5
Chapter 5
“ไหนเจ้าของร้าน!”
ภวัตตวาดลั่นเรียกหาเจ้าของผับ สายตาคมกริบตวัดมองร่างภูมิฐานที่เดินออกมาอย่างไม่เกรงกลัว ชายหนุ่มดึงเงินปึกนึงออกมาก่อนส่งให้
“ค่าเสียหาย ที่เหลือเก็บจากไอ้หน้าอ่อนนี่ ขอเตือนว่ามึงอย่ามายุ่งกับน้องกูอีก คราวหน้าเหลือแต่ชื่อแน่”
เขาพูดอย่างไม่ยี่หระ ชี้หน้าวรวุฒิที่กลัวจนลนลาน ศุภกิจ เจ้าของร้านหนุ่มรับเงินมาอย่างพึงพอใจ ไม่โวยวายเรื่องข้าวของที่เสียหายสักคำเดียว
“กลับไปกินนมแม่ซะไป ถ้ายังไม่อยากตาย อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีก ทั้งๆ ที่มึงมีเมียอยู่แล้ว แล้วก็คนของมึงด้วย ไอ้พวกขยะสังคม”
ภวัตหันไปชี้หน้าวรวุฒิที่สภาพดูไม่ได้ ก่อนลากน้องสาวคนสวยออกจากผับไป ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของทุกคน
“คุณโก้เป็นยังไงบ้างครับ”
ลูกน้องของวรวุฒิเข้าไปถามเจ้านายหนุ่มทันที
“เจ็บน่ะสิ ถามได้ ไอ้พวกโง่เอ๊ย! แค่นี้ก็สู้มันไม่ได้”
วรวุฒิตวาดกลับ รู้สึกเสียหน้ามาก สายตามองตามไปอย่างเคียดแค้น ก่อนที่จะผวาซ้ำสองเมื่อแฟนสาวเดินเข้ามาในผับ ดีที่เพียงแพรกลับไปแล้ว ไม่งั้นงานเข้าแน่!!
ภวัตพาน้องสาวกลับมาถึงคอนโด ก่อนที่จะเริ่มคุยเรื่องสำคัญ “ฉันจะพาแกกลับบ้าน” เสียงดุดันของพี่ชายทำให้เพียงแพรตาโต
“แต่แพรยังเรียนไม่จบ เหลืออีกตั้งปีกว่านะคะ”
เพียงแพรรีบเอาเรื่องเรียนมาอ้าง รู้สึกหัวเสียที่โดนบังคับ
“หึ! แล้วแกมีผัวกี่คนแล้วล่ะ”
ภวัตถามด้วยน้ำเสียงดุดัน ตั้งใจพูดจี้ใจดำน้องสาว รู้ดีว่าแม้ภายนอกเพียงแพรจะดูเหลวไหลแต่ก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยเนื้อปล่อยตัว หากไม่พูดแบบนี้ รับรองว่าน้องสาวไม่กลับแน่
ถ้าอยากพามันกลับปักษ์ใต้ก็ต้องชวนทะเลาะ ให้มันทนไม่ไหว!
“พี่วัต”
เพียงแพรที่นั่งสงบนิ่งก้มหน้าอยู่คราแรกลุกขึ้นมองพี่ชายอย่างโกรธจัด ภวัตลูบไหล่ไปมาด้วยความเจ็บหลังจากทำแผลเรียบร้อยแล้ว
“ฉันพูดแทงใจดำแกหรือไง หึ! อย่านึกว่าฉันไม่เห็นนะที่แกไปดีดดิ้นเหมือนไส้เดือนกิ้งกืออยู่กลางผับน่ะ คราวนี้ที่ฉันมาไม่บอกแกเพราะรู้มาว่าแกเที่ยวเตร่ เมาหัวราน้ำ ผลการเรียนตกต่ำ แกผลาญเงินไปเดือนละเท่าไหร่ไอ้แพร ไอ้ฉันนี่ก็เป็นคนหาเงินงกๆ นั่งลงเดี๋ยวนี้ อย่ามายืนค้ำหัวฉัน เวลาฉันพูดอยู่อย่าริอ่านมาเถียง”
ภวัตตวาดน้องสาวเสียงดังก้อง เพียงแพรยกมือปิดหูแทบไม่ทัน ลูกน้องที่รออยู่ด้านนอกถึงกับสะดุ้งกับเสียงอันดังราวฟ้าถล่มของผู้เป็นนาย
“แพรก็แค่ไปเปิดหูเปิดตากับเพื่อนเท่านั้นเอง อ้อ! แล้วอย่ามาดูถูกแพรด้วย แพรไม่เคยทำตัวเหลวไหลถึงขนาดปล้ำผู้ชายทำผัว”
หญิงสาวโมโหคำพูดของพี่ชาย บ้าที่สุด ดันมาถามเธอว่ามีผัวกี่คนแล้ว อยากจะหาอะไรเย็บปากพี่ชายนัก ปากจัดแบบนี้ไงถึงหาเมียไม่ได้
“ดูแกแต่งตัวสิ นั่นใส่เสื้อในหรือเปล่า ใส่เสื้อเปิดผ้าเปิดผ่อนแบบนี้ผู้ชายที่ไหนก็อยากจะควัก แล้วชุดแกน่ะผ้ามันมีแค่นี้หรือไงปิดก้นลงมานิดเดียวจวนจะเห็นกางเกงในอยู่แล้ว มันขัดลูกหูลูกตาฉันจริงๆ”
ภวัตมองชุดที่น้องสาวใส่เป็นเสื้อเกาะอกกระโปรงยาวแค่คืบถึงกับส่ายหน้าไปมา
“ใครๆ เค้าก็ใส่กันแบบนี้ทั้งนั้น พี่วัตน่ะเชยอยู่แต่บ้านป่าเมืองเถื่อน” เพียงแพรเถียงอย่างเซ็งจัด
“เออ... บ้านป่าเมืองเถื่อนที่แกว่าน่ะ มันบ้านเกิดเมืองนอนแกหรือเปล่า”
“หึ!” เพียงแพรทำเสียงขึ้นจมูก
“ถ้าแกยังไม่หยุดเถียง ฉันจะไม่ให้แกเรียนอีก”
นายหัวหนุ่มยื่นคำขาด
“พี่วัต!”
เพียงแพรเสียงดังใส่พี่ชาย นี่เขาจะบังคับเธอมากเกินไปแล้วนะ
“นี่แกกล้าขึ้นเสียงใส่ฉันหรือไง เงินที่แกผลาญอยู่ทุกวันนี้มันเงินของฉัน”
“อย่ามาลำเลิกทวงบุญคุณนะ พี่วัตมีหน้าที่ส่งแพรเรียน พ่อยังไม่เห็นว่าอะไรเลย”
เธอยังเถียงไม่ลดละ ภวัตทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว
“อย่าเอาพ่อมาอ้าง พ่อจะไปทันอะไรแก แล้วพ่อไม่สบายมาก แกมาเรียนที่นี่เคยกลับไปดูดำดูดีคนที่บ้านบ้างไหม”
นายหัวหนุ่มถอนใจพรืด หน้าแดงก่ำตามอารมณ์ที่เดือดขึ้นเรื่อยๆ
“แต่แพรยังเรียนไม่จบ พี่จะให้แพรกลับไปทำอะไร กรีดยางอยู่ปักษ์ใต้หรือไง ไม่เอาหรอกนะ แพรทำไม่เป็น แล้วยัยเมียเลี้ยงโนตมนั่นล่ะ ให้มันดูแลพ่อไปสิ นังปีศาจน่ะ แพรเกลียดขี้หน้ามัน”
“แกเป็นลูกต้องดูแลพ่อแม่ เขมจิราเค้าเป็นคนอื่น”
ภวัตให้เหตุผลเสียงขรึม
เพียงแพรหน้าบูดบึ้งเมื่อคิดถึงมารดาเลี้ยง ความจริงเธอไม่ได้ตั้งใจจะมาเรียนที่กรุงเทพฯ หรอก หากไม่เพราะมารดาเสียชีวิตเมื่อจับได้ว่าบิดาลักลอบได้เสียกับเขมจิรา มารดาสิ้นไปได้ไม่นานบิดาก็ยกย่องเขมจิราขึ้นมาเป็นภรรยาออกหน้าออกตา เธอเกลียดยัยแม่มดเขมจิรามากที่สุด จึงหนีมาเรียนกรุงเทพฯ และไม่เคยคิดอยากจะกลับไปเหยียบที่บ้านอีก มีเพียงพี่ชายเท่านั้นที่มาเยี่ยม เธอยิ่งกว่ารู้ว่าภวัตรักเธอแค่ไหน แต่เธอก็ไม่ใช่น้องสาวที่ดีนักของเขา กะว่าเรียนจบแล้วจะหางานทำที่นี่ ไม่กลับไปเหยียบปักษ์ใต้อีก
“แกใจดำ พ่อไม่สบายก็ไม่ยอมไปเยี่ยม ใจคอแกจะไม่กลับไปเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนเลยหรือไง เมื่อสามปีก่อน พ่อประสบอุบัติเหตุรถชน แกโผล่ไปดูครั้งเดียวแล้วก็หายหน้าหายตาไปเลย”
ภวัตเสียงอ่อนลง
“หึ! นังปีศาจมันดูอยู่นี่ แพรไปจะช่วยอะไรได้ ไม่ใช่หมอสักหน่อย แล้วพ่อก็ยังไม่ตาย แพรไม่มีความหมายกับพ่อหรอก พ่อหลงเมียเด็กจะตาย”
“ไอ้แพร”
“พี่วัตก็เอาแต่ขึ้นเสียง แพรไม่กลับไปอยู่บ้านหรอกนะ ไม่รู้จะทำอะไรกิน”
“ฉันจะให้แกไปเก็บขี้ยางขาย ถ้าแกยังปากมาก มาเรียนกรุงเทพฯ แกก็เรียนแค่ราชภัฏ ฉันจะจัดการให้แกย้ายกลับไปเรียนราชภัฏในจังหวัดแทน ส่วนยัยปีศาจนั่นจะไล่ไปได้ยังไง พ่อยังอยู่ ไล่ไปก็หัวใจวายสิ เค้ารักเค้าห่วงของเค้าจะตาย” ภวัตพูดอย่างระอา
“ไม่!” เพียงแพรยังเสียงแข็งใส่พี่ชาย
“เลือกเอา แกจะอยู่ที่นี่ หรือจะกลับบ้านกับฉัน แต่ถ้าแกคิดว่าอยู่ที่นี่ไม่อดตายจะหางานทำส่งเสียตัวเองเรียนก็ได้นะ งานสบายหน่อยฉันจะแนะนำให้เอาไหม”
“งานสบาย” เพียงแพรทวนคำพูด มองหน้าพี่ชายนิ่ง
“ขายตัวไง แค่นอนแบอยู่บนเตียง”
“พี่วัต! กรี๊ดดดดด...”
เพียงแพรกรีดร้องเสียงแหลม ภวัตปิดหูแทบไม่ทัน
“อย่ามากรี๊ดเหมือนชะนีเรียกหาผัว ฉันแสบแก้วหู ไปเก็บของได้แล้ว ฉันให้เวลาแกสิบนาที ถ้าแกยังอิดออดโดนแน่ เร็ว!!!”
คำสั่งเฉียบขาดทำให้เพียงแพรได้แต่ก้มหน้ารับ รู้ดีว่าพี่ชายเป็นคนยังไง ปกครองลูกน้องเป็นร้อยๆ ยังไม่มีใครกล้าขัดใจเลยแม้แต่คนเดียว
หญิงสาวได้แต่ฮึดฮัดอยู่ในใจเมื่อในที่สุดก็ต้องตามพี่ชายกลับบ้าน เธออยากรู้นักว่านอกจากบิดาแล้วพี่ชายจะยอมฟังใครอีกบ้าง แล้วหน้าตาภรรยาของพี่ชายจะเป็นยังไง ปากแบบนี้ชาตินี้คงหาเมียไม่ได้หรอก ชิ!!!
ภวัตลอบยิ้มเมื่อต้องเล่นบทโหด ปกติพื้นฐานนิสัยของเพียงแพรจะเป็นคนเอาการเอางาน ขี้เล่น เขาอยากได้น้องสาวคนนั้นกลับมาเหลือเกิน แต่เพราะเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ตอนมารดาเสียแล้วบิดามีภรรยาใหม่ทำให้เพียงแพรต่อต้าน ประชดตัวเองด้วยการทำตัวเหลวไหลจนน่าใจหาย
จังหวัดสงขลา...
“กลับมาแล้วเหรอ”
พีระที่นั่งอยู่บนรถเข็ญเอ่ยถามบุตรชาย ก่อนหันไปมองใบหน้างอง้ำของบุตรสาวคนรองที่เดินตามเข้ามาอย่างกระฟัดกระเฟียด เขาดีใจเหลือเกินที่ได้เจอบุตรสาว
“พี่วัตบังคับให้กลับ แล้วก็ไม่ให้ไปเรียนอีกด้วย”