บทที่2 เกิดใหม่
ท้องฟ้ายามราตรีใสสะอาดดุจสายน้ำมวลหมู่ดาวส่องประกายระยิบระยับ ความงดงามที่หาดูได้ยากในเมืองใหญ่
จวนสกุลหยาง
เสียงร่ำไห้เบาๆ ดังลอดออกมาจากเรือนพักเก่าโกโรโกโสตัวเรือนเหมือนไม่ได้รับการดูแลมานานทำท่าจะพังลงมาได้ทุกเมื่อ ด้านในมีเพียงเตียงไม้เล็กๆ ปูด้วยผ้าเก่าผืนบาง มุมห้องด้านในมีโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวเล็กเทียนหนึ่งเล่มถูกจุดขึ้นให้แสงสว่างที่ริบหรี่จนแทบมองไม่เห็น
มีคนสามคนอยู่ในห้องหนึ่งคนนอนหายใจรวยรินหนึ่งคนนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้าอิโรยและอีกหนึ่งคนนั่งคุกเข่าที่พื้นกุมมือผู้ที่นอนอยู่บนเตียงเอาไว้
เด็กสาวใบหน้าจิ้มลิ้มผิวขาวซีดอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปี แต่ผอมแห้งเหมือนคนขาดสารอาหาร กำลังคุกเข่าบนพื้นที่เย็นเยียบร้องไห้อย่างหนักอยู่ข้างเตียง
ฮุ่ยหลิงสาวใช้ตัวน้อยที่ถูกซื้อตัวมาจากลุงของนางตั้งแต่ตอนอายุห้าขวบ ฮุ่ยหลิงเป็นเด็กกำพร้าบิดามารดาเสียชีวิตไม่มีญาติคนไหนต้องการดูแลนางจึงถูกครอบครัวพี่ชายของบิดาที่ไม่ต้องการตัวภาระขายให้โรงค้าทาส ตอนนั้นหยางซินเยว่อายุหกขวบเดินเที่ยวตลาดกับมารดา เห็นฮุ่ยหลิงที่ตัวเล็กผอมแห้งถูกชายวัยกลางคนลากถูไปกับพื้น ดูน่าเวทนานักหยางซินเยว่จึงขอให้มารดาซื้อตัวฮุ่ยหลิงเอาไว้
สตรีอีกคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงคือเซวี่ยฟังเฟยมารดาของหยางซินเยว่เด็กสาวที่นอนไม่ได้สติหายใจรวยรินอยู่บนเตียง
ซินเยว่ได้ยินเสียงร้องไห้ดังอยู่ข้างหูก็รู้สึกแปลกใจ เธอขยับตัวเล็กน้อยไล่ความเมื่อยขบของร่างกายที่คล้ายไม่ได้ขยับมานาน ซินเยว่กลอกตามองไปรอบๆ ห้องพร้อมกับคิดในใจว่า
'เธอถูกหลิงหลงวางยาพิษ น่าจะตายไปแล้วนี่นา'
เซวี่ยฟังเฟยและฮุ่ยหลิงเมื่อเห็นซินเยว่ได้สติก็ร้องเสียงดังดีใจที่นางฟื้น
" คุณหนูของบ่าวฟื้นแล้วฟื้นแล้วจริงๆ ขอบคุณสวรรค์ รอเดี๋ยวบ่าวจะไปตามท่านหมอมาดูอาการของคุณหนูนะเจ้าคะ"
เมื่อพูดเสร็จฮุ่ยหลิงก็หุนหันวิ่งออกนอกห้องไป
"เป็นอย่างไรบ้างลูกยังเจ็บอยู่หรือไม่ โธ่...เยว่เอ๋อของแม่"
เซวี่ยฟังเฟยพูดกับซินเยว่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและสั่นเครือ รอยคล้ำใต้ดวงตาบ่งบอกว่านางพักผ่อนไม่เพียงพอ
ซินเยว่ได้แต่นอนนิ่งๆ ฟังผู้หญิงแปลกหน้าพูดกับตนโดยไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอปวดระบมไปทั้งตัว อีกอย่างเธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงทั้งที่น่าจะตายไปแล้วจึงถามออกไปด้วยเสียงแหบแห้ง
"ที่นี่ที่ไหนคะทำไมฉันถึงนอนอยู่ที่นี่กับคุณ "
เซวี่ยฟังเฟยมองซินเยว่ด้วยสายตาแปลกประหลาด
"นี่ลูกกำลังพูดอันใดเยว่เอ๋อที่นี่ก็บ้านของเราอย่างไรเล่าเหตุใดลูกถามแม่ประหลาดเช่นนั้นภาษาอันใดของเจ้า"
ซินเยว่ตอนนี้หัวสมองหมุนเร็วรี่รีบประมวลผลกับสิ่งที่ได้ยิน
'นี่เราอยู่ที่ไหนกันละเนี่ยภาษาพูดก็แปลกประหลาดการแต่งตัวก็อย่างกับหลุดมาจากซีรีส์ย้อนยุค'
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดด้านนอกก็มีเสียงเปิดประตู ฮุ่ยหลิงเดินเข้ามาพร้อมหมอชราอายุราวห้าสิบ สะพายล่วมยาเดินเข้ามาในห้องเล็กแคบที่มองดูอย่างไรก็ไม่คล้ายเรือนของฮูหยินสกุลหยาง
หมอชราแต่งกายด้วยชุดสีเทาคล้ายนักพรตในหนังจีนกำลังภายในแต่ดูภูมิฐานมีความรู้ เมื่อนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงเรียบร้อยแล้ว หมอชราก็ทำการจับชีพจรของซินเยว่ เซวี่ยฟังเฟยเห็นเช่นนั้นจึงถามหมอชราอย่างร้อนใจเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของนาง
“บุตรสาวของข้านางเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”
"อืม... ดูเหมือนคุณหนูใหญ่จะไม่เป็นอะไรมากนะขอรับ ที่นางหลับไปหลายวันอาจเป็นเพราะอ่อนเพลียร่างกายของนางขาดสารอาหารมาเป็นเวลานาน ข้าจะเขียนเทียบยาบำรุงและให้ยาทาแผลภายนอกจะได้ไม่เกิดรอยแผลเป็นท่านให้บ่าวไปรับยาที่โรงหมอของข้าได้เลย"
"เจ้าค่ะท่านหมอขอบคุณท่านมากหากไม่ได้ท่านเยว่เอ๋อของข้าต้องแย่แน่ๆ"
เซวี่ยฟังเฟยย่อตัวคารวะหมอชราเล็กน้อยอย่างซึ้งใจ
"ไม่เป็นไร อะไรที่ข้าสามารถช่วยได้ก็ช่วยช่วยกันไป ยาพวกนี้ทำมาจากสมุนไพรธรรมดาหาใช่สมุนไพรวิญญาณจึงไม่แพงเท่าใดนัก แต่สรรพคุณอาจไม่ดีเท่าสมุนไพรวิญญาณ เช่นนั้นฮูหยินใหญ่ข้าต้องขอตัวก่อน"
เซวี่ยฟังเฟยควักเงินก้อนสุดท้ายจ่ายค่ารักษาให้หมอชราเขารับถุงเงินแล้วเดินออกนอกห้องไป
"คุณหนูเจ้าคะบ่าวจะไปต้มข้าวต้มให้คุณหนูท่านทานข้าวแล้วจะได้ดื่มยา"
ฮุ่ยหลิงหายออกไปสักพักก็ยกชามข้าวต้มที่น้ำใสยิ่งกว่าน้ำในถังเม็ดข้าวในชามก็ช่างน้อยนิดนางเดินเข้ามาพร้อมถ้วยยาในมือ
หลังจากกินข้าวต้มที่ใสเเจ๋วไร้รสชาติสามสี่คำตามด้วยยาต้มน้ำสีดำปี๋กลิ่นขมขึ้นจมูกเซวี่ยฟังเฟยก็บอกให้ซินเยว่นอนพัก
ซินเยว่แกล้งล้มตัวลงนอนเมื่อเสียงประตูปิดลงจึงลืมตาขึ้นพยายามเค้นความคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งที่น่าจะตายแต่กลับไม่ตาย ทำไมพวกเขาต้องวางยาฆ่าเธอหรือนี่จะเป็นแผนการที่พวกเขาวางเอาไว้ตั้งแต่เเรก
'เราถูกหลอกให้วางแผนปล้นเสร็จแล้วก็ฆ่าปิดปากพ่อบุญธรรมกับแม่บุญธรรมจะรู้ไหมว่าเราถูกฆ่าตายไปแล้ว'
สิ่งที่ซินเยว่ไม่รู้คือนี่เป็นแผนของสองสามีภรรยาแซ่เกา เพราะตอนวันเกิดอายุครบยี่สิบปีซินเยว่เคยคุยกับพวกเขาว่าเธอจะวางมือจากงานโจรกรรมพวกเขาไม่ไว้ใจซินเยว่จึงได้สั่งให้ฆ่าเธอปิดปาก
"เฮ้อ!!!แล้วแบบนี้จะเอาไงต่อพรุ่งนี้ค่อยคิดละกัน"
ยกมือปิดปากหาวซินเยว่ก็เข้าสู่นิทราทันที
เสียงดังกุกกักอยู่ด้านนอกปลุกให้ซินเยว่งัวเงียตื่น เป็นฮุ่ยหลิงที่กำลังเดินถือถังไม้ใส่น้ำเข้ามาในห้อง ฮุ่ยหลิงเมื่อเห็นว่าซินเยว่ตื่นแล้วจึงรีบเข้าไปประคองให้นางลุกขึ้นนั่ง
"คุณหนูเจ้าคะนี่พึ่งจะยามเหม่า (05.00-06.59น.) เองท่านนอนพักอีกสักหน่อยประเดี๋ยวบ่าวจะไปยกข้าวต้มมาให้"
ซินเยว่เลิกคิ้วมองฮุ่ยหลิงเล็กน้อย
"ไม่เป็นไรฉัน..เอ่อข้าตื่นแล้วข้าอยากอาบน้ำตอนนี้เหนียวตัวมากเลย"
ซินเยว่บิดตัวไปมาเบาๆ บอกความต้องการแก่ฮุ่ยหลิง
"แต่ว่าหลังของคุณหนูตอนนี้ยังมีแผลอยู่นะเจ้าคะท่านหมอบอกว่าห้ามโดนน้ำโดยเด็ดขาดมิเช่นนั้นจะอักเสบได้ บ่าวว่าคุณหนูล้างหน้าแล้วเช็ดตัวดีหรือไม่เดี๋ยวบ่าวช่วยเจ้าค่ะ"
ซินเยว่พยักหน้าแล้วขยับตัวนั่งให้มั่นคงกว่าเดิมเตรียมจะล้างหน้าและเมื่อก้มหน้ามองตัวเองในน้ำก็ตกใจจนร้องเสียงหลง
"เฮ้ย!!!"
เหมือนซินเยว่จะเห็นหน้าตัวเองตอนช่วงอายุสิบห้าสิบหก แต่ใบหน้านี้ค่อนข้างซูบตอบแต่เป็นใบหน้าของเธอแน่ๆ
"คุณหนูเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ"
ฮุ่ยหลิงเดินเข้ามาพร้อมถังน้ำอีกใบและผ้าที่จะนำมาเช็ดตัวให้กับเจ้านายของตน ซินเยว่เมื่อเห็นหน้าตัวเองในน้ำจึงเงยหน้าขึ้นถามฮุ่ยหลิงว่า
"เจ้าชื่ออะไรนะแล้วข้าอายุเท่าไหร่ที่นี่คือที่ไหน...."
และอีกหลายๆ คำถามที่ซินเยว่ถามออกไปจนคนฟังไม่เเน่ใจว่านางถามอะไรไปบ้าง ฮุ่ยหลิงทำสีหน้างงงันกับคำถามของนางแต่ก็ตอบออกไปเบาๆ ว่า
"บ่าวมีนามว่าฮุ่ยหลิงอายุสิบสี่ปีส่วนคุณหนูอายุสิบห้าเจ้าค่ะที่นี่ก็จวนแม่ทัพหยาง บิดาของท่าน'หยางจิ่งเทียน ' ทำไมคุณหนูถามบ่าวเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ"
"เอ่อ...เหมือนว่าความทรงจำบางส่วนของข้าจะหายไปคงเป็นเพราะข้าป่วยเลยทำให้หลงๆ ลืมๆ เจ้าช่วยเล่าเกี่ยวกับตัวข้าและครอบครัวให้ข้าฟังได้หรือไม่เผื่อว่าความทรงจำของข้าจะกลับมา"
ซินเยว่แถออกไปส่งๆ เพราะตอนนี้คิดไม่ทันเลยหาทางเอาตัวรอดไปก่อนรอให้ร่างกายหายดีค่อยหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง กันแน่
เมื่อซินเยว่ล้างหน้าเช็ดตัวเสร็จฮุ่ยหลิงก็ยกข้าวต้มน้ำใสกับยาขมปี๋เข้ามา นางกินเข้าไปนิดหน่อยแล้วจึงดื่มยาตามฮุ่ยหลิงยกน้ำชาให้นางล้างปากแก้ขมจากนั้นจึงยกถ้วยยาออกไป