บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

ภิญญาพัชฌ์เป่าปากด้วยความโล่งอกเมื่อก้าวออกมาจากห้องสอบ ดวงหน้าขาวเนียนไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มผุดผาดน่าอิจฉาชะเง้อชะแง้ราวกับกำลังหาใครบางคน ดวงตากลมโตหวานฉ่ำด้วยแพขนตายาวงอนกวาดมองไปรอบๆ บริเวณ แล้วกลีบปากอิ่มสีกุหลาบที่อยู่ใต้ปลายจมูกโด่งเชิดก็คลี่แย้มออกด้วยความยินดี

“นิ่ม! ทางนี้นิ่ม” สาวน้อยกวักมือเรียกเพื่อนสนิทด้วยความดีใจ พร้อมๆ กับรีบเดินเข้าไปหา สองสาวยิ้มกว้างให้กัน

“สอบเสร็จแล้วหรือภิญ”

“ของวันนี้เสร็จแล้วล่ะจ้ะ แต่พรุ่งนี้ยังไม่เสร็จ แล้วนิ่มล่ะสอบครบทุกวิชาหรือยัง ไอ้ที่ต้องตามเก็บน่ะ”

นาบุญส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ

“ยังไม่เสร็จ เหลืออีกตั้งหลายวิชา เซ็งมากเลย”

“ไม่เห็นต้องเซ็งเลย แค่นิ่มอ่านหนังสือมากๆ ข้อสอบไหนๆ ก็ทำอะไรนิ่มไม่ได้ทั้งนั้น ว่าแล้วเรากลับไปอ่านหนังสือกันดีกว่านะ พรุ่งนี้จะได้หัวลื่นๆ ไง” ภิญญาพัชฌ์เอ่ยชวนเพื่อนด้วยท่าทางกระตือรือร้น แต่คู่สนทนาคนสวยแสนเอาแต่ใจดันส่ายหน้าดิกซะงั้น

“ไม่เอาหรอกภิญ อ่านหนังสือจนปวดหัวไปหมดแล้ว ไปหาที่นั่งฟังเพลงกันดีกว่า สมองจะได้ปลอดโปร่งมากกว่านี้”

ความคิดของเพื่อนสนิททำเอาภิญญาพัชฌ์ถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะร้องค้านออกไปเสียงแข็งบ่งบอกว่าตัวเองไม่เห็นด้วยอย่างมากเลยทีเดียว

“ไม่เอานะนิ่ม อย่าทำตัวเกเรสิ กลับบ้านไปอ่านหนังสือเถอะ นะ...ภิญขอร้องล่ะ”

ภิญญาพัชฌ์แตะแขนเพื่อนรักเบาๆ อ้อนวอนขอร้อง แต่คุณหนูผู้แสนเอาแต่ใจอย่างนาบุญไม่เห็นด้วยเลยสักนิด เพราะเจ้าหล่อนยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิมออกมาอีก

“ไม่เอา! ถ้าภิญไม่ว่างก็ไม่เป็นไร นิ่มไปคนเดียวได้”ใบหน้างดงามของนาบุญเต็มไปด้วยความน้อยใจแกมผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด

“นิ่มจะไปที่ไหนคนเดียวเหรอ อย่าบอกนะว่าที่ไนต์คลับนั่นอีกแล้ว” ภิญญาพัชฌ์แสดงท่าทางตกใจ แล้วก็ต้องตกใจมากขึ้นเมื่อเพื่อนสนิทพยักหน้ารับ

“ก็ที่นั่นแหละ นิ่มอยากดื่มนี่ ดื่มให้กับชีวิตอันขมขื่นของตัวเอง”

“ไม่เอาน่านิ่ม อย่าคิดมากสิ ไหนๆ เรื่องมันก็เลยเถิดมาจนถึงป่านนี้แล้ว รอเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นก่อนไม่ได้เหรอแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไปน่ะ” ภิญญาพัชฌ์คว้าแขนกลมกลึงของนาบุญเอาไว้เมื่อแม่คุณทำท่าจะเดินหนี

“นิ่มไม่มีทางรักใครได้อีกแล้วนอกจากพี่พุทธ ต่อให้นายคนนั้นหล่อปานเทพบุตรก็ตาม”

“แต่ภิญว่า...”

“ภิญรีบกลับไปอ่านหนังสือสอบเถอะ นิ่มจะไปตามทางของนิ่มเหมือนกัน”

นาบุญแกะมือของเพื่อนรักออกจากแขนของตน จากนั้นก็รีบก้าวยาวๆ เดินออกไปยังหน้ามหาวิทยาลัย ภิญญาพัชฌ์มองตามไปด้วยความเป็นห่วง สมองกำลังมึนงงอย่างหนัก

‘นี่หล่อนจะทำยังไงดี จะปล่อยนาบุญให้ไปนั่งดื่มเหล้าคนเดียวเหรอ ไม่ได้! หากนาบุญเมาแล้วถูกใครลากไปทำมิดีมิร้ายล่ะ จะทำยังไง’ และด้วยความห่วงใยที่มีต่อเพื่อนทำให้ภิญญาพัชฌ์ตัดสินใจที่จะวิ่งตามนาบุญออกไป

“นิ่ม รอภิญก่อนสิ”

นาบุญได้ยินเสียงภิญญาพัชฌ์จึงหยุดเดินและหมุนตัวกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ

“ไหนว่าจะรีบกลับไปอ่านหนังสือไงล่ะภิญ แล้วตามนิ่มมาทำไม”

เจ้าของชื่อถอนใจออกมาแรงๆ มองเพื่อนด้วยสายตาตำหนิ

“ก็จะให้ภิญปล่อยนิ่มไปเมาหัวราน้ำคนเดียวได้ยังไงล่ะ เดี๋ยวใครลากไปปู้ยี่ปู้ยำจะทำยังไง”

นาบุญระบายยิ้มออกมา ก่อนจะโผเข้ากอดร่างของเพื่อนรักเอาไว้แน่น

“ขอบใจมากนะภิญ ขอบใจที่เป็นห่วงนิ่ม นิ่มสัญญาว่าครั้งนี้จะดื่มเป็นครั้งสุดท้าย และต่อไปจะยอมทำตามคำแนะนำของภิญ ขอบใจมากเพื่อน”

“ไม่ต้องขอบใจหรอก เราเป็นเพื่อนกันนี่”

สองสาวยิ้มให้กันด้วยความจริงใจ ก่อนจะกวักมือเรียกรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาให้จอด จากนั้นทั้งสองคนก็หายไปกับรถแท็กซี่สีเหลืองเขียวอย่างรวดเร็ว

บรรยากาศภายในไนต์คลับชื่อดังใจกลางเมืองกรุงดูอื้ออึงไม่น้อย ภิญญาพัชฌ์ยี้หน้าให้กับควันบุหรี่ที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบๆ ตัว แต่แล้วก็ทนไม่ไหวต้องไอแค่กๆ ออกมา นาบุญเงยหน้าจากแก้วเหล้ามองเพื่อนรัก ยิ้มบางๆ ประดับที่กลีบปากอิ่มสีกุหลาบ

“นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะที่เรามานั่งกันที่นี่ น่าจะชินได้แล้วนะภิญ”

ภิญญาพัชฌ์ส่ายหน้าน้อยๆ แววตาที่ฉายความกังวลใจอย่างไม่ปิดบังปรายไปมองนาบุญที่ตอนนี้หน้าตาแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์

“ภิญว่าเรากลับกันเถอะนะนิ่ม นี่มันก็ดึกมากแล้ว”

หล่อนพูดประโยคนี้มาจนจะครบร้อยครั้งแล้ว แต่แม่เพื่อนสาวคนสวยก็ยังไม่ยอมวางแก้วเหล้าเลยแม้แต่น้อย ยังกระดกเอาๆ ราวกับไอ้สิ่งที่กำลังเทใส่คออยู่คือน้ำเปล่า

ก็รู้ว่านาบุญกลุ้มใจมากกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แต่วิธีแก้ปัญหาแบบนี้มันสิ้นคิดชะมัด พยายามจะบอก พยายามจะห้ามปราม แต่นาบุญก็เอาแต่ใจเกินเหลือเกิน ถอดแบบนิสัยมาจากคุณหนูไฮโซผู้ถูกเลี้ยงมาแบบอยากได้อะไรก็ต้องได้เปี๊ยบเลย

ภิญญาพัชฌ์ถอนใจออกมาแรงๆ อีกครั้ง นั่งมองเพื่อนรักตาปริบๆ เมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธความหวังดีของหล่อนด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้

“ยัง...ยังไม่กลับ...ขออีกสักชั่วโมงหนึ่งนะภิญ”

หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือราคาร้อยเก้าสิบเก้าขึ้นมาเพ่งมองก่อนจะต่อรองออกมา

“ครึ่งชั่วโมงก็พอมั้งนิ่ม นี่ก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว เดี๋ยวคุณปู่จะเป็นห่วงนะ”

‘รวมทั้งยายแฉล้มของหล่อนด้วย’ ภิญญาพัชฌ์ต่อประโยคหลังภายในใจ มองเพื่อนรักด้วยสายตาวิงวอน แต่นาบุญกลับหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน นัยน์ตาหวานฉ่ำเป็นประกายวาบวับเหมือนประกายของเพชรเมื่อต้องกับแสงไฟระยิบระยับภายในไนต์คลับสุดหรู

“คุณปู่ไม่ห่วงนิ่มหรอก คุณปู่ห่วงแต่ความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น”

“ไม่จริงหรอกนิ่ม คุณปู่มีนิ่มเป็นหลานเพียงคนเดียว ทำไมท่านจะไม่รักไม่ห่วงนิ่มล่ะ”

ภิญญาพัชฌ์ค้านความคิดแบบเด็กๆ ของนาบุญ หล่อนว่าความคิดของหล่อนเด็กมากๆ แล้วนะ มาเจอความคิดของนาบุญ มันแย่มากกว่าหล่อนเสียอีก ภิญญาพัชฌ์ลอบถอนใจแรงๆ อีกครั้ง ก่อนจะพูดเตือนสติขึ้นมาอีกครั้ง

“เลิกต่อต้านท่านสักทีเถอะนิ่ม นะภิญขอร้องล่ะ กลับมาเป็นนิ่มสาวน้อยน่ารักที่มองอะไรก็สดใสคนเดิมเถอะ นะนิ่มนะ”

นาบุญเงยหน้าจากแก้วเหล้า ปรือตาที่จะลืมไม่ขึ้นของตนจ้องหน้าเพื่อนรักอย่างภิญญาพัชฌ์ แล้วก็ยิ้มอวดฟันสวยๆ ออกมาด้วยอาการของคนเมามาย

“นิ่มจะเป็นอย่างนี้ หรือบางทีอาจจะเป็นมากกว่านี้ ถ้าคุณปู่ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะจับนิ่มคลุมถุงชนกับผู้ชายคนนั้น นิ่มเกลียด!” นาบุญเน้นคำว่าเกลียดชัดเจนจนคนฟังถึงกับสะอึก แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้เช่นเดิม

“นิ่มจะต่อต้านทุกทาง จะทำทุกอย่างเพื่อให้นิ่มได้แต่งงานกับพี่พุทธ นิ่มจะทำ...”

“ภิญรู้ว่านิ่มหลงรักพี่พุทธอะไรนั่นมากแค่ไหน แต่ว่าพี่พุทธของนิ่มไม่เห็นจะสนใจอะไรนิ่มเลยนี่ แถมยังควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอีก เลิกสนใจเขาเถอะ”

“เลิกได้ที่ไหนกันล่ะ รักหมดใจเลยนะ” นาบุญแย้งเสียงสูงลิบ จนภิญญาพัชฌ์ต้องรีบยื่นมือไปปิดปากเพื่อนเอาไว้ นาบุญหัวเราะเบาๆ นัยน์ตาเลื่อนลอยเคลิ้มฝัน

“เมื่อเช้าพี่พุทธเขายังมาส่งนิ่มที่มหาวิทยาลัยเลย ภิญก็เห็นไม่ใช่เหรอ พี่พุทธยังถือหนังสือให้นิ่มด้วย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel