมื่อพนักงานยื่นเงินทอนให้
“เค้าไปหาเองได้” พี่ส้มกล่าวท้วง
“จะปฏิเสธเค้าจริงๆเหรอ” ผมกล่าวถามด้วยสีหน้าอ้อน ทำให้พี่ส้มยอมรับเงินทอนมาจากมือของพนักงานและเราทั้งคู่ก็เดินไปที่หน้าประตูทางเข้าคาเฟ่
“กลับแล้วนะ” ผมกล่าวลาพี่ส้มก่อนจะหันไปยิ้มให้เพื่อนๆของพี่ส้ม ซึ่งพวกพี่เขาก็ยิ้มกลับให้ผมเช่นกัน
“อื้อ” พี่ส้มโบกมือลาผมด้วยความเขินก่อนจะรีบนั่งลงบนโต๊ะ ส่วนผมก็เดินกลับไปที่รถและสตาร์ทรถทันที
บรื้นน
23 : 15
“โหล…แสบออกมาเปิดประตูให้หน่อย” ผมกล่าวกับปลายสายที่มีเสียงงัวเงีย ซึ่งก็คือทูไนท์
“จ้า” ทูไนท์ตอบกลับพร้อมกับตัดสายผมไปทันที ซึ่งสักพักก็มีร่างบางออกมาเปิดประตูบ้านและเลื่อนประตูให้ผม โดยที่รถของผมก็จอดไว้ข้างรั้วบ้าน เพราะในบ้านมีรถของแม่จอดอยู่
“แม่หลับยัง” ผมกล่าวถามถึงแม้จะรู้อยู่แล้วก็ตาม เพราะแม่ต้องไปทำงานเช้า
“หลับแล้ว…งืมม” ทูไนท์กล่าวก่อนจะเดินมากอดผม
“เดี๋ยว…พี่ไม่ใช่หมอนข้าง” ผมกล่าวแต่ก็กอดน้องกลับก่อนที่เราจะเดินเข้าไปในบ้าน
“ไปเรียกไทม์ออกมากินเค้ก…พี่ไปอาบน้ำแปป” ผมกล่าวจบก็เปิดประเป๋าที่ผมพาชุดมาด้วย ผมหยิบผ้าขนหนูและชุดนอนเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที
15 นาทีผ่านไป
“ทำไรกันไม่ยอมนอน” ผมกล่าวเมื่อออกมาจากห้องน้ำ และใช่ ผมสวมชุดนอนเป็นที่เรียบร้อย
“กินเค้กของพี่ไง” ทูไนท์ตัวแสบกล่าว และผมก็ได้เดินไปนั่งที่โซฟากลางบ้าน เราสามพี่น้องได้นั่งกินเค้กด้วยกันสักพักก่อนที่ทูไนท์จะหาวด้วยความง่วง
“เรื่องมันเกิดขึ้นไวจริงๆเลยนะ” ไทม์กล่าว ซึ่งระหว่างที่ผมกำลังกินเค้กก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคน แต่ผมมั่นใจว่าทุกคนรู้เรื่องอยู่แล้ว โดยที่ระหว่างกินเค้ก ผมก็ปิดและเปิดออเดอร์ใน MT4 ไปด้วย
“ฮ่าๆ…ก็แบบนี้แหละชีวิต” ผมกล่าวตอบ
“คืนนี้นอนด้วยกันไหม?” ผมกล่าวถามทำให้ไทม์ยิ้มออกมา
“ห้องใครครับ" ไทม์กล่าวถามก่อนที่ผมจะหันไปมองทูไนท์
“ก็ได้ๆ…ก็ห้องไนท์มันสวยและหอมมากใช่ไหมล่ะ” ทูไนท์กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟาและเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง ซึ่งผมและไทม์ก็เดินตามเธอไปด้วยเหมือนกัน
“ไนท์นอนก่อนนะง่วง” ทูไนท์กล่าวก่อนจะหงายหลังลงไปนอนบนเตียงใหญ่ตรงกลาง ซึ่งผมก็นอนชิดกับหน้าต่าง ส่วนไทม์นอนฝั่งทางเดินขึ้นเตียง
“ไทม์…ทูไนท์”
“หลังจากนี้พี่จะจัดการทุกอย่างเอง”
“พี่ขอแค่เราทั้งคู่ทำสิ่งที่อยากทำก็พอ”
“และทำมันให้สำเร็จ”
“พี่พร้อมที่จะผลักดันเราทั้งสองอย่างสุดความสามารถ” ผมกล่าวทำให้บรรยากาศในห้องเงียบมาก
“พี่พูดมากอะ” ทูไนท์กล่าวก่อนจะขยับตัวมากอดผม ที่จริงแล้วผมกับทูไนท์สนิทกันมาก ชอบแซวกันตลอด ต่างจากไทม์ที่เป็นคนไม่ค่อยพูด และเมื่อก่อนทูไนท์ก็มานอนห้องผมบ่อยเพราะเหงา ซึ่งเราทั้งคู่ก็ตีกันประจำ นึกแล้วก็คิดถึงบรรยากาศตอนเด็กซะจริงๆ
“ปากดี” ผมกล่าวก่อนจะใช้จมูกขยี้หัวของทูไนท์
“อื้ออออ…คนจะนอน” ทูไนท์กล่าวและกอดผมไว้แน่นกว่าเดิม
“ไม่ว่าพี่จะทำอะไรอยู่…ไนท์เชื่อใจพี่นะ” ทูไนท์กล่าว ถึงแม้ผมจะไม่ได้ก้มไปมองเธอ แต่ผมพอจะรับรู้ได้จากน้ำตาของเธอที่สัมผัสกับเสื้อของผม
“ขี้แยอ่ะ…” ผมกล่าว ซึ่งทูไนท์ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรผม
“ไทม์จะทำให้สำเร็จครับ” ไทม์กล่าวซึ่งทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“พยายามเข้าล่ะ…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่จะยืนอยู่ข้างๆเราเสมอ” ผมกล่าว ในชีวิตนี้ผมตั้งใจไว้แล้วว่าผมจะเป็นคนปูเส้นทางที่งดงามให้กับทุกคนในครอบครัวเอง
“นอนได้แล้ว” ทูไนท์กล่าว ซึ่งถ้าหากให้ผมเดา เจ้าเด็กปากแข็งนี่น่าจะพูดว่าขอบคุณ
“พรุ่งนี้พี่จะกลับมหาลัย…เดี๋ยวจะพาไปกินของอร่อยๆนะ” ผมกล่าว ก่อนที่ทูไนท์จะเริ่มส่งเสียงกรน ทำให้ผมและไทม์มองหน้ากันและหัวเราะเบาๆออกมา
“ดูแลน้องด้วยนะตอนที่พี่ไม่อยู่”
“เพราะถึงยังไงเราก็เป็นพี่ชายคนนึง” ผมกล่าวซึ่งไทม์ก็พยักหน้าตอบกลับมาเพราะไม่อยากให้เสียงพูดคุยของเราทำให้ทูไนท์น้องเล็กตื่น