บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

“ทำไม...ทำไม ท่านถึงได้ประณามดิฉันรุนแรงขนาดนั้นล่ะเจ้าคะ ทำไม...ท่านถึงดูถูกดิฉันได้ถึงขนาดนั้น?”

“หล่อนน่าจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า...ขอทานย่อมไม่มีทางเลือกอยู่บ้างใช่ไหม...ในเมื่อเราก็เห็นๆ กันอยู่ว่า ในที่สุดแล้ว หล่อนก็จะต้อแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีนั้นเพียงอย่างเดียว...แต่ขณะนี้ หล่อนก็ยังยืนยันว่ามันไม่ใช่วิธีที่อยู่ในความคิดของตัวเอง...ซึ่งตามความเห็นของฉันแล้ว มันก็เป็นวิธีเดียวที่หล่อนจะหาเงินก้อนใหญ่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว...ฉันเองก็ไม่อยากเห็นหนี้สูญ เอาเป็นว่าหล่อนไปขอความช่วยเหลือที่อื่นก็แล้วกัน”

“ท่าน...ท่านคงไม่...ไม่ใจร้ายขนาดนั้น...” หางเสียงของเอรีน่าบอกความสิ้นหวัง

“ฉันหมายความตามที่พูดทุกตัวอักษรเลย...จริงๆแล้วหล่อนไม่มีสิทธิ์ที่จะเหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้ แล้วก็มาขอร้องให้ฉันช่วยเหลือผู้หญิงที่ไม่สมควรจะลวงล่อน้องสามีฉันไปตั้งแต่แรกเสียด้วยซ้ำ...แม่หล่อนไม่ใช่บุคคลที่ฉันจะต้องยื่นมือเข้าไปร่วมรับผิดชอบกับหล่อนด้วย”

“โอ...คุณหญิงเจ้าขา...ได้โปรดเถอะนะเจ้าคะ...ได้โปรดพยายามเข้าใจดิฉันหน่อย...ดิฉันก็ได้กราบเรียนคุณหญิงไปแล้วว่า เวลานี้ดิฉันจนปัญญาจริงๆ ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร...ดิฉันเชื่อมั่นอย่างที่สุดเลยนะเจ้าคะ ว่าถ้าท่านเซอร์โรเบิร์ตยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะต้องให้ความช่วยเหลือมาม่าแน่เลยเจ้าค่ะ”

เอรีน่าสะอื้นเบาๆ เมื่อกล่าวต่อ

“ตอนที่ท่านพูดกับดิฉันวันฝังศพพ่อ...ดิฉันก็รู้ได้เลยเจ้าค่ะ...ว่าถึงแม้ท่านทั้งสองจะมีความขัดแย้งกันอยู่...แต่จริงๆ แล้ว เซอร์โรเบิร์ตรักพ่อของดิฉันมากนะเจ้าคะ”

“นี่...ฉันจะพูดให้หล่อนได้รับรู้ไว้นะว่าถ้าสามีฉันจะโง่เที่ยวสงสารใครต่อใครถึงขนาดนั้นมันก็เรื่องของเขา แต่ไม่ใช่ฉันแน่” โอลีฟกระแทกเสียงใส่ “เอาละ...ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับหล่อนอีกต่อไปแล้ว เชิญหล่อนกลับไปหาแม่ของหล่อนเถอะ ถ้าไม่สบายมากนักก็ส่งเข้าโรงพยาบาลเสียสิ...”

“ถึงแม้จะมีเตียงว่างโรงพยาบาลของรัฐบาล...”เอรีน่าพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ดิฉันก็คงไม่ยอมส่งแม่เข้าไปหรอกค่ะ เพราะการทำอย่างนั้นเท่ากับฆ่าแม่ให้ตายทั้งเป็น...ท่านไม่รู้หรอกว่าโรงพยาบาลนั่นน่ะมันสกปรกขนาดไหน เชื้อโรคแพร่กระจายไปทั่ว...แถมหมอก็ยังไม่มีความสามารถ...”

“ทั้งหมดที่หล่อนพูดมานี่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันทั้งสิ้น” โอลีฟขัดขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ “เชิญหล่อนกลับไปได้แล้วและจงอย่าได้กลับมาที่นี่อีก ถ้าแม่ของหล่อนจะเกิดตายขึ้นมา มันก็เป็นความผิดของเขาเองจะไปตำหนิว่าใครเขาไม่ให้ความช่วยเหลือไม่ได้ นี่ละกรรมที่แม่ของหล่อนเคยทำไว้ในอดีต รู้ไว้เสียด้วย”

“ทำไม...ทำไม คุณหญิงถึงใช้คำพูดโหดร้ายอย่างนี้...?” เอรีน่าร้อง “ความผิดของแม่ดิฉันมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือที่ท่านรักปาป้า...ซึ่งก็เช่นเดียวกับที่ปาป้ารักท่าน...รักจนไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะสำคัญยิ่งกว่าอีกแล้ว...”

“อย่างนั้นเรอะ...น่าแปลกนะ ที่มาถึงวันนี้ หล่อนกลับเห็นว่าเงินกลายเป็นสิ่งสำคัญกว่า...” โอลีฟเยาะให้ “เอาละ...ฉันจะช่วยหวังอีกคนว่าหล่อนจะหาเงินจำนวนนั้นได้ แต่เห็นจะไม่ใช่จากฉันแน่”

ลอร์ด อลิสแตร์ ได้ยินเสียงเอรีน่าร้องออกมาดังลั่นและตามมาด้วยเสียงสะอื้นให้...

“นี่ พาตัวผู้หญิงคนนี้ออกไปให้พ้นจากบ้านฉันได้แล้ว แล้วก็คอยดูด้วยอย่าให้กลับมาเพ่นพ่านแถวนี้อีก ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ถ้าลอร์ด อลิสแตร์ มาละก้อขึ้นไปบอกให้ฉันรู้ด้วย”

“แต่ คุณหญิงขอรับ...”

เบทสันไม่ทันพูดให้จบประโยคก็พอดีกับที่มีเสียงของหนักๆ ตกลงกระทบพื้น เหมือนใครเป็นลมล้มลง ลอร์ด อลิสแตร์ ได้ยินเสียงเขาร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

โดยไม่ทันคิดว่าตนเองเสียมารยาทที่เข้ามาแอบฟังอยู่ในห้องนี้จนได้ยินทุกประโยคคำพูดที่โอลีฟกับหญิงสาวตอบโต้กันอยู่ ลอร์ด อลิสแตร์ ผลักประตูบานพับที่กั้นระหว่างห้องให้เปิดออกและวิ่งเข้าไปในห้องรับแขก

โอลีฟหายตัวออกไปจากห้องแล้ว มีเพียงร่างแบบบางของหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนอยู่บนพื้นห้อง ขณะที่เบทสันกำลังก้มมองอยู่ด้วยความห่วงใย

พอลอร์ด อลิสแตร์ เข้าไปถึงตัว หญิงสาวผู้นั้นก็ปรือเปลือกตาขึ้น เสียงที่เธอเปล่งออกมานั้นราวจะขออภัยอยู่ในที่...

“ไปเอาบรั่นดีมา” ลอร์ด อลิสแตร์ ออกคำสั่งกับเบทสัน ซึ่งหัวหน้าคนรับใช้ของโอลีฟก็รีบปฏิบัติตามทันที

“ลอร์ด อลิสแตร์ คุกเข่าลงข้างตัวเอรีน่า บีเวอลี่ย์สังเกตเห็นเรือนร่างที่แบบบาง แก้มตอบซูบซีดเหมือนคนขาดอาหาร เขาบอกกับตัวเองว่า ที่เธอเป็นลมล้มลงเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะความหิวมากกว่าจะเพราะความสิ้นหวังที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือทั้งที่บากหน้ามา”

ดวงตากลมโตคู่นั้นจดจ้องมองหน้าเขาอยู่ ดวงตาของเธอไม่ใช่สีฟ้าแต่เป็นสีเขียวอ่อนราวสีน้ำในลำธารวู้ด สตรีม จมูกโด่งเป็นสันงดงามแบบผู้ที่มีสายเลือดขุนนางหรือพระราชวงศ์ ส่วนริมฝีปากนั้นแม้จะค่อนข้างบางแต่ก็เรียวโค้งได้รูป เพียงแต่เผือดซีดมาก ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ไม่ได้รับประทานอาหารที่ดีมีคุณค่าอย่างเพียงพอมากกว่า

“ดิฉัน...ดิฉัน...ขอโทษค่ะ”

เขาแทบไม่ได้ยินเสียงที่เธอเปล่งคำพูดประโยคนั้นออกมา

“ไม่เป็นไรหรอก...” เขาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นอนนิ่งๆ อยู่ก่อน เดี๋ยวคนรับใช้จะเอาอะไรบางอย่างมาให้ดื่ม”

“ดิฉัน...คงต้องไป...ก่อนค่ะ”

“เดี๋ยวเดียวเท่านั้น ไม่ได้เสียเวลาอะไรเลย”

ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นก็พอตีกับที่เบทสันรีบรุดเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับบรั่นดีในแก้วใบเล็ก ลอร์ด อลิสแตร์รับแก้วมาจากมือเขา ช้อนศีรษะเอรีน่าขึ้นเอาแก้วจรดลงตรงริมฝีปาก

เธอจิบบรั่นดีเพียงเล็กน้อย เนื้อตัวสั่นระริกเมื่อมันลวกร้อนขณะลามไหลลงในลำคอ

“ไม่...พอแล้วค่ะ” เธอรีบปฏิเสธ

“ดื่มอีกนิดเถอะ มันจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น” ลอร์ด อลิสแตร์ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

และราวกับเธอเองก็สิ้นเรี่ยวแรงที่จะโต้แย้ง จึงยอมปฏิบัติตามคำสั่งของเขาแต่โดยดี เพียงครู่สีเลือดก็ซ่านขึ้นบนนวลหน้า

“ดิฉัน...ต้องขอประทานโทษค่ะ ที่ทำอะไรโง่ๆ ลงไป” น้ำเสียงของเธอแฝงความตื่นกลัว หวาดวิตกปนลังเลอย่างเห็นได้ชัด

“ผมเข้าใจดี” ลอร์ด อลิสแตร์ ตอบ “เมื่อครู่นี้คุณซ็อกไป เดี๋ยวผมจะเรียกรถม้าให้ไปส่งคุณกลับบ้าน”

“โอ...อย่าเลยค่ะ...เราไม่มีเงินมากพอที่จะเสียค่ารถหรอก” เอรีน่ารีบปฏิเสธทันที

“คุณไม่ต้องเสียค่าเช่าอะไรทั้งนั้น...มา...ผมจะช่วยพยุงคุณขึ้น”

เขารู้ว่าบรั่นดีกำลังทำงานของมันอย่างได้ผล เขาพยุงร่างเอรีน่าให้ลุกขึ้นยืน เนื้อตัวเธอช่างเบาเสียเหลือเกินแต่เขาก็ยังสังเกตเห็นอยู่ว่า แม้เธอจะดูตัวเล็กตอนที่นอนอยู่บนพื้น แต่เมื่อยืนขึ้นเธอกลับมีเรือนร่างที่ค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ตาม เธอยังทรงกายได้ไม่ดีนัก ลอร์ด อลิสแตร์ ต้องช่วยพยุงไว้ขณะที่เธอเริ่มก้าวเดิน

“ไปเรียกรถม้าให้คันสิ...” ลอร์ด อลิสแตร์ ออกคำสั่งเสียงเข้ม เบทสันรีบวิ่งไปสั่งคนรับใช้ให้ตามรถม้าโดยด่วน และเมื่อลอร์ด อลิสแตร์ พยุงเอรีน่าออกมาถึงบันไดด้านนอก รถม้าก็วิ่งเข้ามาจอดเพียบพอดี

“ขอบคุณท่านมากค่ะ...ท่านช่างใจดีมีเมตตาต่อดิฉันเหลือกัน...”

“ผมอยากทราบที่อยู่ของคุณด้วย” ลอร์ด อลิสแตร์ กล่าว “เพราะผมจะต้องบอกคนขับว่าให้ไปส่งคุณที่ไหนและในตอนบ่ายวันนี้ ผมจะจัดส่งอาหารและสิ่งของที่จำเป็นไปให้คุณแม่ของคุณด้วย”

“โอ...ไม่ต้องค่ะ...ไม่ต้อง...กรุณาอย่าลำบากเพราะดิฉันเลยค่ะ”

“มันเป็นอะไรบางอย่างที่ผมมีความตั้งใจจริงที่จะทำ” ลอร์ด อลิสแตร์ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หน้าที่คุณก็เพียงแค่บอกตำบลที่อยู่ให้ผมทราบเท่านั้น”

“มันเป็นแค่ห้องเช่าอยู่ที่บลูมสเบอรี่ สแควร์ค่ะ...เป็นห้องเล็กๆ...ที่เราพอเช่าเขาอยู่ได้...แต่ว่า...พรุ่งนี้เราก็ต้องไปจากที่นั่นแล้ว”

“ห้องของคุณเลขที่เท่าไหร่...?”

“เลขที่ยี่สิบเจ็ดค่ะ...เอ้อ...ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ท่านเมตตาต่อดิฉันมากเหลือเกิน”

เอรีน่ายื่นมือมาให้เขาสัมผัส และเนื่องจากเธอไม่ได้สวมถุงมือไว้ ลอร์ด อลิสแตร์ จึงได้สัมผัสฝ่ามือเรียวบางที่เย็นเฉียบ

เขาหันไปสั่งคนขับรถพร้อมทั้งชำระค่าโดยสารล่วงหน้าให้เป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่รถม้าคันนั้นจะเคลื่อนออกจากที่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel