๖ สายตาคู่นั้น
๖
สายตาคู่นั้น
ภวินท์มาสอนพิเศษภีรดาในตอนเช้าของวันเสาร์ตามปกติ ด้วยความเบื่อหน่ายแต่จำใจต้องทำเขาพยามทำให้มันผ่านๆ ไปให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องเจอหน้าคุณหนูไฮโซที่เรารู้สึกไม่ถูกชะตาเลย
“ไหมเรียนด้วยกันไหม” ภีรดาชวน
“ไม่ดีกว่า ไหมขอไปอ่านหนังสือรอข้างนอกแล้วกัน” วราลีเลือกที่จะอ่านหนังสือเองแทนเพราะอยากให้เพื่อนได้เรียนอย่างเต็มที่คนสอนจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
“กลับพร้อมพี่เลยนะไหม” ภวินท์หันไปกำชับ
“ค่ะพี่ไก่ เรียนให้สนุกนะพิม” วราลีรับคำผู้เป็นผู้ชายแล้วหันไปยิ้มให้เพื่อนรักก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปข้างนอก
ภีรดารู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูกเมื่อต้องอยู่กับภวินท์ตามลำพัง เหตุการณ์น่าอับอายระหว่างเธอกับเขาแม้มันจะผ่านไปได้อาทิตย์หนึ่งแล้วแต่เธอกลับรู้สึกว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
“พร้อมเรียนหรือยัง” เสียงของภวินท์ปลุกให้ภีรดาตื่นจากภวังค์ น้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของเขาทำเอาหัวใจที่กำลังพองโตของภีรดาหุบลงไปทันที
“ก็สอนสิ” เธอพูดกับเขาห้วนๆ เช่นกัน
ภวินท์ไม่คิดจะเถียงกับเธอเขาสอนเธอต่อ ในขณะที่ภีรดาก็เรียกสมาธิของตัวเองให้กลับมาอยู่กับการเรียนมากขึ้น
วราลีเดินเลี่ยงออกมาหามุมอ่านหนังสือข้างนอก เธอเดินไปที่โต๊ะริมสระน้ำ เพราะอากาศเย็นสบายมีลมพัดมาเอื่อยๆ หญิงสาวนั่งอ่านหนังสืออย่างตั้งใจจนไม่รู้ว่าตอนนี้ที่สระน้ำนี้ไม่ได้มีแค่เธออยู่ตามลำพังแล้ว
“อ่านหนังสือเหรอ” เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งที่ทักขึ้นทำเอาเธอสะดุ้งตกใจและเมื่อได้สติอีกครั้งเจ้าของเสียงก็ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
“แล้วคิดว่าไหมทำอะไรล่ะคะ” เธอตอบพร้อมกับก้มหน้าอ่านหนังสือต่อราวกับไม่สนใจการมาของเขา
“อ้อ” เขาแทบจุกเมื่อโดนวราลีย้อนแบบไม่คิดจะญาติดีด้วย
แล้ววราลีก็แทบจะกรี๊ดอย่างเมื่อภีรวัจน์ถอดเสื้อคลุมต่อหน้าเธอหน้าตาเฉยโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ภาพที่เธอเห็นตอนนี้ทั้งนี้ทั้งตัวของเขามีเพียงกางเกงว่ายน้ำอยู่แค่ตัวเดียว หญิงสาวรีบปิดตาแล้วหันไปทางอื่น
“ไหม” เขาเดินเข้ามาใกล้อย่างจงใจ
“อย่าเข้ามานะ” เธอโวยวายพร้อมกับเก็บหนังสือมือสั่น
“กลัวอะไรผมนักหนา”
“คนบ้า คนลามก” เธอโวยวายใส่เขาอย่างกลัวระคนตกใจ
“มีแต่ผู้หญิงเห็นผมแล้วจะวิ่งเข้าใส่” เขาก้มลงมาพูดใกล้ๆ
“ถอยไปนะ”
“ทำไมผมต้องเชื่อไหมด้วย”
“พี่เคนบ้า” มือเรียวบางลนลานเก็บหนังสือแล้วรีบลุกขึ้นก่อนจะแทบวิ่งเพื่อหนีไปให้พ้นจากสถานการณ์ที่น่าอับอายนั่นให้ไวๆ ที่สุด
พัชราวดีมาหาภีรวัจน์ที่บ้านในตอนสายๆ เพราะรู้ข่าวจากเพื่อนว่าเขาไม่ได้ไปต่างจังหวัดเหมือนที่บอกกับเธอเอาไว้
“ไหนว่าจะไปต่างจังหวัดไงคะ” เธอถามเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง
“พอดีเป็นห่วงพิมครับ” เขาตอบไปตามตรง แต่ลึกๆ แล้วจะมีใครรู้ว่าเขาตั้งใจที่จะไม่ไปแต่แรกอยู่แล้วเพราะรู้ว่ายัยเชยจะมาค้างที่บ้านเขา
“แพทมีอะไรครับมาหาผมถึงที่นี่”
“คิดถึงสิคะ” เธอบอกพร้อมกับหอมแก้มเขา
วราลีมองดูภาพนั้นอย่างไม่ชอบใจ คนบ้านั่นทำอะไรต่อหน้าเธออีกแล้ว เธอเบือนหน้าหนีให้พ้นจากภาพดังกล่าวแต่ดูเหมือนภาพที่เขากับแฟนสาวกำลังคลอเคลียกันมันจะตามรบกวนจิตใจเธอจนเธอไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย
ภีรวัจน์แอบมองมาทางวราลีบ่อยครั้ง ยิ่งยัยนั่นทำเป็นไม่สนใจเขายิ่งร้อนรนและทำสวีทกับพัชราวดีมากขึ้นราวกับจะเรียกร้องให้เธอหันมาสนใจ
พัชราวดีสังเกตได้ถึงอาการผิดปกติของเขา ถึงแม้ว่าภีรวัจน์จะพยายามซ่อนมันเอาไว้แค่ไหนก็ตามแต่เธอก็ดูออก ว่าเขากำลังให้ความสนใจกับวราลีมากกว่าปกติ
ภีรวัจน์เดินไปส่งพัชราวดีที่รถในตอนบ่ายในขณะที่วราลียังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม เมื่อรถของพัชราวดีขับพ้นบริเวณบ้านไปแล้ว เขาเดินย้อนกลับมาตรงที่วราลีนั่งอยู่ เธอเตรียมเก็บหนังสือทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามา
“รีบหลบเลยสิ”
“หาเรื่อง”
“ถ้าเป็นนายภวินท์คงไม่ทำแบบนี้” เขาเริ่มอารมณ์ไม่ดี
“พี่ไก่ไม่เหมือนพี่เคนนี่”
“ใครจะไปดีเหมือนแฟนไหมล่ะ” เขาประชด
“ถ้าหมายถึงพี่ไก่ล่ะก็ใช่ พี่ไก่ดีกับไหมเสมอนั่นแหละค่ะ”
เขายิ่งหงุดหงิดมากขึ้นที่เธอไม่คิดจะปฏิเสธข้อกล่าวหาของเขา
“ไวไฟ” เขาว่าเธออย่างไม่เกรงใจ
“ปากร้าย”
“ยัยเด็กแสบ”
“คนพาลชอบหาเรื่องชาวบ้าน”
“ปากเก่งขึ้นเยอะเลยนะไหม”
“ไหมแค่พูดเรื่องจริง พี่เคนชอบหาเรื่อง” เธอพูดใส่หน้าเขา
“ไม่ได้คิดจะหาเรื่อง แต่ไหมชอบทำให้ผมหงุดหงิด”
“ไหมไปทำอะไรให้”
“ทำสิ” เขาตอบอย่างไม่ลังเล
“เมื่อไหร่”
“ตลอดเวลาเลยล่ะยัยเชย”
“หงุดหงิดเหรอคะ ไหมก็นั่งของไหมอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปขัดคออะไรพี่กับพี่แพทสักนิดนี่คะ”
“แต่สายตาของไหมทำให้ผมหมดอารมณ์”
“ไหม” เสียงเรียกของภวินท์ที่ดังขึ้น ทำให้วราลีดีใจที่เขามาช่วยเธอให้พ้นจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนี้ไว้ได้ ในขณะที่ภีรวัจน์กลับหน้าตึงลง
“พี่ไก่”
เสียงเรียกพี่ไก่แบบสนิทสนมของวราลียิ่งทำให้ภีรวัจน์หงุดหงิด
ภีรดาเดินมาพร้อมกับภวินท์ เธอเดินเข้าไปเกาะแขนพี่ชายไว้
“กำลังคุยอะไรกับไหมอยู่คะพี่ชาย” หันไปถามภีรวัจน์แต่ดูจากสีหน้าของทั้งคู่แล้วคงไม่ได้คุยกันดีๆ อยู่แน่ๆ แต่ภีรวัจน์ไม่ยอมตอบ
“ไหมกลับก่อนนะพิม”วราลีหันไปบอกภีรดาพร้อมกับเลยไปมองภีรวัจน์ แต่หน้าเขายังคงบึ้งตึง
“เดี๋ยวผมไปส่ง” อยู่ๆ ภีรวัจน์ก็พูดขึ้น
“ไม่เป็นไรครับเรากลับกันเองได้” ภวินท์หันไปบอกเรียบๆ
ภีรดาแอบมองค้อนคนหยิ่งนั่น จะหยิ่งอะไรนักหนาก็ไม่รู้ แล้วกับเธอก็ยังทำหน้าเย็นชาใส่ไม่เลิก
“แต่ไหมมาอยู่เป็นเพื่อนพิม ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ผมที่ต้องไปส่ง” ภีรวัจน์ไม่ยอม
“ผมคงไม่รบกวน” ภวินท์ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“ช่างเขาเถอะค่ะพี่เคน เขาคงดูแลไหมได้” ภีรดาเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง
ภวินท์หันมามองภีรดาและรู้สึกถึงน้ำเสียงที่แฝงการประชดประชันปนน้อยใจของเธอ เขากลับรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ ที่รู้สึกว่าน้ำเสียงแบบนั้นของภีรดาเข้ามากระแทกหัวใจของเขา