บทที่ 15 นั่นมันเงาอีกร่างหนึ่ง
เธอพูดถูก ตอนนั้นเขาพาผู้หญิงคนนั้นกลับบ้าน พูดต่อหน้าพ่อสามีว่ารักผู้หญิงคนนั้นและจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น แล้วตอนนี้จะพาเธอกลับไป เขาไม่กลัวเธอจะทำให้ความรักของเขากับผู้หญิงคนนั้นพังหรือ?
ทว่าเธอพึ่งกล่าวจบ ผู้ชายนิสัยหมาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“คุณเนี่ยนะ?เส้นหมี่ผมจะบอกอะไรให้ อย่าเห็นตัวเองสำคัญไปหน่อยเลย ในสายตาผมคุณตายหรือยังมีชีวิตล้วนมีค่าเท่ากัน อย่างวันนี้ถ้าคุณไม่มา ผมก็จะนำศพของคุณกลับไป ซึ่งก็ไม่ได้ต่างกัน”
ไอ้ปีศาจคนนี้ทอประกายแสงเย็นเยียบบนนัยน์ตาแดงฉาน กล่าวถ้อยคำทำร้ายจิตใจอย่างไร้ความเป็นมนุษย์ มันแทงเส้นประสาทจนสั่นระริก
มือที่เส้นหมี่กำหมัดไว้ซีดขาวกว่าเดิม เธอหลับตาแล้วไม่พูดอะไรต่อ
ผ่านมาห้าปีแล้ว เธอยังวาดหวังรอคอยสิ่งใดอีก?
หวังว่าเขาจะมีความเป็นคนเหรอ ปรารถนาให้เขาพูดรื่นรมย์ใจอย่างนั้นหรือ?
เส้นหมี่ถูกพาลงจากดาดฟ้าของเรือในเวลาต่อมา จากนั้นไม่นาน เรือลำนี้ก็ออกจากท่าเรือ ก่อนจะเริ่มแล่นบนผิวน้ำ
ที่แท้เรือลำนี้คือยานพาหนะที่พวกเขาใช้เดินทางกลับไปในครั้งนี้
เส้นหมี่ไม่ใส่ใจต่อเรื่องนี้ เธอรู้ว่าตัวเองไม่อาจต่อต้านอะไรได้อีก จึงตัดสินใจรูดซิปเสื้อ จากนั้นก็ทิ้งตัวลงบนเตียงเล็ก ไม่นานเธอก็เข้าสู่นิทรา
“คุณชายเล็กครับ ทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ มันอันตรายเกิดไปครับ คุณชายเล็ก......”
“หุบปาก ไปอยู่ทางโน้นเลยไป!”
ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่เส้นหมี่รู้สึกหิว บวกกับได้ยินเสียงเอะอะโวยวายด้านนอกด้วย
คล้ายกับได้ยินเสียงอ่อน ๆ อย่างเลือนราง
เสียงของเด็ก?
เส้นหมี่รีบลืมตา ภายในหนึ่งวินาที สมองของเธอก็โล่งโปร่งพร้อมรับรู้ทุกอย่างตรงหน้าแบบที่ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
ใช่ชินจังหรือเปล่า?
แสนรักอยู่ในเรือลำนี้ พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางกันแล้วด้วย หากชินจังอยู่ด้วยก็ไม่น่าแปลกใจอะไร
เธอนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ความรู้สึกดีใจก็โผล่ขึ้นมา คล้ายกับเลือดเริ่มเดือดพล่าน เธอกระโดดลงจากเตียงเล็ก จากนั้นก็วิ่งไปที่หน้าต่าง
ดังคาด เมื่อมองผ่านหน้าต่าง เธอก็เห็นมีคนสองคนยืนอยู่ด้านนอก
คนหนึ่งใส่เสื้อสูทสีดำ ซึ่งหุ่นฟิตเฟิร์มมาก ส่วนอีกคนที่เหลือนั้นยืนอยู่ด้านข้าง โดยมีรูปร่างเล็กและตัวเตี้ย ใส่เสื้อกันหนาวสีน้ำเงินปนสีกากีตัวหนา ทั้งยังสวมหมวกสีดำบนศีรษะอีกด้วย แค่มองเห็นปราดเดียวก็จะรู้สึกน่ารักและหล่อมากมาย
นั่นไม่ใช่คุณชายเล็กของตระกูลหิรัญชาแล้วจะเป็นใครไปได้?
เส้นหมี่มองคนตัวเล็ก จากนั้นดวงตาก็เริ่มแสบจนน้ำตาอุ่น ๆ ไหลพลั่งในที่สุด
“ชินชิน?ชินชิน?”
“ใคร?”
ชินจังยืนเล่นเครื่องบินบังคับอยู่ เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเขากะทันหัน เขาก็รีบหันหน้าไปมอง
ดังคาด เป็นใบหน้าเล็กที่เท่ห์กระชากหัวใจจริง ๆ ทว่าเมื่อถูกรบกวน เขาจึงอารมณ์เสียออกมา
เส้นหมี่ที่อยู่ในห้องเมื่อเห็นอีกฝ่ายก็รีบโบกมือให้เขา “อยู่นี่ ชินชิน หม่า......น้าอยู่นี้ รีบมองมาเร็ว”
เธอเกือบพูดหลุดปากว่าตัวเองคือหม่ามี๊ของเขา
ในที่สุดชินจังก็มองเห็นเธอ ทว่าสีหน้าของเขาไม่ได้เซอร์ไพรส์เหมือนอย่างที่เส้นหมี่คาดการณ์ ทางกลับกัน เขาเย็นชามาก ดวงตาอันสวยงามที่ได้พ่อส่องประกายแสงความเหลืออดออกมาซึ่งพ่อเขาไม่มีผิด
“คุณน้าเป็นใคร?”
“เอ่อ......คุณชายเล็กครับ ถึงเวลาแล้ว พวกเรารีบกลับเข้าห้องเถอะครับ ไม่งั้นประธานต้องตำหนิอีกแน่ครับ”
ช่วงนาทีสำคัญ บอดี้การ์ดก็เข้ามาบังตรงหน้าลูกคนนี้
เส้นหมี่เห็นก็รู้สึกร้อนรนใจขึ้นมา “ชินชินฉันเอง พวกเราเคยเจอกันในโรงแรมแล้ว ผมยังจำได้หรือเปล่า?”
เธอพูดพร้อมกับทำท่าทางประกอบไปด้วย โดยหวังว่าลูกชายคนนี้จะจำเธอได้
โชคดีมาก หลังจากที่ได้ยินเธออธิบาย เขาก็นึกขึ้นมา
“ที่แท้ก็คุณน้านี่เอง!”
“ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ ฉันเอง ชินชินเดินเข้ามาให้น้ามองหน่อยได้ไหม?มองแค่แป๊บเดียวเอง”เส้นหมี่รู้สึกเบิกบานที่สุด
“คุณชายเล็กครับ พวกเราควรกลับเข้าห้องนอนแล้วครับ”
“หลีกไป!”
ชินจังผู้มีความเท่ห์อยู่ในตัวสิบเต็มสิบ เขามองบอดี้การ์ดปราดหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าเดินเข้าไป
เส้นหมี่รู้สึกดีใจจนแทบตาย เธอมีโอกาสใกล้ชิดผู้ชายคนนี้เสียที ครั้งที่แล้วเจอกันที่โรงแรม ซึ่งเธอยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขาสักคำเลย
“ชินชิน……”
“ทำไมคุณน้าถึงถูกขังอยู่ในห้องนี้?ไม่ใช่จะรักษาอาการของแด๊ดดี๊หรอกหรือ?”
ชินจังเดินเข้าไป ยังคงทำหน้าเฉื่อยชา ใบหน้าเล็กที่เหมือนคิวคิวไม่มีผิดเพี้ยน ไม่มีรอยยิ้มเลยสักนิด พลางจ้องเส้นหมี่ด้วยใบหน้าราบเรียบ
ช่วงเวลานี้เส้นหมี่พลันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแทงตรงหัวใจกะทันหัน
อันนี้ก็ต้องโทษเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทิ้งให้อยู่กับผู้ชายคนนี้ ลูกชายคนนี้ก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้ แต่ลูกชายตรงหน้าจะต้องร่าเริงแจ่มใสเหมือนน้องชายของเขาแน่
เส้นหมี่ยื่นมือออกจากหน้าต่างด้วยอาการสั่นเทา เธออยากยื่นออกไปลูบจับตัวเขา
“ใช่ ฉันมารักษาให้แด๊ดดี๊ของผมไงครับ”
“รักษาโรคงั้นเหรอ?รักษาโรคแล้วทำไมต้องขังคุณน้าไว้ด้วย?เขาจะทำอะไรคุณน้า?”
ลูกคนนี้หลอกยากเหมือนคิวคิวไม่มีผิด เมื่อแค่มองผ่าน ๆ ก็เห็นประตูถูกล็อค เขาก็รู้ว่าไม่ใช่อย่างที่เส้นหมี่บอกแน่
เส้นหมี่ได้ยินก็รู้สึกอยากร้องไห้
“ไม่เป็นไร ชินชิน ไม่ต้องเป็นห่วงหม่า......น้าหรอก แด๊ดดี้ของผมไม่ทำอะไรน้าหรอก ใช่แล้ว ตอนนี้ดึกมากแล้ว ที่นี่ลมแรง อันตรายมากนะ ผมรีบกลับเข้าไปเถอะ”