บทที่ 2 เข้าเฝ้าในวัง
บทที่ 2 เข้าเฝ้าในวัง
อันหลิงหยุนค่อยๆลืมตาขึ้นมา มองดูคนที่อยู่ข้างหน้า
ดูไม่เหมือนแม่ทัพทั่วไป ร่างกายอันดูดีของอันจือซาน มือไม้ล่ำยาว หน้าตาหล่อเหลา ถึงแม้อายุจะเลยครึ่งชีวิตไปแล้ว แต่คิ้วเข็มมีเสน่ห์เหมือนมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ สีหน้าที่แสดงถึงความหวังใยอันหลิงหยุน ก็เหมือนพ่อแม่ที่เป็นหวังลูกทั่วๆไป
อันหลิงหยุนไม่คิดไม่ได้ พ่อของร่างเดิม นอกจากที่ชอบร้องไห้ อย่างอื่นไม่มีที่ติเลย ทั้งฉลาดทั้งรบเก่ง เป็นวีรบุรุษของทุกคน เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ โชคดีของร่างนี้ ไม่มีใครเหมือน
พ่อแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้น มีพ่อที่ชอบร้องไห้โวยวายแบบนี้ ลูกก็คงไม่ต่างกัน อันหลิงหยุนก็เข้าใจอะไรจุดนี้ ที่ร่างนี้มีภาพพจน์ที่แย่ขนาดนี้ คงเป็นเพราะมีพ่อที่ตามใจเกินไป
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด อันหลิงหยุนนึกถึงความรักที่อันจือซานมีให้ หัวใจก็เริ่มใจอ่อน
เป็นถึงแม่ทัพ ก็ต้องน่าเกรงขาม บวกกับต้องสู้รบฆ่าฟันทุกวัน คงไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนนาง สิ่งที่จะทดแทนนางได้ ก็คงเป็นการตามใจทุกอย่าง นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้นางเสียชื่อเสียง
ในหัวของอันหลิงหยุนได้ยินเสียงมึนงง เพราะเสียงร้องไห้ของอันจือซาน นางก็ได้แตะอันจือซาน “ท่านพ่อ ลูกไม่เป็นไร ลูกแค่กลับมาถามดู ”
แม่ทัพอันตะลึง “ถามอะไร”
น้ำตาของแม่ทัพอันแห้งไปทันที อันหลิงหยุนเกือบหัวเราะออกมา พ่อคนนี้ดีไม่เบา อยากได้อะไรก็ให้หมด แค่นางเอ่ยคำเดียวเขาก็หยุดร้อง พ่อแบบนี้ ในศตวรรษที่ 21 มีน้อยมาก
อันหลินหยุนแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “อ๋องเสียนได้ปลดตำแหน่งพระชายาของลูกไปแล้ว เลื่อนลูกให้ไปเป็น เมียทาส ท่านพ่อเมียทาสคืออะไร”
“อะไร”
แม่ทัพอันโกรธจนตาลุกเป็นไฟ “ดีนักรึอ๋องเสียน ข้าทำดีกับเจ้าแค่ไหน เจ้าถึงตอบแทนข้าเยี่ยงนี้ ข้าจะเข้าเฝ้า”
“ท่านพ่อ รอก่อน “ อันหลิงหยุนรั้งท่านแม่ทัพไว้
ความโหดร้ายของกงชิงวี่ นางได้ผ่านมากับตัว แต่พ่อที่ไม่ค่อยทันคนคนนี้ดูท่าจะไม่ค่อยฉลาด ไม่ต้องหัวร้อนรีบไปแข็งชนแข็ง สุดท้ายคนที่เสียเปรียบคือตัวเราเอง
แม่ทัพอันนึกว่าอันหลิงหยุนยังลุ่มหลงกงชิงวี่เหมือนเมื่อก่อน ยังปกป้องสามีตัวเอง รีบโกหกลูกสาวไปว่า “ลูกข้าวางใจได้ พ่อแค่ไปพูด มิให้ฮ่องเต้ตัดหัวมัน”
“ท่านพ่อ ลูกไม่ได้หมายความแบบนั้น ในวันนี้ที่ลูกเป็นแบบนี้ ก็คงเป็นขี้ปากคนอื่นเขา ถึงแม่จะโดนอ๋องเสียนรังเกียจ เรายกเลิกงานแต่งก่อนไม่ดีกว่าเหรอ อย่างนี้ก็ยังรักษาศักดิ์ศรีของลูกกลับมาได้” อันหลิงหยุนจงใจแสดงความอ่อนแอ พูดด้วยความน่าสมเพช และมีน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อย
แม่ทัพอันรู้สึกปวดหัวใจ ปกติลูกสาวเป็นคนเอาแต่ใจ ลูกสาวที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน เพื่อชายคนเดียวเป็นถึงขนาดนี้
รีบตอบกลับอย่างเร็ว “พ่อจะไปทูลฮ่องเต้เดี๋ยวนี้ ให้ท่านยกเลิกงานแต่ง คนที่สมควรโดนมีดฟัน หลังจากยกเลิกงานแต่งแล้ว พ่อก็จะสับมันเป็นชิ้นๆ ให้มันเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต
แม่ทัพอันโกรธมาก กล้าบีบบังคับลูกสาวได้ขนาดนี้
“ท่านพ่อ ลูกเข้าใจแล้ว แตงที่ไม่หวานเราไปปรับยังไงก็ไม่หวาน ตอนนี้ลูกแค่ต้องการกลับมาอยู่กับท่านพ่อ เรื่องงานแต่งตอนนี้ยังไม่อยากพูดถึง ฮ่องเต้พึ่งมีราชโองการเรื่องงานแต่งให้ลูก แล้วจะรีบยกเลิกงานแต่งมันน่าจะไม่สมควรเท่าไหร่ เวลาที่ท่านพ่อไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ต้องดูสถานการณ์ ถ้ากงชิงวี่ไม่พูดถึงลูกก่อน ท่านพ่อก็ไม่ต้องพูดถึงลูก แต่ทุกครั้งที่ท่านพ่อเข้าเฝ้า ท่านพ่อต้องทำเหมือนไม่มีความสุข ถึงจะดี
แบบนี้ ฮ่องเต้ถึงจะเข้าใจ ว่าท่านพ่อลำบากใจแค่ไหน ตอนพูดถึงเรื่องยกเลิกงานแต่งถึงจะง่าย”
แม่ทัพอันรู้สึกว่าวันนี้ลูกสาวไม่เหมือนเดิม แต่ก็พูดไม่ออกว่าไม่เหมือนเดิมตรงไหน มองดูสายตาของอันหลิงหยุนแล้วรู้สึกแปลกๆ
อันหลินหยุนรู้สึกผิดปกติ รีบพูด “ท่านพ่อ สิ่งที่กงชิงวี่กระทำกับลูก ลูกไม่ได้สนใจเขาแล้ว แค่ว่าเราเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ก็ไม่สมควรให้ใครมารังแกได้ แต่ก็ไม่ต้องให้เรื่องของลูกสาว มาทำให้เกียรติของท่านพ่อต้องมัวหมอง”
แม่ทัพอันได้ฟัง น้ำตาก็ไหลเป็นห่าฝน “ลูกที่น่ารักของพ่อ ไม่ร้อง”
“ท่านพ่อก็ไม่ร้อง ท่านพ่อต้องรีบปิดข่าว ลูกกลัวเป็นขี้ปากคนอื่น”
แม่ทัพอันพยักหน้า “พ่อรู้แล้ว ถ้าอย่างงั้นเจ้ารีบพักผ่อน พ่อจะรีบไปปิดข่าว”
อันจือซานเดินไปแล้ว อันหลิงหยุนดูแผ่นหลังของท่านพ่อที่เดินจากไปอย่างเหม่อลอย
เป็นพ่อที่ไร้เดียงสา ได้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ได้อย่างไร หรือมีแค่ความเก่งกาจกับความจงรักภักดีก็เพียงพอ
นึกว่าในจวนแม่ทัพจะมีคนให้พึ่งพามากกว่านี้ เห็นทีคงต้องวางแผนทุกอย่างด้วยตัวเอง น่าหดหู่ !
ครึ่งเดือนผ่านไป
ในวังได้จัดงานเลี้ยง แล้วแจ้งให้คุณหนู คุณชายทุกบ้านเข้าเฝ้า ในรายชื่อก็มีอันหลินหยุนด้วย
แม่ทัพอันกลับถึงจวน ก็ได้นำข่าวนี้มาบอกอันหลินหยุน ด้วยสีหน้าที่เศร้า “วันนี้พ่อได้เห็นไอ้ชั่วนั้นด้วย คิดว่าตัวเป็นถึงน้องของฮ่องเต้ เลยไม่เห็นพ่ออยู่ในสายตา แล้วก็ไม่พูดถึงลูกเลย รู้สึกน่าโมโห”
“ท่านพ่อ ลูกสาวมีหน้าตาที่สวยสดงดงามขนาดนี้ ท่านยังกังวลว่าจะหาเจ้าบ่าวไม่ได้หรือ”
อันหลินหยุนรู้สึกว่า แบบนี้ดีที่สุดแล้ว
“แต่......” แม่ทัพอันไม่ทันได้พูด อันหลิงหยุนก็เข้าใจ รีบตอบกลับ “ท่านพ่อ วางใจเถอะ ด้วยชื่อเสียงของพ่อ ขอให้ลูกได้หย่า ก็จะมีคนมาขอแต่งงานด้วยแน่นอน”
แม่ทัพอันไม่รู้สึกดีใจ แต่ก็ฝืนใจยิ้มให้อันหลินหยุน
วันถัดไป สองพ่อลูกได้เข้ารับงานเลี้ยงด้วยกัน
รถม้ามาถึงหน้าวัง เริ่มได้ยินเสียงซุบซิบนินทา ไม่รู้ว่าข่าวรั่วได้อย่างไร ว่าเรื่องที่อันหลิงหยุนโดนส่งกับจวนแม่ทัพ ในคืนแรกของงานแต่ง ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองต่างก็รู้กันไปหมดแล้ว
“เห็นเขาบอกว่าคืนแรกก็ส่งนางกับจวนแล้ว”
“คงไม่ใช่ คนในจวนอ๋องเสียนบอกว่า เพื่อที่จะได้ความรักจากท่านอ๋อง เลยได้วางยาท่าน”
แม่ทัพอันโกรธจนจะเข้าไปถาม แต่อันหลิงหยุนรั้งไว้ “ท่านพ่อ วันนี้เรามาทำอะไร ท่านลืมไปแล้วเหรอ”
แม่ทัพอันรักลูกสาวยิ่งชีพ แล้วก็พยักหน้า แล้วบังคับตัวเองไม่ให้ทำอะไรวู่วาม
อันหลิงหยุนรู้สึกว่า พ่อคนนี้ทั้งโง่แต่ก็น่ารักมาก
แม่ทัพอันแต่งงานตอนอายุสามสิบกว่า และก็ได้ให้กำเนิดลูกสาว หลังจากคลอด ภรรยาก็ได้เสียชีวิต หลังจากนั้นแม่ทัพอันก็รักและตามใจลูกมาก ขอแค่ให้ลูกสาวได้เป็นที่ภาคภูมิใจและเป็นที่รักของคนอื่น
เมื่อก้าวเข้าวัง อันหลินหยุนก็โดนสองข้างทางดึงดูดสายตา
ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีคนคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเถ้าธุลีนางก็ยังจำได้ ถ้าไม่ใช่อ๋องกงชิงวี่แล้วจะเป็นใครอีก
อีกคนที่แต่งตัวหรูหรา เสื้อขนสีชมพู น่าจะเป็นหญิงงามที่สุดในเมืองหลวงนี้ชื่อ เสินหยุนเอ๋อ นางน่าจะเป็นลูกสาวของเมียหลวงจวนเฉินเสี้ยง
ตอนนี้สองคนนั้นได้กำลังพูดแล้วหัวเราะกันอยู่ใต้ต้นไม้ ดูท่าทางของทั้งสอง อันหลิงหยุนในที่สุดก็เข้าใจ เจ้าของร่างเดิมคงจะโชคร้ายน่าดู!
พึ่งแต่งงานก็โดนสวมเขาแล้ว!
“ฮ่องเต้ได้เชิญท่านผู้ใหญ่ คุณชาย คุณหนูร่วมงานเลี้ยง”
ขันทีขานร้อง ทุกคนมองตาม บังเอิญ กงชิงวี่มองไปด้วยตาที่แหลมคม และได้สบตากับอันหลิงหยุนพอดี