บทที่ 9 ปั้นหน้าต้อนรับนารา
“แต่วันนี้เห็นที พี่คงปล่อยให้นาไปหางานไม่ได้แล้วล่ะ” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้วแปลกใจ ก่อนเขาจะเอื้อมมาจับมือบางแล้วกำแน่น สบสายตาอ่อนโยนมองเธออย่างมีความหมาย จนนารารู้สึกเขินอายแล้วรีบหลบสายตานั้นในทันที
“พี่ทินหมายความว่าไงเหรอคะ” ใบหน้าสวยงามของคนตรงหน้าไม่อาจทำให้ทินธรห้ามใจได้ เขากลืนน้ำลายแล้วเลื่อนมือจับไรผมเธอทัดหูช้า ๆ อย่างถนอม ภายในห้องอันเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมหายใจของหญิงสาวที่ดังลอดออกมาพร้อมแววตาเป็นประกายจับจ้องมองชายหนุ่มไม่วางตา
“ทำไมแฟนของพี่สวยจัง” คำหวานแสนอบอุ่น ทำให้นาราเผลอใจหลุดลอยไป ก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงหอมแก้มนวลช้า ๆ ด้วยความหลงใหลอย่างถึงที่สุด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ต่อต้าน เขาจึงเลื่อนริมฝีปากบรรจงจูบเธออย่างดูดดื่ม ก่อนนาราจะได้สติแล้วค่อย ๆ ผลักแฟนหนุ่มออก
“พี่ทินหยุดก่อนค่ะ” น้ำเสียงอ่อนเผยออกมาบางเบาพร้อมแววตาไม่มั่นใจ
“ทำไมล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“นายังไม่พร้อม”
“เราคบกันมาสามปีแล้วนะครับ พี่อดทนมานานมากแล้ว ไม่เห็นใจบ้างเหรอ” เขาเดินไปจับมือแฟนสาวแล้วพยายามเกลี้ยกล่อม ก่อนดวงตาประหม่าของนาราจะเลื่อนมองเขาด้วยความเห็นใจ
“พี่ขอนะ” เขาพูดตรง ๆ แล้วพยายามจับร่างเล็กเข้าหา บรรจงหอมแก้มและจูบปากเรียวเล็กอีกครั้ง ก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย สัญชาตญาณบางอย่างของหญิงสาวทำให้เธอรีบปฏิเสธชายหนุ่มทันที
“พี่ทินคะ นายังไม่พร้อมจริง ๆ” เมื่อเห็นว่าเธอปฏิเสธด้วยท่าทางจริงจัง ชายหนุ่มจึงตัดใจไม่รบเร้า ก่อนพยักหน้ายอมรับ แล้วยกมือลูบศีรษะหญิงสาวอย่างถนอม
“ถ้างั้นไปหาคุณแม่กับพี่อีกครั้งนะ” นาราได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้ามองทินธรด้วยความสับสน บวกกับความหวาดหวั่นในจิตใจ หญิงสาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนชายหนุ่มจะปล่อยยิ้มกว้างออกมา
“ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนเดิมอีก ไปหาคุณแม่กับพี่อีกครั้นนะคนดี”
“นาไม่อยากให้คุณแม่ท่านอึดอัดค่ะ รอให้ท่านเปิดใจมากกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอคะ นาไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต่อสู้กับเรื่องนี้ แต่คิดว่า...หากไปหาท่านบ่อย ๆ อาจเป็นการทำให้ท่านอึดอัดใจเปล่า ๆ” หญิงสาวให้เหตุผลขณะที่มือหนายังคงลูบศีรษะเธออย่างถนอม
“แต่ว่าครั้งนี้ ท่านให้พี่มาชวนนะ นาจะปฏิเสธงั้นเหรอ” สิ้นคำพูดชายหนุ่ม ดวงตาเป็นประกายของหญิงสาวปรากฏขึ้นทันทีด้วยความแปลกใจ
“คุณแม่ท่านชวนงั้นเหรอคะ”
“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับอย่างมั่นใจ
“งั้นก็ได้ค่ะ” รอยยิ้มอ่อนหวานของหญิงสาวปรากฏขึ้นอย่างสวยงาม พร้อมทินธรพาเธอเดินทางกลับบ้านหลังใหญ่ทันทีตามแผนการที่ได้วางไว้กับมารดา
เพียงก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ของตระกูลวายุภักษ์ ความรู้สึกของนาราก็เปลี่ยนไปในทันทีเมื่อวีรดาเดินเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง ผิดกับคราวก่อนราวกับหน้ามือหลังมือ หญิงสาวไม่รอช้ารีบยกมือไหว้ทักทายทันทีด้วยกิริยาอ่อนน้อม
“วันนี้ฉันให้แม่บ้านทำกับข้าวไว้หลายอย่างเลยล่ะ หนูนาอยู่ทานอาหารด้วยกันนาน ๆ หน่อยนะ” หญิงสาวพยักหน้ายิ้มรับ พลันเลื่อนมองทินธรด้วยความแปลกใจ หากแต่เขาทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จูงมือเธอเดินมายังโต๊ะอาหารที่มีแม่บ้านทยอยนำอาหารมากมายออกมาจากในครัว
นาราเลื่อนสายตามองอาหารหลากหลายเมนู พลันหันไปยังวีรดาด้วยความแปลกใจ ก่อนรอยยิ้มของอีกฝ่ายจะทำให้เธอค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
“ไม่รู้ว่าจะถูกปากหรือเปล่า แต่ฉันก็ให้แม่บ้านทำเต็มที่แล้ว ลองชิมสิ” วีรดาตักแกงเขียวหวานใส่จานหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มเมตตา
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวน้อมกายลงเล็กน้อย แล้วตักอาหารขึ้นชิม ก่อนจะเอ่ยชมตามมารยาท
“อาหารอร่อยมากเลยค่ะ”
“ฉันดีใจที่เธอชอบ” วีรดาตอบพลางเลื่อนสายตาไปยังลูกชายเพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง
“อีกครึ่งชั่วโมงพี่มีประชุมด่วน นาอยู่กับคุณแม่สักสามชั่วโมงได้ไหมครับ” ด้วยความเกรงใจจึงทำให้หญิงสาวอึกอัก ก่อนวีรดาเห็นเป็นจังหวะจึงรีบพูดขึ้น
“อยู่เป็นเพื่อนแม่หน่อยนะ วันนี้แม่เบื่อ ๆ อยากมีเพื่อนนั่งคุยด้วยให้คลายเหงา เสร็จแล้วเดี๋ยวทินก็มารับ... ส่วนทิน ลูกไม่ต้องห่วงนาราหรอกนะ แม่จะดูแลว่าที่สะใภ้คนนี้อย่างดีเลย” ทินธรพยักหน้าแล้วหันมายังแฟนสาวของเขาพร้อมรอยยิ้มอ่อน
“อยู่กับคุณแม่ของพี่ก่อนนะ เสร็จธุระแล้วพี่จะรีบมารับ”
“อย่างนั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนสองแม่ลูกจะมองหน้ากันแล้วปล่อยยิ้มออกมาอย่างมีความหมาย
หลังจากเสียงรถของทินธรแล่นออกจากบ้านหลังใหญ่ ขนมหวานก็ถูกแม่บ้านยกมาเสิร์ฟทันที
“ลองชิมสิ บัวลอยไข่หวาน เดี๋ยวนี้หาอร่อย ๆ ทานยากแล้วเหมือนกัน ว่าแต่ขนมพวกนี้เป็นขนมโบราณ เด็กรุ่นใหม่อย่างเธอจะชอบหรือเปล่าก็ไม่รู้” นาราได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้น
“ที่สถานสงเคราะห์มีคนใจดีเอามาเลี้ยงเราบ่อย ๆ ค่ะ นาทานได้ค่ะ” วีรดาได้ยินดังนั้นจึงฝืนยิ้มออกมา ขณะในใจรู้สึกรังเกียจอย่างบอกไม่ถูก ด้วยฐานะของอีกฝ่ายไม่มีส่วนใดเหมาะสมกับลูกชายแม้แต่น้อย แต่ด้วยจุดมุ่งหมายข้างหน้าจำเป็นต้องพึ่งพาหญิงสาวตามคำแนะนำของทินธร
“ฉันขอโทษเธอด้วยนะ ที่คราวก่อนพูดจาไม่ถนอมน้ำใจเธอเท่าไหร่ พอดีฉันค่อนข้างตกใจที่อยู่ ๆ ทินเขาพาคนแปลกหน้าเข้าบ้าน เพราะโดยปกติแล้วเขาไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้านเลย มีเธอเป็นคนแรก” แม่บ้านที่ยืนฟังอยู่ถึงก้มหน้าลงอย่างมีพิรุธ
