ตอนที่ 2
อีกสองวันต่อมา
“ริว... เอ็งเป็นอะไรลูก... ริว”
ภายในห้องสี่หลี่ยมแคบๆ บนฟูกเก่าๆ ที่สองแม่ลูกอาศัยนอนมาปีกว่า รำเพยตกใจ เมื่อเอื้อมมือมากอดลูกชายแล้วพบว่าเนื้อตัวของน้องริวร้อนรุ่มเหมือนไฟรุม
“เอ็งเป็นอะไร... ริวลูกแม่”
รำเพยเขย่าแขนน้อยๆ น้องริวยังคงหลับงัวเงีย ตัวร้อนรุมเพราะพิษไข้ ทำให้ร้องอืออาไม่รู้ตัว
“ตัวร้อนจี๋เลยลูก”
มือเรียวเอื้อมแตะหน้าผากลูกน้อย ก่อนจะก้าวลงมาจากเตียง เปิดประตูแล้วรีบเดินออกมาจากห้องเช่า
ถนนภายนอกชื้นไปด้วยคราบน้ำฝน สะท้อนพราวกับแสงไฟที่สาดลงมาจากเสาไฟต้นสูง จมูกของรำเพยได้กลิ่นไอฝนที่ตกหนักลงมาตั้งแต่ตอนหัวค่ำ เพิ่งหยุดลงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า
แม่ลูกอ่อนเหลียวมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาสิ้นหวัง เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีสอง ร้านค้าในซอยเล็กๆ ปิดเงียบหมดแล้ว เบื้องหน้านี้เหมือนถนนร้าง จะมีก็แต่แสงไฟที่สาดลอดออกมาจากร้านขายยาของเถ้าแก่เจียง
โชคดีจังที่ร้านยายังไม่ปิด รำเพยคิดในใจ อารามดีใจทำให้หล่อนรีบก้าวยาวๆ ตรงไปยังร้านขายยาโดยไม่รอรี
เสียงหลังมือกระทบแผงประตูเหล็กดังเป็นจังหวะ ชายร่างท้วมที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ในร้าน เปิดช่องเล็กๆ ตรงมุมประตู มองออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ เมื่อเห็นรำเพยยืนอยู่หน้าร้าน
“อั้วนึกว่าใคร... ที่แท้ก็ลื้อคนสวยนี่เอง มีอะไรรึคนสวย?”
เถ้าแก่เจียงยิ้มหวาน เอ่ยถามเป็นภาษาไทยสำเนียงจีน ที่จดจำใบหน้าสะสวยนี้ได้ ก็เพราะว่าเคยเห็นรำเพยเดินผ่านหน้าร้านขายยาบ่อยๆ เถ้าแก่เจียงแอบมองรำเพยบ่อยๆ โดยที่หล่อนไม่รู้ตัว
“ลูกชายฉันจ้ะ... ลูกฉัน”
รำเพยหมายถึงน้องริวที่ตอนนี้นอนตัวร้อนเพราะฤทธิ์ไข้อยู่ในห้องเช่า
“ลูกเอ็งเป็นอะไร... ป่วยรึ?”
เจ้าของร้านถาม
“น้องริวตัวร้อนจี๋เลยจ้ะ... เหมือนเป็นไข้”
รำเพยรีบบอก
“ถ้างั้นคงต้องฉีดยาลดไข้”
เถ้าแก่แนะ
“หมายถึงจะให้ฉันพาลูกไปหาหมอตอนนี้น่ะหรือจ๊ะเถ้าแก่”
รำเพยตกใจ เพราะว่าดึกป่านนี้คลีนิคใกล้ๆ ไม่มีแน่ๆ ถ้าเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็คงต้องเป็นโรงพยาบาล แต่ก็ติดปัญหาใหญ่คือหล่อนไม่มีเงิน
“ไม่ต้องไปหาหมอ... เรื่องด่วนแบบนี้เดี๋ยวอั้วฉีดยาให้เอง งั้นลื้อรีบกลับไปเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ลูกไปพลางๆ ก่อน เดี๋ยวอั้วตามไป”
แม้ว่าจะไม่ใช่หมอ แต่ด้วยประสบการณ์คลุกคลีอยู่กับยาและการฉีดยาซึ่งทำได้ง่ายๆ เถ้าแก่เจียงก็เคยทำบ่อยๆ เพราะอยู่กับร้านขายยามาค่อนชีวิต
“ขอบใจจ้ะเถ้าแก่”
รำเพยยกมือไหว้ รีบกลับมาที่ห้องเช่าด้วยความเป็นห่วงน้องริวผู้เป็นลูกชาย
ครู่สั้นๆ ต่อมา เถ้าแก่เจียงก็ตามมาถึงห้องเช่าของรำเพย ช่วยจัดการฉีดยาจนอาการไข้ของลูกชายหล่อนทุเลาลงในเวลาอันรวดเร็ว ไม่นานไข้ก็ลด นอนหลับลงด้วยความไร้เดียงสา
“ขอบใจเถ้าแก่มากนะจ๊ะ... ที่ช่วยฉีดยาให้ลูกฉัน”
รำเพยยกมือไหว้
“เรื่องเล็กน้อย”
เถ้าแก่ตอบยิ้มๆ อันที่จริงเขาอยากฉีดยาให้หล่อนด้วยเช่นกัน แต่ต้องใช้เข็มดุ้นใหญ่ที่กำลังพองขยายคับแน่นอยู่ในกางเกงขาก๊วยของตัวเอง
“เดี๋ยวตอนเช้าเอ็งค่อยพาลูกไปหาหมอ ถ้าอาการไม่ดีขึ้น”
เถ้าแก่แนะนำด้วยความหวังดี และคำว่า ‘ไปหาหมอ’ ก็ทำให้สีหน้าของรำเพยมีความกังวลผุดขึ้นมาทันที
“ช่วงนี้ฉันไม่มีเงินเลยจ้ะ... อย่าว่าแต่หาหมอ แค่ค่ายาของเถ้าแก่ฉันก็ยังไม่มีเงินจ่าย”
รำเพยบอกตามตรง ในช่วงเวลาที่รู้สึกว่าชีวิตกำลังตกต่ำย่ำแย่เหลือเกิน
“ก็ไม่เป็นไรนี่นา... รอให้เช้าเสียก่อน ถ้าอาการของลูกชายลื้อไม่ดีขึ้นเดี๋ยวอั้วเป็นธุระจัดการพาไปหาหมอให้เอง”
เถ้าแก่เจียงรีบแสดงน้ำใจเอื้อเฟื้อจนรำเพยรู้สึกประหลาดใจ
แม้สุ้มเสียงนั้นเต็มไปด้วยความกรุณาปราณีอย่างผู้ใหญ่ใจดี แต่แววตาที่จับจ้องมองสองเต้าอวบคัดของแม่ลูกอ่อนอย่างมีนัยสำคัญ ก็ทำให้รำเพยนึกกลัวใจผู้ชายคนนี้
“ขอบคุณเหลือเกินจ้ะเถ้าแก่ ที่ช่วยลูกชายฉัน”
รำเพยยกมือไหว้อีกครั้ง
“ถ้าอยากขอบคุณ... งั้นลื้อจะตอบแทนอั้วบ้างได้ไหมล่ะคนสวย”
แววหื่นในดวงตาของเถ้าแก่ วาววาบขึ้นด้วยความปรารถนาในเรือนกายเอิบอิ่มของแม่ลูกอ่อน
“เอ่อ... ”
แววตาที่ฉายแววหวามออกมา ทำให้รำเพยรู้ว่ามันหมายถึงอะไร? นี่คือสิ่งที่หล่อนนึกกลัวตั้งแต่แรก