2
ทิพย์สุคนที่ออกมาเข้าพิธีแต่งงานทำเอาทุกคนตกตะลึงในความสวยของอีกฝ่ายเป็นอันมาก โดยเฉพาะเจ้าบ่าวที่ได้แต่อ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
พิธีหมั้นเสร็จสิ้นก็เป็นพิธีแต่งงาน มีการทำบุญตักบาตร รดน้ำสังข์ และงานเลี้ยง
“พี่ครับ มีคนฝากจดหมายมาให้ครับ” เด็กชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาตอนที่ภัคธีมายืนอยู่คนเดียว เธอรีบรับจดหมายนั้นเอาไว้ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ
พอคลี่อ่านข้อความในจดหมาย ก็เป็นจดหมายของธร เขาอยากมอบของขวัญให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก ขอแค่ได้เจอหน้าเธออีกครั้งเท่านั้น
ภัคธีมายืนชั่งใจอยู่นาน หากเธอออกไปเจอเขาในตอนนี้ แล้วโดนจับได้ทั้งเขาและเธอก็จะเดือดร้อน เธอน่ะไม่เท่าไหร่ แต่มารดาจะเดือดร้อนยิ่งกว่าที่ดูแลเธอไม่ดี
บิดาให้คนจับตาดูเธออยู่ตลอด เธอเองก็อยากเจอเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะย้ายไปอยู่บ้านสามี แต่เธอควรตัดใจ ไม่ทำให้มารดาต้องเดือดร้อน
ภัคธีมาตัดสินใจเขียนจดหมายน้อยฝากเด็กคนเดิมกลับไปให้เขา โดยที่ไม่ให้มีใครได้เห็น และทำลายจดหมายฉบับนั้นของเขาทิ้งไป เพราะถ้ามีใครเจอเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ
ธรได้อ่านจดหมายของภัคธีมาแล้วหัวใจแตกสลาย เพียงแค่เจอหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย เธอก็ให้เขาไม่ได้ เขาแค่อยากมอบของขวัญให้เธอก็แค่นั้นเอง และแค่อยากกอดเธอเป็นครั้งสุดท้าย
ธรนำกล่องของขวัญฝากเด็กน้อยให้นำไปวางเอาไว้ในงาน ก่อนที่เขาจะเดินจากไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย
หลังจากงานแต่งงาน ภัคธีมาก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านสามี เธอค่อย ๆ เคลียร์ของขวัญทุกกล่อง แต่ไปสะดุดใจกับของขวัญกล่องหนึ่ง และลายมือเรียบร้อยบรรจงที่เธอจำได้ดี
“พี่ธร” ภัคธีมารีบแกะมันออกดู ก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมา
นาฬิกาทรายที่เขาทำมันขึ้นมาเอง ทำให้เธอนึกย้อนไปถึงในอดีตตอนที่คบหาเป็นแฟนกับเขา
“ชอบนาฬิกาทรายเหรอ” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเธอยืนจ้องแล้วยิ้ม
“ชอบค่ะ ดูแล้วทำให้รู้สึกว่าเวลาของคนเรามันมีค่ามากๆ นะคะ”
“พี่ซื้อให้นะ เห็นไปเที่ยวกันทีไร มลก็ชอบยืนดูนาฬิกาทราย”
“ไม่เอาหรอกค่ะ” เธอรีบคว้ามือของเขาเอาไว้เพื่อห้ามปรามไม่ให้เขาซื้อ
“ทำไมล่ะ พี่อยากซื้อให้ ก็มลชอบ”
“มลอยากได้นาฬิกาทรายที่พี่ธรทำให้มลด้วยตัวเองมากกว่าค่ะ พี่ธรชอบประดิษฐ์ของใช้เองนี่คะ”
เธอรู้ว่าเขาชอบ เขาเป็นนักประดิษฐ์ ของใช้ในบ้านในครัวเรือนเขามักทำเอง เพราะที่ไร่ของเขามีต้นไม้ค่อนข้างมาก เขาทำไร่เน้นไปทางปลูกต้นไม้เป็นหลัก ในขณะที่บิดาของเธอมีที่ดินเยอะเช่นกัน แต่เน้นการทำรีสอร์ทและที่พักให้นักท่องเที่ยวมากกว่า
ใครถนัดสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้น
นาฬิกาทรายเรือนนี้พี่มอบเป็นของขวัญวันแต่งงานให้มลนะครับ พี่ทำเองกับมือทุกขั้นตอน ทรายด้านในคือทรายที่พี่เก็บกลับมาจากทะเลที่เราไปเที่ยวกับวันนั้น นำมาอบจนแห้งและย้อมสีธรรมชาติ ไม้ทำจากไม้สัก ด้านในพี่ใส่ผลึกคริสตัลเอาไว้ให้ด้วย เวลากลางคืนมันจะส่องแสงสว่างไสว วันใดที่มลมีปัญหาให้รู้ว่าพี่จะเป็นแสงสว่างในชีวิตของมลเสมอ ถ้ามลมีปัญหาอะไร แล้วไม่มีใครช่วยเหลือได้ ก็ขอให้นึกถึงพี่
รักเสมอ
ธร
ภัคธีมาร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดนาฬิกานั้นเอาไว้แนบอก นทีที่เดินเข้ามาในห้องจึงรีบเอ่ยถาม
“มลเป็นอะไรครับ ร้องไห้ทำไม”
“ปะ... เปล่าค่ะ” ภัคธีมารีบเช็ดน้ำตา และถือนาฬิกาทรายนั้นเอาไว้แน่น
“มีคนให้ของขวัญแต่งงานเราเป็นนาฬิกาทรายด้วยเหรอครับ” นทีเอ่ยถาม พลางยื่นมือมาดึงไปจากมือของเธอ ภัคธีมาไม่อยากให้หรอก แต่กลัวเขาจะสงสัย
“ของขวัญราคาถูกแบบนี้ยังกล้าให้เนอะ ตอนเชิญแขกน่าจะเชิญที่เขามีฐานะทัดเทียมกับเรา เชิญใครมาก็ไม่รู้” เขามองมันอย่างดูถูก ก่อนจะยัดนาฬิกาทรายเรือนนั้นใส่มือของภรรยาตามเดิม
“บางทีมันก็มีคุณค่าทางใจนะคะ”
“ไม่มีหรอกคุณค่าทางใจ มีแต่เงินเท่านั้นที่มีคุณค่า มลเก็บของเสร็จหรือยัง อะไรที่เป็นขยะอย่าเอาไปที่บ้านพี่นะครับ”
“มลขอเอานาฬิกาทรายเรือนนี้ไปด้วยได้ไหมคะ”
“จะเอาไปทำไมครับ รกบ้านเปล่าๆ ของราคาถูก ดูก็รู้ว่าของเกรดต่ำ”
“มลขอได้ไหมคะ” ภัคธีมารีบเอ่ยขอร้อง
“ก็ได้ครับ แต่ของขวัญพวกนี้อันไหนไม่ใช่ของมีราคาไม่ต้องเอากลับไปหรอกครับ ทิ้งไว้ที่บ้านพ่อแม่ของมลนี่แหละ เก็บของเสร็จแล้วก็ไปกันเถอะ เราต้องออกเดินทางกันแล้ว”
“ค่ะ” นี่คือนิสัยของนที เธอเปลี่ยนสรรพนามการเรียกเขาใหม่จากคุณเป็นพี่ เพราะแต่งงานกันแล้ว
ภัคธีมาลากกระเป๋าเดินตามสามีออกไป ความเป็นสุภาพบุรุษที่เห็นแต่แรกหายไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อก่อนเขาเอาอกเอาใจเธอสารพัด ทำทุกอย่างให้เธอ แต่เดี๋ยวนี้เธอต้องทำเองทุกอย่าง
ความสุขที่แทบมองไม่เห็นแจ่มชัดในความรู้สึกของภัคธีมา เมื่อเดินออกมาลาบิดามารดา แล้วได้รับใบหน้าไม่สบอารมณ์ของแม่สามี
ท่านเดินขึ้นไปรอบนรถตู้ หลังจากพูดคุยกับบิดามารดาของเธอแล้ว ในขณะที่ภัคธีมากอดลามารดาด้วยความเศร้า เธอน้ำตารินคิดถึงมารดาจับใจ
“ร้องไห้ทำไมจ๊ะ ไม่เอาไม่ร้อง เราก็ไม่ได้อยู่ไกลมากแค่นครนายกกับกรุงเทพฯ เอง หนูคิดถึงก็มาหาพ่อกับแม่ได้นะจ๊ะ” ทิพย์สุคนปลอบบุตรสาว
“ค่ะคุณแม่ คุณพ่อคุณแม่รักษาสุขภาพด้วยนะคะ”
“รีบไปเถอะ อย่าให้พ่อนทีกับคุณนราเขารอนาน” พฤกษ์เอ่ยบอกลูกสาว ก่อนจะตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ
“ค่ะคุณพ่อ” พอภัคธีมาขึ้นมาบนรถ ก็โดนแม่สามีจิกกัดทันที
“เสียมารยาทเสียจริง ไม่มีใครสอนหรือไงว่าไม่ควรให้ผู้ใหญ่รอนานแบบนี้ จะอ้อยสร้อยอะไรนักหนา จะอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนา ถ้าแต่งงานแล้วอยากอยู่บ้านตัวเองก็บอก ไม่มีใครบังคับให้เธอไปเสียหน่อย” เสียงกระแทกของคุณนราทำให้ภัคธีมาต้องกลืนน้ำลายฝืดเคืองลงคอ
เธอหันไปมองสามีที่นั่งอยู่อีกด้าน เขาเงียบกริบไม่มีการเข้าข้างเธอเลย หรือไม่มีการพูดจาปลอบใจอะไรเลย ทำให้เธอรู้ว่าเขาไม่แยแสว่าแม่ของเขาจะพูดอย่างไร
เขาแต่งงานกับเธอทำไมนะ เธออยากรู้เหลือเกิน ก็ในเมื่อเขาไม่ได้รู้สึกรักเธอจริงๆ อย่างที่แสดงออกแต่แรก หรือที่แสดงออกตอนนั้นเพราะแค่อยากได้เท่านั้น
การเดินทางมาที่บ้านของสามีใช้เวลาไม่นานนัก บ้านหลังใหญ่ของเขามีสาวใช้หลายคน แต่ละคนมองเธออย่างไม่เป็นมิตร ทำเอาภัคธีมาทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย
“พ่อแม่เธอสอนใช่ไหมว่าหน้าที่เมียกับลูกสะใภ้ต้องทำอะไรบ้าง”
“ค่ะคุณแม่”
“ฉันมีลูกชายคนเดียวย่ะ ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่หรอก ฉันไม่ชิน”
“แล้วจะให้หนูเรียกว่าอะไรคะ” ภัคธีมาเอ่ยถาม หัวใจของเธอเต้นระรัว นี่เธอมาทำอะไรที่นี่
ก่อนแต่งงานและหลังแต่งงานทุกอย่างเหมือนหน้ามือกับหลังมือ
เธอรู้สึกขมคออย่างบอกไม่ถูก…