5.นางจิ้งจอกเข้าครัว 2
ม่านอวี้อันจะไม่ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับลูกชายเธอเด็ดขาด เมื่อตั้งมั่นจะเช่นนั้น ภายในห้องครัวจึงมีงานล้นมือ!
ทว่าเมื่อลงมือเข้าครัวกันจริงจัง เซียงเจียวกลับเป็นเด็กที่มีแต่ความน่ารัก เขาพูดเก่ง ขี้อ้อน และสิ่งที่ทำให้ม่านอวี้อันผิดคาดคือ เขาค่อนข้างขี้เกียจ นิสัยแบบนี้หากไม่คอยสอนหรือควบคุมให้ดี โตไปเขาต้องเป็นหนุ่มหล่อที่แผลงฤทธิ์ให้คนเอือมระอาแน่ ๆ ส่วนผิงกั่วของเธอ ไม่ว่าจะบอกให้ปอกกล้วย ร่อนแป้ง หรือนั่งรอนิ่ง ๆ เขาก็ไม่ส่งเสียงบ่น และยังทำงานของตนได้ดีอย่างที่ผู้ใหญ่แบบเยว่จือเทียบไม่ติด
“คนเก่งของแม่”
เธอชมผิงกั่ว และเขาก็ยิ้มเขินอายตอบ ลูกชายคนโตช่างเป็นสุภาพบุรุษแสนน่ารัก พอได้ยินแม่ชมพี่ชาย เซียงเจียวจึงหน้าง้ำหน้างอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงประท้วง
“เอ ผิงเกอรู้ไหม เวลาเข้าครัวถ้าทำหบ้าบูดบึ้ง วันนั้นจะกินข้าวไม่อร่อย และยังท้องเสียด้วย” ม่านอวี้อันเอ่ย แน่นอนว่าผิงกั่วเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เขาเลยพยายามยิ้มกว้าง แต่ภาพที่เห็นดูเหมือนอยากร้องไห้มากกว่า
“ผะ ผิงยิ้มเป็น” ผิงกั่วเอ่ย ท่าทางเขาประหม่ามิน้อย
“ใช่ลูกรัก แม่เห็นแล้ว” ม่านอวี้อันหัวเราะ เยว่จือที่ใช้ไข่ไก่ต้มประคบรอยช้ำที่แก้มพยักหน้าเห็นด้วย ส่วนคนที่หน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่ก่อนหน้านี้ก็ยิงฟันให้ม่านอวี้อัน ก่อนทำเสียงหึ ๆ ๆ เลียนแบบตัวร้ายในทีวี ซึ่งเป็นนักมวยปล้ำที่เขาชอบมาก
เซียงเจียวร้ายได้ใครนะ ม่านอวี้อันพยายามนึก ก่อนจะโทษไปถึงคนเป็นบิดาของเด็กชาย แจ็คสัน หยวน บุรุษผู้นี้ช่างดูลึกลับ และแน่นอนว่าตอนนี้ในหัวสมองเธอไม่มีภาพของเขาหลงเหลืออยู่ ดูเหมือนเจ้าของร่างจะไม่ใช่แค่ชิงชัง ทว่าคงจะเจ็บปวดกับผู้ชายอย่างเขามาก
“ตายไปซะได้ก็ดี!” ม่านอวี้อันหลุดคำพูดนั้นออกมา ทำให้ทุกคนหยุดมองเธออย่างสงสัย หญิงสาวเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เจียวเกอ ไม่อยากกินอาหารอร่อยฝีมือแม่เหรอ อันนี้เขาเรียกว่าไข่ข้นลาวาแสนนุ่ม แม่ผัดด้วยเนย ใส่เกลือนิดหน่อย มีพริกไทยขาวและต้นหอมซอยโรย แล้วยังมีมันฝรั่งบดที่กินแล้วเจียวเกอต้องชอบแน่ ๆ และแม่ยังแบ่งมันฝรั่งส่วนหนึ่งไปเฟรนช์ฟรายส์ทอดกินแบบร้อน ๆ เลย ลูกรู้ไหมว่าเวลาจิ้มกินกับซอสมะเขือเทศ มันจะเด็ดสะระตี่จนต้องเลียนิ้วมือ”
เซียงเจียวฟังแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม เขาชอบที่แม่เล่า และอยากจะกินมันไว ๆ “น้องจะช่วยแม่ทำครัว”
ในที่สุดลูกชายคนเล็กก็ยอมร่วมมือ พร้อมสลัดความขี้เกียจทิ้งไป
เมื่อทำไข่ข้นและมันฝรั่งบดเสร็จ ก็เกิดเสียงดังล้งเล้งที่ด้านหน้าบ้านในส่วนที่ทำเป็นร้านอาหาร
“ใครมาตะโกนหน้าบ้านเสี่ยวจือ”
เยว่จือซึ่งคุ้นเคยเสียงนั้นดีหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ก่อนเอ่ยว่า
“เดี๋ยวหนูไปดูค่ะ มาดาม”
แต่ม่านอวี้อันไม่ปล่อยให้เด็กสาวไปคนเดียว เธอปิดเตาแก๊ส เช็กเตาอบซึ่งตอนนั้นเค้กกล้วยหอมเสร็จเรียบร้อยพอดี จึงยกออกจากเตานำมาพักบนตะแกรงสแตนเลสข้างนอก
เค้กกล้วยหอมนอกจากหน้าตาดีแล้ว กลิ่นยังลอยฟุ้งอบอวลชวนให้น้ำลายไหล เรียกได้ว่า ทั้งสองแฝด และเยว่จือ ต่างทำตาโต อยากกินจนเธอต้องทำเสียงดุ
“มันยังร้อนอยู่ อีกอย่างนี่คือของดีที่เราจะใช้ล่อเหยื่อ เรียกอาหารอื่น ๆ มาที่บ้านหลังนี้!”
จากนั้นม่านอวี้อันก็สั่งให้ผิงกั่วพาเซียงเจียวไปรอที่ห้องนั่งเล่นซึ่งติดกับห้องนอนพวกเขา พร้อมกำชับว่าหากเธอไม่เรียก เด็ก ๆ ทั้งสองคนห้ามออกมาจากที่นั่นเด็ดขาด
ประตูเหล็กเลื่อนเปิดออกทำให้เกิดเสียงดังน่ารำคาญพอ ๆ กับเสียงโวยวายจากด้านนอก ภาพแรกที่ม่านอวี้อันเห็นคือ สตรีวัยกลางคน อายุคงราว ๆ ห้าสิบกว่าปี
ยามนั้นเยว่จือเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก เธอพยายามออกมายืนอยู่ข้างหน้าม่านอวี้อัน แต่ก็มีอาการกล้า ๆ กลัว ๆ จนน่าสงสาร
“ป้าลี่ มีเรื่องอะไรหรือจ๊ะ” เมื่อเยว่จือคลำหาเสียงตัวเองพบก็ถามไถ่อีกฝ่าย
“หน็อย นังเด็กเหลือขอ ยังกล้าเรียกฉันว่าป้าอีกเหรอ แล้วคุณนายอันของแกก็เหมือนกัน มุดหัวอยู่ในบ้านสี่ห้าวัน แหม แกล้งทำเป็นสำออย อยากให้ลูกชายฉันวิ่งเต้นตามหมอให้สินะ มารยาชั้นต่ำอย่างกับละครรักดอกไม้โรยที่ฉายช่วงกลางวัน พวกเธอทั้งนายทั้งบ่าวมีดีตรงไหนหา ถึงกล้าคิดอยากให้คนอื่นเขาดูแล”
ลี่ฮุ่ยสาดคำพูดร้ายกาจราวกับปากของเธอมีของเน่าและหนอนตัวเป้ง ๆ อยู่ในนั้นจนม่านอวี้อันเกือบเหลืออด เธอกำหมัดแน่น พยายามข่มใจที่เดือดเอาไว้ อย่างไรเธอก็ต้องฉลาดให้มาก ด้วยจำเป็นต้องรู้ว่าที่ผ่านมาเยว่จือกับนายของเธอรับมือกับคนที่มาหาเรื่องอย่างไร
“พูดอะไรเกรงใจกันบ้างนะป้าลี่ อีกอย่างเป็นเพราะเฮียข่ายเขามีจิตใจดี ชอบแบ่งปันหนูกับคุณผู้หญิง เอ่อ มาดามอันต่างหาก”
ขณะเดียวกันลี่ฮุ่ยก็นึกว่าตนเองหูฝาด นอกจากเยว่จือจะกล้าต่อปากต่อคำกับตนราวกับมีใครหนุนหลัง เด็กสาวยังเรียกม่านอวี้อันว่า ‘มาดาม’ ผับผ่า นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“นี่คงป่วยหนักทั้งนายและขี้ข้าสินะ ถึงพูดจาพิลึกหูอย่างนี้” ลี่ฮุ่ยยังไม่หยุดล้งเล้งเสียงดัง ก่อนกวาดตามองหน้าของเยว่จือ
“แล้วนั่น หน้าแกไปโดนอะไรมาฮึ” ลี่ฮุ่ยจ้องใบหน้าแดงช้ำที่ตอนนี้เริ่มเขียวขึ้นของเยว่จือ ซึ่งอันที่จริง ช่วงที่ทำงานในครัว ม่านอวี้อันก็ให้เด็กสาวประคบไข่ต้มแล้ว
“หูหนวกรึ ป้าถามว่าหน้าแกไปโดนใครตบมา!”
ม่านอวี้อันทนฟังคนพูดจาไม่เข้าหูนานเกินไปแล้ว เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเรียบ ๆ ว่า
“เอ่อ... ป้าลี่ ฉันไม่ค่อยสบาย ตอนนี้ลูกรอกินข้าวอยู่ หากไม่มีธุระอะไร ฉันขอตัวก่อน”
“ต๊าย คุณนายอัน เปิดปากพูดเป็นแล้วรึ ป้านึกว่าที่ผ่านมาเธอกลัวทองจะร่วงจากปากเสียอีก เห็นกันมาสามสี่ปี นี่คงเป็นครั้งแรกกระมังที่ส่งเสียงตอบโต้ป้าเกินห้าคำ!”
ลี่ฮุ่ยเล่นใหญ่เล่นโต เธอคงไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือผู้หญิงเลือดร้อนและพร้อมบวกแบบจัดหนัก
“แล้วป้าลี่ล่ะ ยืนตะโกนป่าว ๆ อย่างนี้ ทำเหมือนฉันกับเย่วจือไปสร้างความเดือดร้อนให้”
“โอ๊ย เดือดร้อนสิ นี่ถ้าลูกชายป้าอยู่บ้าน คงวิ่งเต้นหาหมอมารักษาเธอแล้ว และไหนจะของกินของใช้อีก คอยแอบเอามาให้กันยามกลางค่ำกลางคืน เธอน่ะหัดเจียมตัวเสียบ้าง ลูกก็มีแล้ว หากไม่อายคนอื่นก็เห็นแก่ผมหงอกบนหัวฉันสักหน่อยเถอะ วัน ๆ คิดแต่จะให้ท่าทอดสะพานให้ลูกชายฉันอยู่ตลอด เห็นแล้วขัดหูขัดตาจริง ๆ”
ในที่สุดม่านอวี้อันก็รับรู้ความในใจของลี่ฮุ่ย อีกฝ่ายคงเป็นนางสิงห์หวงลูกชาย และ ‘อาข่าย’ หรือเจิ้งข่ายคงมีใจให้เจ้าของร่างนี้ไม่น้อย
“เรื่องหัวใจห้ามกันไม่ได้นะป้าลี่ ใครจะรักจะชอบกัน หรือแม้แต่เกลียดชัง ก็คงต้องปล่อยกันไป แล้วถ้ามีเรื่องอยากระบายแค่นี้ ฉันไม่ว่างรับฟัง!” ม่านอวี้อันเอ่ยจบ ก็ดึงแขนเยว่จือที่ยังยืนเซ่ออยู่ตรงนั้นให้เข้าบ้าน แต่เป็นลี่ฮุ่ยที่เอ่ยขัดเสียก่อน
“ฮึ ป้าจะบอกอะไรให้ ตอนนี้อาข่าย เขาไม่อยู่ร้านหรอก แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็กลัวผิงเกอกับเจียวเกอจะถูกเธอตบตี หรือไม่คงเอาไปขายให้แก๊งมังกรซิ่ง จึงขอร้องให้ฉันมาสอดส่องอยู่บ่อย ๆ”