CHAPTER 4 ไม่ยุ่งกับเขา..งั้นยุ่งกับพี่แทนได้ไหม
มาร์คตื่นขึ้นมาอีกวันด้วยอาการปวดหัวตุบๆ เพราะเมื่อคืนหลังจากเกิดเรื่องเขาก็เข้าไปดื่มกับเพื่อนต่อทั้งที่ปกติไม่ใช่คนชอบดื่มเลย ร่างสูงสะบัดศีรษะไล่ความมึน ผมเผ้ายังยุ่งเหยิงเพราะเพิ่งตื่นนอน เหลือบมองนาฬิกา เกือบเที่ยง! นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ตื่นสายขนาดนี้ มาร์คสลัดผ้าห่มที่คลุมตัวออก เปิดประตูออกมาก็ได้เห็นน้องสาวตัวเองแต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอกทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุด มาร์คขมวดคิ้วมุ่น เขาค่อนข้างเข้มงวดกับน้องสาวเพราะมีกันแค่สองคนพี่น้อง ตั้งแต่ที่แม่เสียชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปหลายอย่าง เขาต้องผลักตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อดูแลน้อง รับงานถ่ายแบบเพื่อหาเงินส่งตัวเองและน้องเรียน นั่นเป็นการเริ่มต้นเส้นทางอาชีพนายแบบของเขา แม้บางครั้งเพื่อนๆของเขาจะบอกว่าเขาเข้มงวดกับน้องเกินไปแต่มาร์คคิดว่าถ้าใครไม่เป็นเขาก็คงไม่เข้าใจการจะเลี้ยงดูน้องมาทั้งที่อายุยังน้อยมันไม่ง่ายเลย ตอนนี้เขาคิดว่าการที่เขายอมให้เธอมีแฟนก็ลดความเข้มงวดลงมากแล้วนะ
“หนูจะออกไปไหนคะ?” มาร์คถามคนเป็นน้องน้ำเสียงยังงัวเงียอย่างคนเพิ่งตื่น ปกติถ้ามิ้นจะออกไปไหนกับแฟนต้องบอกเขาล่วงหน้าก่อน นี่เป็นกฎที่เขาตั้งขึ้นแลกกับการยอมให้เธอมีแฟนได้ มาร์คจำได้ดีว่าวันนี้เธอไม่ได้มีนัดกับหมอนั่นนี่นา แต่ก็ยังตื่นแต่เช้าแต่งตัวเสียสวยเชียว
“ไปเยี่ยมรุ่นพี่ค่ะ รุ่นพี่เข้าโรงพยาบาล” เสียงหวานของคนเป็นน้องสาวหันมาตอบ นึกอิจฉาพี่ชายตัวเองที่แม้จะอยู่ในชุดนอนเรียบง่ายธรรมดาๆ กับผมเผ้ายุ่งเหยิงที่เพิ่งตื่นนอนก็ไม่ทำให้ความดูดีของเขาลดน้อยลงเลย
“รุ่นพี่คนไหน?” มาร์คขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเดินมานั่งลงที่โต๊ะกินข้าว
“รุ่นพี่ที่คณะของเค้า” พอตอบคนเป็นพี่แล้ว ก็อดลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่งไม่ได้ พี่ชายของเธอคนนี้ก็ดีทุกอย่างเสียอย่างเดียวเข้มขวดกับเธอเกินไป แต่ก็พอจะรู้ว่าพี่ชายทำแบบนั้นเพราะรักและเป็นห่วง เธอจึงพยายามอดทนกับนิสัยจู้จี้ของเขา
“ชื่ออะไรล่ะ?” ก็จะไม่ให้ถามได้ยังไง ปกติน้องสาวเขาเคยพูดถึงรุ่นพี่รุ่นน้องคนอื่นที่ไหน วันๆ พูดถึงแต่พี่เวลอย่างนั้นพี่เวลอย่างนี้
“พี่เพลง ตัวรู้จักเหรอ แต่จะรู้จักก็ไม่แปลกก็พี่เพลงสวยแล้วก็ฮอตมากๆ เลย หนุ่มๆ ที่ไหนก็ต้องรู้จักทั้งนั้นแหละ” เสียงหวานใสของคนเป็นน้องเอ่ยชื่นชมเมื่อพูดถึงรุ่นพี่คนสวยที่เธอชื่นชอบมาตลอด จนไม่ทันสังเกตท่าทีของพี่ชายที่แปลกไป
คิ้วของเขาเลิกสูงขึ้นเมื่อฉุกคิดขึ้นได้ เมื่อคืนก็ชื่อเพลง และเพลงคนนั้นยังเรียนคณะเดียวกับน้องสาวของเขาเสียด้วย
“แล้วไปกับใครล่ะ” มาร์คเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ถามเสียงเอื่อยเฉื่อยไม่ให้ดูเหมือนอยากรู้เรื่องนี้มากนัก
“เดี๋ยวพี่เวลมารับ” คนเป็นน้องตอบตามตรงอย่างไม่คิดอะไรมาก
เธอคบกับพี่เวลโดยไม่ต้องปิดบังเพราะพี่ชายรับรู้แล้วนี่นา พี่มาร์คเคยให้เธอสัญญาว่าห้ามมีความลับกับเขา หากจะมีแฟนก็ต้องอยู่ในสายตาเขา ตอนแรกมิ้นรู้สึกไม่ยินยอม รู้สึกว่าพี่ชายเพียงคนเดียวเข้มงวดกับเธอเกินไป จนถึงขั้นเคยทะเลาะกันเสียใหญ่โต แต่พอหายโมโหและคิดดีๆ ก็พอเข้าใจได้ว่าพี่ชายทำแบบนั้นเพราะเป็นห่วง และในตอนนี้เธอก็นึกดีใจที่เชื่อฟังเขา เพราะพี่ชายก็ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกลำบากใจมากเกินไปนักเมื่อต้องอยู่ตรงกลางระหว่างคนเป็นแฟนกับพี่
“เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง” คนเป็นพี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ตัวจะไปทำไม” มิ้นทำหน้ามุ่ย เสียงใสอดจะสะบัดนิดๆ ไม่ได้ ถึงเขาจะเป็นห่วงน้องขนาดไหน ปกติก็ไม่ถึงกับขนาดทำตัวตามติดไปไหนไปด้วยเสียหน่อย ยิ่งวันหยุดแบบนี้เขายิ่งควรจะนอนพักผ่อนให้มากหน่อยด้วยซ้ำ
“ก็พี่ว่างอยากไปส่งน้องตัวเองบ้างไม่ได้หรือไง”
มาร์คยังคงยืนยันจะไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเธอให้ได้ สุดท้ายมิ้นก็ต้องยอมตามใจคนเป็นพี่ชาย เพราะถ้าไม่ยอมตามใจเขาบ้างคงได้งอนกันไปอีกหลายวัน
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล มิ้นก็เดินตรงไปยังห้องพิเศษที่เธอได้โทรถามพี่พริ้งพี่รหัสเธอก่อนแล้วว่าพี่เพลงพักห้องไหน ร่างเล็กเดินควงแขนมากับร่างสูงของคนเป็นพี่ชาย เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องก็ได้ยินเสียงเจี๊้ยวจ๊าวพูดคุยกันอย่างสนุกสนานดังมาจากด้านใน มิ้นเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปที่ห้องพักผู้ป่วยเมื่อได้รับอนุญาต สาวน้อยทักทายสวัสดีรุ่นพี่ทุกคนอย่างมีมรรยาท เพลงเองก็มีสีหน้าสดใสขึ้นเมื่อเพื่อนๆ มาเยี่ยม แต่เมื่อเหลือบไปเห็นคนที่เดินตามหลังรุ่นน้องมาด้วย ดวงตาคมสวยก็ไหววูบอย่างตื่นตระหนกโชคดีที่ไม่มีใครทันสังเกต
คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงเกร็งจนแทบจะเป็นตะคริว เมื่อคนที่พาน้องมาเยี่ยมผละไปนั่งอยู่มุมห้องปล่อยให้สาวๆ คุยกัน ส่วนตัวเองกลับมองคนบนเตียงไม่ละสายตา พอเธอเผลอหันมามองสบตาเขาก็เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ไม่ยอมหลบ จนคนป่วยนั่นแหละต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาไปเอง เมื่อเผลอจ้องตาคมของเขานานๆ เข้า แก้มขาวซีดของเธอกลับกลายเป็นสีชมพูปลั่งเสียอย่างนั้น
เมื่อทุกคนเยี่ยมคนป่วยเสร็จก็ขอตัวกลับ เพลงหลับตาลงอย่างเหนื่อยใจเมื่อคนทั้งหมดออกไปเสียที การเผชิญหน้ากับเขาไม่ใช่เรื่องง่าย ก็เธอแอบรักแอบชอบเขามาหลายปี ตอนนี้ความรู้สึกทั้งผิดหวังทั้งโกรธมันปนเปกันไปหมดที่เขาตัดสินเธอไปเองโดยไม่สนใจฟังเธออธิบายเลยสักนิด แต่หลับตาลงได้เพียงแป๊บเดียวก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องอีกครั้ง เสียงฝีเท้าหนักๆ ก้าวเดินเข้ามาในห้องช้าๆ คนป่วยขมวดคิ้วมุ่นเพราะกำลังถูกรบกวนเวลาพักผ่อน แต่พอลืมตาขึ้นมองแล้วเห็นว่าเป็นใคร หัวใจที่ไม่รักดีของตัวเองก็เต้นแรงขึ้นมาอีกจนกลัวเขาจะได้ยิน
“เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง” คนเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงแล้วเปิดปากพูดกับคนป่วยก่อน
“ค่ะ” คนบนเตียงพยายามสงบสติอารมณ์เพราะไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน
“ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อคืน” นี่เป็นสิ่งที่มาร์คอยากจะพูดกับเธอจริงๆ ถึงยังไงเขาก็ไม่เคยคิดล่วงเกินผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็ช่างยั่วโมโหกันเก่งเหลือเกิน
พอได้มองสบกับดวงตาคมที่ฉายความจริงใจออกมาของเขา ส่วนลึกในจิตใจเพลงก็อดยินดีขึ้นมาไม่ได้ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้มองผู้ชายคนนี้ผิดไป เขายังอุตส่าห์มาขอโทษเธอด้วยตัวเอง คนบนเตียงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่เผลอยิ้มให้เขาเห็นว่าเธอสามารถให้อภัยเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปากอะไรเขาก็พูดต่อ
“แต่...เธอยังไม่รับปากเลยว่าจะเลิกยุ่งกับไอ้เวล” เรื่องที่เขาล่วงเกินเธอก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องนี้มาร์คคิดว่าเขาก็ต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่องเหมือนกัน ไอ้ผู้ชายคนนั้นไม่รู้มีอะไรดี ผู้หญิงถึงได้หลงนักหนาทั้งน้องสาวเขาและผู้หญิงตรงหน้านี่ก็ด้วย เพราะมัวแต่หมกมุ่นกับความคิดตัวเองเลยไม่ทันได้สังเกตเห็นแววตาผิดหวังของคนบนเตียง
เขาวนกลับมาพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ในสายตาเขาเธอคงเป็นผู้หญิงแย่ๆ ที่เที่ยวยุ่งกับแฟนของคนอื่น ทั้งที่ผู้ชายคนนั้นก็เป็นแฟนของรุ่นน้องในคณะที่ตัวเองก็รู้จักและสนิทสนมกันดี เพลงรู้สึกเหนื่อยใจที่จะปฏิเสธเพราะต่อให้พูดยังไงคนตรงหน้าก็คงจะเชื่ออย่างที่เขาอยากเชื่ออยู่ดี
“เพลงเลิกก็ได้ เพลงจะเลิกยุ่งกับพี่เวลถ้าพี่ยอมให้เพลงยุ่งกับพี่แทน” เพลงเลิกคิ้วนิดๆ เหมือนจะท้าทายเมื่อประสานกับสายตาฉายแววครุ่นคิดคู่นั้น อยากรู้ว่าเขาจะตอบยังไง เธอกลั้นใจพูดกับเขาโดยไม่ได้คาดหวังผลที่จะตามมา แค่ต้องการประชดเขาล้วนๆ ด้วยรู้ดีว่าคนอย่างเขาคงไม่ยอมพาตัวเองมาเกลือกกลั้วกับคนอย่างเธอหรอก ก็เขามองเธอเป็นผู้หญิงร้ายๆ ขนาดนั้น ไหนจะทำเพื่อนเขาเสียใจ ไหนจะยุ่งกับแฟนน้องเขา ในสายตาเขาเธอคงไม่มีอะไรดีเลย
แต่คำตอบที่ได้กลับผิดไปจากที่เธอคาดคิด
“นานแค่ไหน”
“หมายความว่าไง?” คนบนเตียงถามเขากลับอย่างมึนงง กับคำถามสั้นๆ ที่เขาถามมา นึกว่าเขาจะด่าเธอเสียๆ หายๆ ว่าเพ้อเจ้อแล้วเดินออกไปจากห้องเสียอีก
“นานแค่ไหนเธอถึงจะเบื่อ”
มาร์คถามแบบนี้เพราะเมื่อคืนได้ยินกิตติมศักดิ์ของเธอมาไม่น้อย เรื่องคบแล้วทิ้ง เธอเป็นคนขี้เบื่อ พอใครคิดจริงจังด้วยก็สลัดทิ้งไปง่ายๆ บางทีเหตุผลที่เธอตอแยเขาอาจเพราะเขาไม่เล่นด้วย ในทางกลับกันถ้าเขายอมให้เธอ บางทีเจ้าตัวอาจจะเบื่อแล้วหายไปเอง ดีเสียอีกเขาจะได้เฝ้ามองเธอไว้ไม่ให้ไปตอแยแฟนน้องสาวด้วย ก็น่าจะคุ้ม