บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 (2)

“เรารู้สึกปวดหัว” เกณิกาพูดแทรกขึ้นเมื่อปรินทร์กำลังจะเล่าถึงฉากสำคัญ เธอไม่อยากฟังไม่อยากรับรู้ให้ตัวเองปวดใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทานยาหรือยัง” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดูเป็นห่วงเป็นใยเธอเสียเหลือเกิน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงเคลิ้มจนนอนหลับฝันดีไปทั้งคืน แต่คืนนี้มันคงต่างออกไป

“ทานแล้วละ นี่ยาคงออกฤทธิ์ ง่วงมากๆ” ว่าพลางทำท่าหาว “เอ่อ...งั้นไม่กวนแกแล้วนอนเถอะ แล้วอย่าลืมห่มผ้าหนาๆ ละ ฝันดีนะ”

“ฝันดี” เกณิกาเงียบไปนิดหนึ่งแล้วตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดมันมาตลอดออกไป “ปริ๊นซ์ฉันรักแกนะโว้ย” เหมือนต้นสายจะเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมีเสียงหัวเราะดังมาตามสาย

“เอ้อ...ฉันก็รักแกเหมือนกัน แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยนะ” เมื่อตอบกลับมาอย่างนี้ เกณิกาก็ได้แต่หัวเราะอย่างสมเพชตัวเองในใจแล้ววางสายไปโดยไม่พูดอะไรอีก

อย่างมากคงได้แค่คำว่าเพื่อนสินะ

“ว่าไงว่าที่เจ้าบ่าว แต่งตัวจะไปไหนแต่เช้า” เสียงล้อจากบิดาที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปจิบกาแฟไปดังขึ้น โดยมีมารดาที่นั่งทานน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ ซึ่งในวันหยุดที่ทั้งสองมักจะมานั่งแบบนี้ที่สวนหน้าบ้านเป็นประจำ

“ผมว่าจะไปหายัยเกมนะครับ”

“หือ...” บุพการีทั้งสองครางออกมาพร้อมกันอย่างแปลกใจ เมื่อคนที่ลูกชายคิดจะไปหาไม่ใช่ว่าที่เจ้าสาวกลับเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ครอบครัวเห็นหน้าค่าตากันบ่อยๆ

“คือยัยนั่นเป็นหวัด เมื่อคืนผมโทรหา น้ำเสียงท่าทางไม่ดีวันนี้เลยว่าจะแวะไปหาเสียหน่อย” จากน้ำเสียงและท่าทางที่ดูจะเป็นห่วงจนออกนอกหน้าทำให้คนเป็นมารดาอดที่จะถามไม่ได้

“ปริ๊นซ์ลูกแน่ใจนะว่าจะแต่งงานกับหนูผึ้งจริงๆ น่ะ”

“จริงสิครับแม่ ไม่จริงแล้วผมจะขอเขาแต่งงานทำไม” คนเป็นลูกชายตอบเสียงกลั้วหัวเราะพร้อมกับหยิบปลาท่องโก๋ของมารดาเข้าปาก

“แม่นึกว่าเราจะตกลงปลงใจกับหนูเกมเสียอีก เห็นไปไหนมาไหนด้วยก่อนบ่อยๆ”

“โอ้ย...กับยัยเกมนี่แค่เพื่อนสนิทครับแม่ เราซี้กันมาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอกครับ” ปรินทร์ตอบอย่างไม่คิดมาก ทว่าผู้สูงวัยกลับมองตากัน

“แล้วกับหนูผึ้งคบกันมานานเท่าไหร่แล้วล่ะ” นางอริศราถามอย่างคนที่เพิ่งจะได้ซักลูกชายจริงจังครั้งแรก หลังจากที่ลูกชายพาแฟนสาวมาที่บ้านสองครั้ง ก่อนจะประกาศว่าขอสาวเจ้าแต่งงงานเมื่อคืน

“ครึ่งปีครับ แม่ถามทำไม” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย

“เปล่าหรอก แม่แค่อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้คนเจ้าชู้อย่างแกคิดอยากจะแต่งงานก็เท่านั้นเอง หนูผึ้งนี่เก่งนะเอาแกอยู่”

“ครับ เห็นว่าแอบถามเคล็ดลับจากยัยเกม และอีกอย่างผมก็คิดว่าเขาคือคนที่ใช่ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่งี่เง่าเหมือนคนที่ผ่านๆ มา”

“แล้วหนูเกมล่ะ” นางอริศราลองถามหยังเชิงลูกชายดู เหมือนยังข้องใจอะไรบางอย่างอยู่

“นั่นยิ่งกว่าสบายใจ ผมคุยกับยัยนั่นได้ทุกเรื่อง พูดง่ายๆ เราสองคนแทบจะไม่มีความลับต่อกัน” รอยยิ้มที่ปรากฏเมื่อยามเอ่ยถึงเพื่อนสนิทของลูกชายทำให้นางอริศรายกมือนวดขมับ

“เหรอ มีเพื่อนแบบนี้ก็ดีเนอะ” จากประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน นางที่เฝ้ามองดูพฤติกรรมของลูกชายมาตลอด เพียงแค่เห็นจากที่ลูกชายให้ความสำคัญเพื่อนสนิท ทั้งน้ำเสียงและแววตายามที่เอ่ยถึง มันบ่งบอกอะไรได้มากมาย โดยที่เจ้าตัวเองก็คงไม่รู้สึกตัว

“ดีมากๆ เลยครับ ผมต้องไปแล้วนะครับ เผื่ออาการยัยนั่นไม่ดีขึ้น คงต้องได้บังคับไปหาหมอ และกว่าจะพาไปได้คงต้องบังคับขู่เข็ญกันยกใหญ่ ไปนะครับ”

“จ้า” นางอริศรามองตามหลังลูกชายแล้วถอนหายใจ ก่อนจะหันมาพูดกับสามี “ลูกเรากำลังมองข้ามอะไรสักอย่างไปหรือเปล่าคะ”

“คนเรามักจะมองไม่เห็นคนใกล้ตัว...พวกนี้เสียใจมานักต่อนักเพราะกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว” นายปรารภพูดโดยสายตายังจับจ้องหนังสือพิมพ์ที่กางอยู่ตรงหน้า

“แล้วเราจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้หรือคะ”

“อย่าไปคิดมากเลยคุณ คู่กันแล้วไม่แคล้วกันหรอก จากกันไกลสุดขอบฟ้าสุดท้ายมันก็มีอันต้องวกกลับมาเจอกันจนได้แหละ เว้นแต่ว่ามันไม่ใช่” ได้ยินอย่างนั้นนางอริศราก็ไม่มีอะไรจะค้าน สุดแท้แต่ฟ้าจะลิขิต ได้แต่หวังว่าลูกชายของนางจะรู้สึกตัวในเร็ววัน



ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel