บท
ตั้งค่า

อย่ามายุ่ง!!

ผมจับมือยัยตัวแสบแล้วก็พากันเดินลัดเลาะมาที่ลานจอดรถสำหรับรถจักรยานยนต์ แล้ววันนี้ผมเอาลูกชายคนล่าสุดของผมมา เป็นรถบิ๊กไบค์ ของแบรนด์หนึ่งที่ตัวย่อคือตัว H รุ่น NEW CBR1000RR-R SP 30th Anniversary แล้วที่ผมชอบคือการออกแบบของรถที่มันพิเศษแล้วก็เฉพาะจริงๆ เพราะมันเป็นรุ่นฉลองครบรอบด้วยแหละ ทางแบรนด์เลยออกแบบให้ดูพิเศษ ที่สำคัญคือตัวเลขบนถังที่ไม่ซ้ำกันทำให้ความรู้สึกหลังที่เราซื้อมาคือรถของเรามีคันเดียวในโลก ส่วนเรื่องราคาก็ช่างมันเถอะ เพราะผมไม่ได้ซื้อเอง คันนี้พี่ชายผมซื้อให้ ผมปล่อยมือยัยตัวแสบก่อนจะนั่งคร่อมบนรถและหยิบหมวกกันน็อคมาใส่แล้วก็เปิดกระจกของหมวกกันน็อกขึ้นจากนั้นก็สตาร์ทรถแล้วหันมาหายัยตัวแสบที่ยืนอยู่ข้างๆ

“มา เหยียบขึ้นมา”

“นายอย่าแกล้งฉันนะ”

ฉันมองคนตัวสูงพร้อมกับกำชับเขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง เพราะรถมันสูงมากอะเธอ จะก้าวขึ้นประหนึ่งรถจักรยานยนต์แบบธรรมดาก็ไม่ได้ ฉันยังไม่เคยรู้สึกว่าขาสั้นมาก่อนเลยอะ แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกละ

“หึหึ เออ ขึ้นมา ใครเขาแกล้งอะไรเธอ”

ผมเลื่อนกระเป๋าสะพายไปด้านหลังแล้วก็วางไว้บนเบาะพอยัยตัวแสบก้าวขึ้นเลยช่วยประคองโดยที่ผมใช้มือจับขายัยตัวแสบเอาไว้จนยัยนี่ขึ้นมานั่งเรียบร้อยผมก็ปล่อยมือแล้วเปลี่ยนไปดึงแขนทั้งสองข้างของยัยตัวแสบมากอดเอวผมเอาไว้

“นี่ นายปล่อยแขนฉัน”

ฉันเบิกตากว้างก่อนจะพยายามบิดแขนตัวเองออกจากมือของคนตัวสูง แล้วมันกอดกันอะ มันใช่เรื่องเหรอวะ

“กอดไว้ เครื่องรถมันแรง มันกระชากนะเว้ยฉันจะบอกให้”

ผมบอกยัยตัวแสบแล้วก็จับแขนยัยนี่ไว้แน่นกว่าเดิม เพราะรถมันก็แรงจริงๆ สามารถใช้แข่งบนสนามได้สบายๆ เลย แล้วคิดดูว่าเครื่องมันต้องขนาดไหน

“นายก็ขับเบาๆ สิ นายจะขับรถทะลุกำแพงโรงเรียนไปเลยหรือไง”

ฉันสวนนายนี่กลับไป เพราะฉันก็เห็นคุณพ่อฉันเคยขับปะ ออกตัวมันก็ออกเบาๆ ได้ ถึงแม้ตอนนั้นฉันจะเด็กแต่ฉันก็จำความได้ แล้วเท่าที่จำได้ฉันยังไม่เคยเห็นคุณแม่ถูกกระชากเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้คุณพ่อไม่ได้ขับแล้ว ส่วนมากก็ขับแต่รถยนต์

“หึหึ เออ ฉันจะขับแม่งทะลุกำแพงไปนั่นแหละ รถฉันมันแรงเว้ย แต่ถ้าเธออยากจะตกลงไปแล้วเอาเนื้อเอาหนังไปสัมผัสกับถนนมันก็เรื่องของเธอ เพราะฉันไม่เจ็บกับเธออยู่แล้ว”

ผมหัวเราะออกมาแล้วก็ปล่อยมือยัยตัวแสบ เพราะยัยนี่พูดเฉยๆ ไม่ค่อยฟังไง ต้องทำให้ดู ผมมองยัยตัวแสบผ่านกระจกซึ่งตอนนี้หน้ายัยนี่บูดกว่าน้ำกะทิอีกมั้ง ฮึ แบบนี้ก็เจอดิครับ

“โคตรจะเรื่องเยอะ ฉันไม่ไปละ งื้ออ”

บรื้น!

ฉันสรุปกับตัวเองได้ว่าไปกินกับเพื่อนดีกว่าแต่พอบอกเขาว่าไม่ไปแล้วไอ้บ้านี่ออกตัวฉันเลยถูกกระชากไปข้างหน้าแล้วมันตกใจเลยใช้มือจับเอวของเขาไว้เพราะกลัวตัวเองตกลงไป

“ฮึ บอกแล้วไม่เชื่อ จับไว้ เธอไม่ท้องเพราะแค่กอดเอวฉันหรอก”

“ไอ้เซทท์ ไอ้ผู้ชายปากเสีย ถ้านายออกตัวช้าๆ มันก็ไม่กระชากหรอก”

ผมเลิกคิ้วก่อนจะหันมาบอกยัยตัวแสบที่นั่งอยู่ข้างหลังพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ

“เสียใจด้วยนะครับ พี่ชอบออกตัวแรงๆ ถ้าชอบขับรถเบาๆ ฉันจะซื้อรถแรงๆ มาเพื่อ อย่าบ่น เออ นี่ ฉันมีอะไรจะบอก”

ฉันจิ๊ปากก่อนจะมองหน้าไอ้บ้านี่แล้วถามมันออกไป แล้วหน้าตาแม่งกวนเบื้องล่างของฉันมากนะ

“อะไรอีก”

“ซ่อนรูปเหมือนกันนะเราอะ”

“งื้ออ”

“โอ๊ย!! ปล่อยฉันเลยนะเว้ย ไม่งั้นฉันจะทิ้งตัวแล้วพาเธอล้มลงไปที่พื้น”

ผมใช้มือดันศีรษะของยัยตัวแสบที่ตอนนี้ใช้ฟันกัดหัวไหล่ของผม พอผมพูดจบยัยนี่ก็หยุดผมเลยพูดกับยัยนี่ออกไปอีกรอบ

“นั่งดีๆ เก็บฟันเธอไปด้วย ยัยฟันเหล็ก”

“ฉันไม่ไปแล้ว”

“แต่ฉันจะไป”

พอไอ้บ้านี่พูดจบก็ขับรถออกมาตามถนนของโรงเรียน แต่มันก็ไม่ได้เร็วขนาดนั้นปะ

“มันไปทางไหน”

ผมจอดรถหน้าประตูทางออกของโรงเรียนเพราะตอนนี้มันมีรถสวนไปมา คนก็เยอะมาก ส่วนมากเหมือนจะเป็นนักเรียนในโรงเรียนแล้วก็มีของกินตลอดสายอะ การจราจรเลยดูวุ่นวาย

“เชี้ย คนเยอะจัง ฉันว่าฉันไม่ไปแล้วดีกว่า นาย ปล่อยแขนฉัน”

ฉันก็ลืมไปตอนนี้มันน่าจะ 18.30 ได้แล้วอะ แล้วช่วงเวลานี้เด็กๆ ก็เยอะมาก แล้วส่วนมากก็เป็นเด็กโตที่พักอยู่แถวคอนโดแล้วก็ห้องพักที่เขาให้เช่า แล้วถ้าเห็นฉันกอดเอวไอ้บ้านี่เดี๋ยวก็เข้าใจผิดกันทั้งโรงเรียนพอดี แต่พอฉันเหมือนจะลงนายนี่ก็จับแขนไปกอดเอวแขนแน่นมากขึ้นกว่าเดิม ตัวฉันก็ทับไปกับหลังของไอ้บ้านี่หมดละ

“บอกทาง!”

คนเยอะแล้วมันจะทำไมวะ ผมขมวดคิ้วก่อนจะถามทางกับยัยตัวแสบกลับไปอีกรอบก่อนจะใช้มือกำแขนของยัยนี่เอาไว้แน่นจนลืมตัวมารู้สึกตอนที่ได้ยินเสียงของยัยนี่ดังขึ้นมานี่แหละ

“ฉันเจ็บนะ”

ฉันบอกเขาออกไปหลังจากเริ่มรู้สึกเจ็บที่แขนของตัวเองหลังจากถูกนายนี่บีบ

“บอกทางมา!”

“ขับออกไปแล้วซ้ายจากนั้นก็ตรงไปจนถึงทางเข้าซอย 15 แล้วก็ขับตรงเข้าไปในซอย เดี๋ยวเข้าไปในซอยฉันจะบอกอีกที”

“เออ ก็แค่เนี่ย”

ผมพูดจบก็ปิดหมวกกันน็อกแล้วก็ขับรถตามทางพิกัดที่ยัยตัวแสบบอก พอขับเข้ามาในซอยก็รู้สึกเหมือนยัยตัวแสบซบลงมาแถวๆ หลัง หรือยัยนี่จะหลับวะ ผมเลยเรียกยัยนี่ออกไปเสียงดัง

“มิลินท์!!”

“อะไร!”

“เธอหลับหรือเปล่าห๊ะ! ห้ามหลับนะเว้ย!”

“ใครเขาจะหลับ แมลงเข้าตา”

ฉันตอบคนตัวสูงกลับไป ซึ่งซอยนี้มันเป็นซอยหมู่บ้านอะ มีท้องนา มีบ้าน มีตึก ทั้งสองฝั่งของถนน แล้วแมลงบินเข้าตาบินชนหน้าจนเจ็บไปหมด แล้วไอ้บ้านี่ขับรถเหมือนกับจะรีบไปไหนอะ ลมตีหน้าจนเจ็บไปหมด

“แล้วมันใกล้จะถึงหรือยัง”

“ยัง ขับตรงไปแล้วมันจะมีตึกแดงๆ อยู่ซ้ายมืออะ ร้านนั้นแหละ”

“เค”

ผมขับรถมาสักพักก็เห็นตึกสีแดงๆ แล้วก็เลี้ยวเข้าไป ร้านใหญ่พอสมควร แต่ลูกค้าก็ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ ผมจอดรถแล้วก็ถอดหมวกกันน็อคก่อนจะหันมาหายัยตัวแสบที่นั่งอยู่ข้างหลัง แล้วตอนนี้แม่งหยิบกระจกขึ้นมา หยิบแป้งขึ้นมา ลิปสติก สรุปยัยนี่กำลังแต่งหน้า แค่จะเข้าไปกินก๋วยเตี๋ยวเนี่ยนะ

“ไป ลง”

“รู้แล้วแหละว่าต้องลง เค้าคงจะเอามาให้กินที่นี่มั้ง”

“ฮึ เดี๋ยวฉันจะปล่อยเธอเอาไว้ที่นี่”

“ฉันก็จะขอบคุณมาก เพราะลูกพ่อค้างานดีสุดๆ ขอบใจนะคะบัดดี้เพื่อนรัก นี่ เอามือออกไป”

ฉันใช้มือดันมือคนตัวสูงออกจากเอวของตัวเอง แล้วมันไม่ได้จับเฉยๆ นะ บีบลงมาจนฉันเริ่มรู้สึกเจ็บอะ

“เดี๋ยวฉันจะจัดการเธอ แค่จะมากินก๋วยเตี๋ยวต้องแต่งหน้าแต่งตา ลงไปเลย ยัยหน้าซาลาเปาบูด”

เพี๊ยะ!

“โอ๊ย เธอปล่อยฉันเลยนะเว้ย ยัยหน้าซาลาเปาบูด ยัยตัวสั้น ยัยผิวเผือก”

ผมบอกยัยตัวแสบที่ใช้มือตีหลังผมเสร็จแม่งก็ใช้มือกระชากหัวผมทันที แต่มันจะเกินไปแล้วนะเว้ย

“ฉันฝากไว้ก่อนเถอะ อย่าพูดไม่เข้าหูฉันอีกนะ ไม่งั้นผมนายจะไม่มีติดหนังหัวเลย”

ฉันหยุมหัวนายนี่เสร็จก็เก็บกระเป๋าเครื่องสำอางของตัวเองใส่กระเป๋าสะพายแล้วนายนี่ก็ใช้มือจับที่เอวฉันอีกรอบ ฉันเลยถอนหายใจก่อนจะถามไอ้นี่ออกไป

“สรุปนายจะไม่อยากมีผมใช่ไหม เอามือออก”

“ใครเขาอยากจะโดนตัวเธอ ฉันกลัวรถฉันเป็นรอย ลงไป จะกินไหม ไม่กินจะได้กลับ”

“กิน!”

“กินก็ลง!”

ผมใช้มือข้างหนึ่งจับเอวของยัยตัวเอาไว้แล้วก็ช่วยประคองจนยัยนี่ลงไปแบบปลอดภัย ไอ้ประเด็นแม่งกลัวมันจะก้าวพลาดแล้วล้มลงไปนี่แหละ รถเป็นอะไรก็เข้าศูนย์ได้อยู่ละ พอลงจากรถผมก็ล็อกคอรถเอาไว้ก่อนจะจับแขนยัยตัวแสบเดินเข้ามาในร้าน

“คุณลุงสวัสดีค่ะ”

“อ้าว หนูมิลินท์ แหม่ๆ ไม่เจอกันตอนปิดเทอมแป๊บเดียว มีแฟนแล้วเหรอเนี่ย”

“เพื่อนหนูค่ะ ใช่แฟนหนูที่ไหนล่ะคะ ไหนคุณลุงบอกว่าจองหนูเป็นลูกสะใภ้ไงคะ”

“ฮ่าๆ ใช่ๆ เดี๋ยวลูกลุงพร้อมเมื่อไหร่จะรีบไปขอเลยนะ”

“คิกๆ หนูจะรอนะคะ”

“สั่งก๋วยเตี๋ยว หิว!”

ฉันที่กำลังทักทายแล้วก็พูดคุยกับคุณลุงอยู่เสียงไอ้บ้านี่ก็ดังขึ้นมาทันที ฉันเลยถอนหายใจก่อนจะถามไอ้คนตัวสูงที่ยืนทำหน้ายักษ์อยู่ข้างๆ

“แล้วนายจะเอาเส้นอะไรล่ะ”

“เส้นหมี่”

“ลุงคะ หมี่ขาว 1 เส้นเล็ก 1 เอาพิเศษเครื่องนะคะ น้ำแข็ง 2 แก้ว น้ำแป๊บซี่ 1 น้ำเปล่าขวดใหญ่ 1 ค่ะ”

“ได้เลย เดี๋ยวหนูจัดการน้ำเองเลยนะลูก ป้าเขาอยู่หลังบ้าน”

“จ้า”

ผมมองยัยตัวแสบแล้วก็มานั่งที่โต๊ะ แล้วหลังจากนั้นก็เห็นยัยนี่เอาแก้วตักน้ำแข็ง เปิดฝาน้ำอัดลม คือทำทุกอย่างประหนึ่งร้านของตัวเอง

“อยากเป็นลูกสะใภ้เขาขนาดนี้เลยหรือไงวะ ไม่เอาพ่อแม่มาขอลูกชายเค้าให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ หมั่นไส้ฉิบหาย”

ฉันเดินเอาแก้วน้ำแข็งแล้วก็เดินกลับไปเอาขวดน้ำเปล่ากับน้ำอัดลมมาวางที่โต๊ะ แล้วหน้านายนี่คือ จ้องฉันเหมือนหมั่นไส้ฉันมากอะ

“เก็บหน้าหน่อยไหมนายอะ บูดสุดอะไรสุด ว่าแต่คนอื่น”

“เรื่องของฉันปะ หน้าก็หน้าฉัน อย่ามายุ่ง!!”

ผมตอบยัยนี่กลับไปแล้วก็หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาเล่น แล้วร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้แม่งจะมาแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ อร่อยแค่ไหนก็ไม่มาหรอก

“เอ้า อะไรของมัน”

ฉันพึมพำออกมา เพราะไอ้บ้านี่เค้าเป็นอะไรก็ไม่รู้ อยู่ๆ อารมณ์เสียแล้วก็ขึ้นเสียงใส่ แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยปะ ฉันเลยเบะปากใส่แล้วก็ไม่ได้สนใจ เพราะฉันก็ไม่ชอบคุยกับคนที่อารมณ์ไม่ดีอะ เดี๋ยวฆ่ากันตาย ฉันยิ่งของขึ้นง่ายๆ อยู่ พูดเล่นด้วยไม่ได้ก็ไม่พูด ฉันเทน้ำอัดลมใส่แก้วของตัวเองแล้วพอได้ยินคนเรียกชื่อเท่านั้นแหละ เลยหันไปมองและหัวเราะออกมาเบาๆ

“มิลินท์!! คิกๆ”

ผมเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์หลังจากได้ยินเสียงใครสักคนเรียกชื่อยัยตัวแสบดังขึ้นมาแล้วก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุน่าจะ 3-4 ขวบ ผิวขาวๆ ผมสีดำ หน้าตาน่ารักเลยแหละ วิ่งมาหายัยตัวแสบแล้วก็ยกแขนทั้งสองข้างให้ยัยนี่อุ้ม

“หึหึ คิดถึงพี่มิลินท์ไหมครับ”

ฉันหันไปมองเด็กตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักมากก่อนจะอุ้มขึ้นมานั่งบนตัก คือใครเห็นก็ต้องเอ็นดูอะ นี่แหละลูกชายคนเดียวของคุณลุงกับคุณป้า ซึ่งท่านมีอายุแล้วนะ น่าจะ 40+ ได้แล้ว แต่น้องเพิ่งจะมา ตอนนี้น้องอายุ 3 ขวบ คือหน้าน้องหล่อตั้งแต่เด็กเลยอะ ฉันมากินก๋วยเตี๋ยวที่นี่กับเพื่อนบ่อยแล้วก็เล่นกับน้องจนสนิทกันไปเลย

“คิดถึงครับ”

“พี่มิลินท์ก็คิดถึงพี่ไทน์มากๆ เลย”

“ไหน บอกพี่มิลินท์สิเก็บเงินใส่กระปุกออมสินเอาไปทำอะไรนะ”

“เพื่อเอาไปแต่งงานกับมิลินท์”

“ใช่หรือเปล่า”

“ใช่”

“จริงอะ”

“จริง”

“แล้วน้องโบว์คือใครอะ”

ผมเลิกคิ้วก่อนจะเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดอยู่ในหัวสมอง สรุปลูกชายเจ้าของร้านที่ยัยตัวแสบพูดคือไอ้เด็กตัวอ้วนที่นั่งตักยัยตัวแสบอยู่เนี่ยนะ

“หนูมิลินท์ ได้แล้วลูก พี่ไทน์มาหาพ่อกับแม่เลย ให้พี่มิลินท์เค้ากินข้าวก่อน”

“แต่พี่ไทน์ต้องตอบคำถามมิลิทน์ก่อนครับ”

“คิกๆ แล้วสรุปน้องโบว์คือใครครับพี่ไทน์”

“น้องโบว์คือแฟนพี่ไทน์ แต่พี่ไทน์ก็รักมิลินท์ด้วย”

ฉัน ลุง แล้วก็พากันหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินเด็กตัวน้อยตอบฉันกลับมา แล้วตัวแค่นี้แต่แสบมากเลยนะเนี่ย

“คิกๆ รักมิลินท์ด้วยเหรอ แล้วแบบนี้พี่ไทน์รักใครมากกว่า”

“พี่ไทน์รักมิลินท์ แล้วก็แต่งงานกับน้องโบว์”

“หื้อ แล้วไม่แต่งงานกับมิลินท์แล้วเหรอ”

“แต่งไม่ได้ เพราะพี่ไทน์กับพี่มิลินท์เป็นพี่น้องกัน”

“ฮึ”

ผมหลุดหัวเราะออกมา แล้วตอนแรกที่ได้ยินยังบอกว่าจะเก็บเงินมาขอยัยนี่อยู่เลย

“คุณลุงคะ สงสัยคุณลงต้องเปลี่ยนบ้านเจ้าสาวแล้วค่ะ”

“ฮ่าๆ มันแสบจริงๆ ไปเลยพี่ไทน์ ไปทำการบ้านก่อนเลยเราน่ะ”

“ครับ พี่ไทน์ไปก่อนนะมิลินท์”

“ครับ บ๊ายบาย”

ฉันบ๊ายบายเด็กตัวน้อย ก่อนจะหันมาสนใจก๋วยเตี๋ยวไก่ที่อยู่บนโต๊ะ ตอนนี้กลิ่นน้ำซุปคือยั่วน้ำลายสุด ไม่ไหวแล้วแม่

“สรุปเด็กน้อยคนนั้นเป็นลูกเจ้าของร้านที่เธอพูดถึง”

“…”

ผมถามยัยตัวแสบแล้วยัยนี่คือนิ่งใส่ นิ่งไม่พอเมินผมอีก เหมือนผมไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้อะ แล้วพอนึกถึงประโยคสุดท้ายที่คุยกันล่าสุดกับอาการของยัยนี่ตอนนี้บอกได้เลยว่า ฉิบหายละ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel