บท
ตั้งค่า

นำพาข้าและท่านมาพบเจอกันอีกครา

ประตูไม้ เปิดอ้าออกช้าๆ พริมมี่รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนเข้าไปยังต้อนต้นของยุคราชวงค์หมิง

ซึ่งนั่นฮ่องเต้ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ จูหยวนจาง สถาปนาเป็น “หมิงไท่จู่ฮ่องเต้” ฟื้นฟูเศรษฐกิจ พัฒนาศิลปวัฒนธรรมจีนเป็นอย่างดี และปกครองราษฎรด้วยความผ่อนปรน ปลดแอกชาวฮั่นจากราชวงค์หยวนและชาวมองโกล แต่ในทางการเมืองการปกครองพระองค์ใช้ความเด็ดขาด ปราบปรามผู้ต่อต้าน และผู้รังแกราษฎรอย่างเข้มงวด

พระองค์มีรัชทายาทชื่อ จูเปียว แต่สิ้นพระชนม์ จึงแต่งตั้งลูกของรัชทายาทจูเปียว เป็นรัชทายาท ทำให้โอรสองค์อื่น ๆ ไม่พอใจ หลังจากพระเจ้าหมิงไท่จู่สิ้นพระชนม์รัชทายาทที่เป็นหลานได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ชื่อ “เจี้ยนเหวินฮ่องเต้” ต่อมาโอรสองค์ที่ 4 ของพระเจ้าหมิงไท่จู่ ชื่อเจ้าเอี้ยนหวาง ผู้เป็นอาของพระเจ้าเจี้ยนเหวิน ก่อกบฏยึดเมืองหนานจิงซึ่งเป็นเมืองหลวง และพระเจ้าเจี้ยน เหวิน สูญหายไป

ที่ได้ยินมาแบบนี้ว่าแต่องค์ชายที่ว่าเป็นคนไหนกัน รัชทายาทจูเปียว เจี้ยนเหวินฮ่องเต้ หรือว่าเจ้าเอี้ยนหวาง แต่จะว่าองค์ชาย ก็คงเป็นจูเปียว หรือไม่ก็เจ้าเอี้ยนหวาง หรือเอี้ยนอ๋องจูตี้ที่ต่อมาคือจักรพรรดิหย่งเล่อที่เป็นคนสร้างพระราชวังต้องห้ามกำลังคิดอะไรเพลินๆ สมศักดิ์ที่สะกิดเบาๆ

“พี่พริม ระวังสะดุด”

ธรณีประตูที่ทำจากไม้ตีประกบไว้บนพื้นก่อนทางเข้าห้องที่มองปราดเดียวก็รู้ว่านี่คือห้องรับแขก บรรดาแจกันลายครามลวดลายงดงามไม่ใช่ของใหม่ที่ทำเลียนแบบขึ้นแน่ คงเป็นของที่เคยอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว

บนโต๊ะมีอาหารจัดวางไว้พอสมควรไม่ได้ล้นทะลักเหมือนที่คิดไว้แต่แรก พริมมี่กลืนน้ำลายลงคอเพราะความหิวเกือบบ่ายสองแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง

“@#$@#$#$#@& ( ((_+#@”

สมศักดิ์ยิ้ม เมื่อคนดูแลบ้านที่เป็นลุงแก่ๆ หนวดยาวเรียงตัวเป็นระเบียบสีขาว มัดไว้ที่ปลายคาง เหมือนจะตลกแต่ก็ดูเรียบร้อยดี พูดอะไรบางอย่าง

“เขาให้เราจิบชารอ พี่พริมไหวไหม คุณซุนกำลังมาที่นี่ พร้อมกับลายแทง”

ไม่ไหวก็ต้องไหว หญิงวัยกลางคนคงเป็นแม่บ้านหรือคนดูแลด้านอาหารของที่นี่ยก กาชงชาเข้ามาพร้อมกับขนมก้อน สองจานหอมฟุ้งมาแต่ไกล

“หอมจัง”พริมมี่อดจะพูดเสียไม่ได้

หญิงคนนั้นยื่นจานขนมในมือให้พริมมี่ เหมือนเข้าใจภาษาไทยอีกจานวางไว้บนโต๊ะ หรือว่าพริมมี่เข้าใจอะไรผิดแม่บ้านฟังภาษาไทยไม่ออกแค่พอจะเดาได้ลางๆ ว่าพริมมี่คือคนสำคัญหัวหน้าทีม หรืออาจใช้ ค่านิยมเลดี้เฟริส พริมมี่ยิ้มอย่างภูมิใจ

บนจานใบนั้นมีขนมสองชนิดคือขนมกุ้ยฮวา (ผสมดอกหอมหมื่นลี้) กับขนมเฉียวกั่ว ขนมแห่งความฉลาดกินเข้าไปจะฉลาดเฉลียวเขาว่างั้น พริมมี่หยิบขนม เฉียวกั๋วขึ้นมาชิม รสหวานนุ่มลิ้น รับจอกชามาจิบเบาๆ แล้วหันไปทางขนมกุ้ยฮวาที่เป็นต้นตอของกลิ่นหอม ขนมสองชนิดเป็นขนมโบราณของจีนจะด้วยความหิวหรืออะไรไม่รู้ทำให้ พริมมี่กินขนมไปหมดจานเพียงคนเดียว

“อร่อยไหม ขอรับ”

พริมมี่พยักหน้าก่อนจะอ้าปากค้าง เมื่อคำพูดที่ได้ยินเป็นคำพูดของลุงคนดูแลบ้านที่ส่งภาษาจีน แต่ทำไมพริมมี่ถึงเข้าใจความหมายได้ดี

“อร่อยก็มีให้กินทุกวันขนมเฉียวกั่วจะช่วยคุณหนูได้มากในโอกาสต่อไป คุณท่านซุนมาแล้ว”

ลุงคนดูแลบ้านพูดขึ้นขัดความคิดของพริมมี่ที่กำลังจะถามว่าลุงพูดว่าอะไรแต่ พริมมี่สิ้นสงสัยในทันทีเมื่อครั้งนี้ลุงแกก็พูดภาษาจีนเหมือนก่อนนั้นแต่พริมมี่กลับฟังออกทุกคำ หรือว่าขนมนี่ผสมออะไรเข้าไป

ชายชราร่างเล็กลงมาจากรถโรลลอยส์พร้อมไม้เท้าคู่กาย ให้เดาอายุคงไม่ต่ำเก้าสิบปี แต่ทว่ายังเดินด้วยตัวเองมีแค่เพียงไม้เท้าช่วยพยุงบอดี้กร์าดเฝ้าระวังกลัวว่าจะล้ม

เงยหน้ามองพริมมี่ ใบหน้าแย้มยิ้ม

“หนินห่าว หนินหาวมะ” (ทำไมใช้คำว่าหนินห่าวที่ใช้กับคนที่อาวุโสกว่า) พริมมี่ขมวดคิ้วไม่ใช่แต่พริมมี่ที่ขมวดคิ้ว สมศักดิ์เองก็ทำสีหน้าตกใจกับคำที่ได้ยิน หรือว่าคุณปู่ท่านนี้จะเลอะเลือนไปชั่วขณะ

“หนินห่าว เหล่าซือห่าวค่ะ”

ใบหน้าชรา เลิกคิ้วสูง ยิ้มพึงใจพริมมี่ออกเสียงภาษาจีนได้คล่องแคล่วจนพริมมี่เองก็แปลกใจ

“ไม่ได้ขอรับ ดีใจเสียจริงที่ในที่สุดก็มาที่นี่”

คำพูดมีเลศนัย แต่ก็คงเป็นไปตามวัยด้วยคุณปู่ชรามากแล้วนั่นเอง

พริมมี่ยิ้มเจื่อนๆ

“เชิญ ด้านในดีกว่า กินข้าวเสียก่อนแล้วก็คุยกัน เด็กๆหยิบกล่องไม้ในรถมาด้วย” บอดี้การ์ดร่างสูงตามมาตรฐานสองคนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ท่านลุงหนวดขาวพยุงคุณซุนเข้าไปด้านในอีกทอด

คุณซุนเยี่ยเต๋อ นั่งหัวโต๊ะ พริมมี่และสมศักดิ์ นั่งขวาซ้าย

“กินไปคุยไปได้ หว่อ (หว่อ) ไม่ถือสา เข้าเรื่องเลยดีไหม หว่ออยากให้คุณช่วยดูของสิ่งนี้”

อยู่ๆก็เปลี่ยนท่าทีจากนอบน้อมเป็นจริงจัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel