ตอนที่ 5
ใบหน้าหล่อระเบิดพยักหน้ารับน้อยๆ พลางขยับตัวออกห่างจากร่างอรชรที่ตนพึ่งสัมผัสได้ว่าซ่อนรูปมากมายแค่ไหนด้วยท่าทางสง่างาม รอยยิ้มหยันไม่เคยจางไปจากริมฝีปากสุดเซ็กซี่นั้นเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“ตลอดหนึ่งเดือนนี้ ฉันจะมาเป็นผู้ดูแลเธอแทนพี่ดิม”
เหมือนสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมากลางศีรษะ ภิญญาพัชฌ์อ้าปากค้างด้วยความตกใจเป็นที่สุด
‘เป็นใครก็ได้ แต่ขออย่าให้เป็นผู้ชายคนนี้เลย ไม่อยากอยู่ใกล้แองเจลอส เมเนนเดซเลย’
ไม่ใช่รังเกียจ ไม่ใช่ขยะแขยง แต่กลัวใจของตัวเองต่างหากล่ะ กลัวว่าจะหลงรักเขามากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ กลัวว่าจะไม่สามารถทนมองเขามีหญิงอื่นข้างกายได้ กลัวเหลือเกิน...
“ภิญไม่อยากเชื่อ!”
“อย่าแสดงท่าทางดีใจขนาดนี้สิภิญญาพัชฌ์ มันทำให้ฉันรู้สึกยินดีเป็นบ้าเลยให้ตายสิ”
เขายิ้มเยาะ แสดงท่าทางเป็นอริใส่หน้าอย่างไม่ปิดบัง สาวน้อยรู้สึกอื้ออึงไปทั่วทั้งอก ช่องท้องโหวงเหวงคล้ายกับจะเป็นลม ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินมันคือเรื่องจริงเลยสักนิด แต่มันก็คือเรื่องจริงไม่ใช่เหรอ?
“ภิญไม่ต้องการ ภิญไม่มีวันเคารพคุณเหมือนที่ภิญเคารพคุณดิมหรอก”
หญิงสาวถอยออกห่าง ส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน จ้องมองผู้ชายที่บอกว่าเกลียดหล่อนในทุกลมหายใจเข้าออกด้วยสายตาหวาดเกรงที่ปิดไม่มิด หล่อนจะไม่มีวันเข้าใกล้ผู้ชายใจร้ายคนนี้อีกเด็ดขาด แม้ว่าจะต้องอดตายก็ตาม
“ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอมาเคารพอะไรฉันสักหน่อย”
“แล้วคุณต้องการอะไรจากภิญ?”
“ต้องการให้เธอเชื่อฟังฉันโดยไร้ข้อโต้แย้งยังไงล่ะ”
ผู้ชายหล่อระเบิดตรงหน้ายิ้มหยันและพูดต่อโดยไม่คิดจะเปิดโอกาสให้คู่สนทนาที่หน้าซีดแล้วซีดอีกอย่างหล่อนโต้แย้งเลยแม้แต่นิดเดียว
“และเธอก็ต้องทำมันให้ได้ด้วย เพราะถ้าเธอแข็งข้อกับฉันเมื่อไร ฉันเอาเธอตายแน่”
คำพูดของเขายิ่งทำให้หล่อนขลาดกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่า ยิ่งเห็นเขายิ้มเหี้ยมเกรียมออกมาด้วยแล้ว หัวใจสาวก็ยิ่งเต้นระรัวด้วยความกริ่งเกรง
‘ทาส...นี่เขากำลังจะบอกเป็นนัยๆ ใช่ไหมว่าหล่อนคือทาสของเขา’
“แต่ภิญไม่ต้องการอยู่ใต้อาณัติของคนใจร้ายอย่างคุณเจส”
“ทางเลือกสำหรับเธอมันคือศูนย์ ภิญญาพัชฌ์”
ผู้ชายตรงหน้าร้ายยิ่งกว่าจอมมารบวกมัจจุราชจากขุมนรกเสียอีก ร้ายจนหล่อนต้องยอมยกธงขาวตั้งแต่ยังไม่ได้สู้เลยแม้แต่ยกเดียว
“แต่ภิญไม่ยอม ภิญยอมที่จะไม่มีผู้ปกครอง ภิญจะรอคุณดิม...”
“บอกแล้วไงว่าเธอไม่มีสิทธิ์เลือก คนที่เป็นคนคุมเกมนี้คือฉัน ไม่ใช่เธอ ดังนั้นจงหุบปากและก้มหน้าทำตามคำสั่งของฉันเท่านั้นพอ”
“คุณมันคนใจร้าย คุณมันคนใจดำ...”
ริมฝีปากหยักลึกสีสดของแองเจลอสแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม แต่นัยน์ตาคมกริบสีนิลราคาแพงระยับกลับเต็มไปด้วยความขยะแขยงชิงชัง มันต่างกันลิบลับจนสาวคนมองอดทึ่งกับการแสดงความรู้สึกของผู้ชายคนนี้ไม่ได้
“งั้นก็เตรียมใจรับมือฉันไว้ให้ดีๆ ก็แล้วกัน เพราะฉันไม่มีวันเป็นผู้ปกครองใจดีเหมือนที่พี่ดิมเคยเป็นอย่างแน่นอน”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาน่ะใจร้าย ใจดำแค่ไหน ภิญญาพัชฌ์ค่อนขอดผู้ชายหล่อระเบิดแต่นิสัยสุดเลือดเย็นตรงหน้าในอก หนทางชีวิตดูมืดมนเหลือเกิน
“แต่ภิญไม่ยอม คุณไม่ต้องมายุ่งกับภิญ”
แม้จะต่อต้านแต่คนตัวโตตรงหน้าไม่ได้แสดงท่าทางแยแสเลยแม้แต่น้อย เขายังพล่ามในสิ่งที่สมองร้ายกาจคิดออกมาไม่หยุด
“เห็นจะไม่ได้หรอกมั้งแม่เด็กแก่แดด อย่าลืมสิว่าฉันเป็นคนลากเธอออกมาจากคุก”
‘ใช่สินะ เขาเป็นคนมาช่วยหล่อนนี่’
ภิญญาพัชฌ์มองความจริงแล้วก็ต้องถอนใจออกมายาวเฟื้อยด้วยความทุกข์ใจ สมองที่เคยอัดแน่นไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมเอาตัวรอดก็ดันมาช็อตตายดับอนาถไปเสียอีก
“แต่ภิญไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือนี้สักหน่อย”
สาวน้อยพูดออกไปไม่เต็มเสียงนัก เพราะรู้ดีว่าหากไม่ได้แองเจลอส หล่อนก็คงต้องอยู่ในนั้นอีกนาน และยายก็จะต้องเป็นห่วงแน่ ไม่รู้ด้วยว่านาบุญแก้ตัวแทนว่ายังไงบ้าง
แองเจลอสแค่นยิ้ม ดวงตาสีนิลล้ำลึกจนอ่านความรู้สึกใดไม่ออกนอกจากความขยะแขยงที่เจ้าตัวพยายามแสดงออกมา
“งั้นก็กลับเข้าไปสิ เข้าไปเลย”
เมื่อเห็นคนตัวโตตั้งท่าจะลากหล่อนกลับเข้าไปภายในโรงพักจริงๆ หญิงสาวก็รีบค้านพร้อมกับรีบถอยหนีทันควัน
“ภิญ...ภิญคืนคำก็ได้ ภิญขอบคุณที่ช่วยก็แล้วกัน แต่เราไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก ภิญยินดีจะอยู่ด้วยลำแข้งของตัวเองจนกว่าคุณดิมจะกลับมา”
คราวนี้พ่อคนตัวโตที่หล่อในทุกอิริยาบถหัวเราะออกมาดังลั่น ทั้งๆ ที่สถานการณ์มันไม่มีอะไรน่าขบขำเลยแม้แต่น้อย
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ ฉันรับปากพี่ดิมเอาไว้แล้ว ดังนั้นเธอทำใจให้สบายเตรียมรับผู้ปกครองคนใหม่ที่ร้ายยิ่งกว่าจอมมารอย่างฉันได้เลย รับรองเธอได้หัวเราะจนน้ำตาเล็ดทุกวันแน่”
‘นี่พ่อเจ้าประคุณจะขู่ให้หล่อนกลัวไปถึงไหนกันนะ แค่นี้ฉี่ของหล่อนก็แทบจะราดอยู่แล้ว’ สาวน้อยค่อนขอดพ่อสุดหล่อด้วยความขุ่นเคืองใจ
“ก็บอกแล้วไงว่าภิญไม่ต้องการคุณในฐานะผู้ปกครอง!”
“ความต้องการของเธอไม่มีผลต่อการตัดสินใจของฉันเลยแม้แต่นิดเดียวภิญญาพัชฌ์ เธอเป็นแค่คนรอรับคำสั่งเท่านั้น”
พ่อคนตัวโตแสยะยิ้มเลือดเย็นออกมาอีกครั้ง ขณะพาเรือนกายสมบูรณ์แบบไร้ที่ติเดินอ้อมรถไปหยุดนิ่งที่ประตูฝั่งคนขับ
“เพื่อแลกกับเงินยังไงล่ะ”
ภิญญาพัชฌ์กัดปากแน่นจนเจ็บระบม แต่กระนั้นมันก็ยังเจ็บสู้หัวใจไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ทำไมดิมิเทรียสจะต้องจับหล่อนโยนลงสู่นรกอเวจีที่มีมัจจุราชชื่อแองเจลอสเป็นเจ้าของด้วย ดิมิเทรียสไม่รู้หรือไงว่าน้องชายของตนเองเกลียดชังหล่อนมากแค่ไหน
“อย่ามาดูถูกภิญนะ ภิญไม่ได้ต้องการเงินทองของคุณ หรือแม้แต่ของคุณดิม”
สาวน้อยเถียงออกไปด้วยความเจ็บปวด พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลั้นน้ำตาแห่งความปวดร้าวเอาไว้ภายในอกแต่มันก็ทำได้ลำบากนักเมื่อเห็นสายตาดูแคลนของคนตัวโตที่จ้องมองมา ดวงตาคมกริบของเขาบอกว่าหล่อนต่ำยิ่งกว่าเศษดินที่เขาย่ำเหยียบอยู่ในขณะนี้เสียอีก
“ให้เชื่อหรือภิญญาพัชฌ์ ในเมื่อเธอทำตัวไม่ผิดจากนักขุดทองเลยแม้แต่นิดเดียว”
เจ้าของชื่อแก้มแดงก่ำ ไฟลุกท่วมหน้าเมื่อถูกตราหน้าว่าหิวกระหายเงิน
“ไม่จริง! ภิญไม่เคยคิดแบบนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
“ก็แน่ล่ะ เธอไม่เคยคิดอยู่แล้ว เพราะเธอเลือกที่จะทำมันเลย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอเอาเงินที่ไหนไปเที่ยวกลางคืนน่ะ แล้วที่นั่นก็แสนแพง” เขาจ้องมองมาด้วยสายตาชิงชัง
ภิญญาพัชฌ์จนปัญญา เริ่มคิดได้ว่าอธิบายไปคนที่เห็นคนอื่นต่ำต้อยตลอดเวลาอย่างแองเจลอสก็ไม่มีทางเข้าใจหรอก สู้เงียบแล้วหายไปจากชีวิตเขาเสียดีกว่า
“ไม่ว่าคุณจะเห็นภิญเป็นยังไงก็ช่าง แต่ภิญจะไม่ยอมพบคุณอีก”
“ฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกันนั่นแหละ แต่ทำไม่ได้ และถ้าเธอกำลังคิดจะขัดคำสั่งของฉันละก็ ขอเตือนให้เลิกความคิดนั้นซะ เพราะคนที่จะถูกไฟไหม้มือนั้นมีแค่เธอคนเดียว!”
นัยน์ตาสีนิลน่ากลัวยิ่งนักยามทอดมองมา ทั้งๆ ที่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน แต่ทำไมนะ ทำไมดวงตาของแองเจลอสถึงมืดดำและดูล้ำลึกได้แบบนั้น มันเหมือนแผ่นฟ้ากว้างที่ถูกคลุมทับด้วยผ้าผืนใหญ่สีดำทะมึน
ภิญญาพัชฌ์หน้าซีดเผือด สมองร้องเตือนว่าคนอย่างแองเจลอสทำได้ทุกอย่าง แม้แต่ฆ่าหล่อนให้ตายคามือ ดังนั้นหล่อนสมควรที่จะหุบปากให้สนิทไว้ดีกว่า
แองเจลอสเห็นเด็กสาวนิ่งก็แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา
“ฉันจะกลับเพนต์เฮาส์ ส่วนเธอนั่งแท็กซี่กลับเองก็แล้วกัน และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปห้ามออกจากห้องหลังเวลาสองทุ่มอีกเป็นอันขาด ส่วนไอ้ไนต์คลับระยำนั่น ถ้าเธอย่างกรายเข้าใกล้มันอีกละก็ ฉันจะเผามันซะ!”
จะไม่ให้หล่อนออกนอกบ้านได้ยังไง ในเมื่อหล่อนต้องไปรับจ้างล้างชามก๋วยเตี๋ยวที่หน้าปากซอย แต่ช่างเถอะ พูดไปผู้ชายตรงหน้าก็ไม่มีทางเข้าใจหรอก เงียบเอาไว้ดีกว่า
“ถ้าขืนไม่ฟัง เธอจะได้รู้จักนรกมากกว่าที่เคยรู้จักแน่”
จบคำสั่งวางอำนาจคนตัวโตก็ก้าวขึ้นรถสปอร์ตคันงามและขับทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เด็กสาวยืนเซ่ออยู่เพียงลำพัง
“คนเผด็จการ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน มาถึงก็สั่งเอาๆ”
ภิญญาพัชฌ์มองรถราคาแพงระยับสีนิลไปด้วยความขัดเคืองจนมันลับตา ภาวนาให้คนตัวโตเปลี่ยนใจกลับไปเอเธนส์เร็วๆ หรือไม่อย่างนั้นก็ให้ดิมิเทรียสกลับมาเมืองไทยสักที หล่อนจะได้ไม่ต้องถูกมัจจุราชเลือดเย็นเล่นงานจนน้ำตาเล็ดแบบนี้อีก
ลมหนักๆ ถูกพ่นออกมาจากกลีบปากอิ่มสีแดงสดหลายครั้งต่อเนื่องกัน ความเคร่งเครียดกัดกินไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เท้าบอบบางอ่อนล้าก้าวออกไปยังหน้าโรงพัก กวักมือเรียกรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาพอดีให้จอด จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปนั่ง ดวงตากลมโตอัดแน่นไปด้วยความวิตกกังวลใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนัก
‘หล่อนจะทำยังไงดี? จะช่วยเหลือตัวเองยังไงดี? ในเมื่อแองเจลอสร้ายยิ่งกว่ามัจจุราชเสียอีก ขืนหล่อนอยู่ใกล้มีหวังตกนรกตั้งแต่ยังไม่หยุดหายใจอย่างแน่นอน’
แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่านั้นก็คือ...หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองแล้วก็ต้องเบิกตาค้างด้วยความตกใจ หน้าที่ซีดอยู่แล้วซีดเผือดลงไปอีกหลายพันเท่านัก บ่ายสองโมงเย็น...วันนี้หล่อนมีสอบนี่ สอบทั้งวันเลยสี่วิชา และตอนนี้ก็ใกล้จะหมดเวลาสอบของวิชาสุดท้ายแล้ว
“ลุงคะ กลับรถไปทางมหาวิทยาลัยค่ะ”
เด็กสาวรีบบอกลุงคนขับแท็กซี่ด้วยน้ำเสียงร้อนรน จากนั้นก็นั่งภาวนาอยู่ภายในอกให้ตัวเองสามารถไปทันสอบวิชาสุดท้ายของวันนี้ด้วยเถอะ