บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ตระกูลมู่ (4)

น้ำเสียงนุ่มทุ้มตอบกลับมา มู่เหรินเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ อาจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เงาร่างนี้ยอมคุยกับเขา จำได้ว่าหลิงหวางมาติดตามเขาเมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้นเขาอายุได้สิบเอ็ดปี คำตอบที่ได้รับไม่เกินจากที่คิดไว้ก่อนจะยื่นหมั่นโถวห้าลูกให้

“กินก่อน ต่อไปนี้ไม่ต้องแอบตามแล้วเพราะยังไงข้าก็รู้อยู่ดีว่าเจ้าอยู่ตรงไหน”

“ขออภัยขอรับ ข้ามิอาจทำได้” มู่เหรินมองคนปฏิเสธแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ขึ้นชื่อว่าเงาหากออกมาแล้วไซร้จะกลายเป็นเงาได้อย่างไร

“ไม่เหงาหรือ ไม่ได้คุยกับใครและต่อไปนี้เจ้าจะไม่มีพี่น้องเหมือนในจวนมู่อีกแล้วนะ”

“ไม่ขอรับ” น้ำเสียงหนักแน่นตอบกลับมาไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ

“ไหน ๆ ท่านพ่อก็ออกข่าวลือว่าข้าหนีตามบุรุษมาแล้ว เจ้าก็มาเป็นบุรุษผู้นั้นแล้วกัน”

มู่เหรินกล่าวเสียงเรียบแต่คนรับคำสั่งมีสีหน้าอึกอักเล็กน้อยใบหน้าแดงซ่านอย่างอับอาย เขายกยิ้มบางอย่างพึงใจ เรื่องอะไรเขาจะอับอายขายหน้าเพียงคนเดียว อย่างน้อยก็หาแพะ? มารับกรรมเป็นเพื่อน

หลังจากบังคับขู่เข็ญหลิงหวางออกจากเงาตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มไม่ต่างจากตน บนหัวมีหมวกปีกสานใบใหญ่ปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิดทั้ง ๆ ที่หน้าตาออกจะธรรมดา ท่าทางจะไม่ชอบให้ใครมองหน้าจริง ๆ ไม่สิ นี่แค่เป็นหน้าหลอก ๆ ของเจ้าตัวมากกว่า แต่เรื่องนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจเพราะอย่างไรเขาก็จดจำคนผู้นี้จากกลิ่นอายรอบตัว

มู่เหรินมองแผนที่ในมือเพื่อมุ่งหน้าไปยังหุบเขาปีศาจตามคำแนะนำของบิดา แต่ต้องนิ่วหน้าเพราะแผนที่มิได้บ่งบอกว่าหุบเขาปีศาจอยู่ที่ใดเพราะในประวัติศาสตร์สมัยจั้นกั๋วก็ไม่ได้เล่าเกี่ยวกับหุบเขาปีศาจอีกด้วย เมื่อเงยหน้ามองเพื่อนร่วมเดินทางก็ต้องเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ การที่ให้ออกมาจากเงาทำให้ชีวิตมืดมนขนาดนั้นเชียวหรือ

“อีกหน่อยเดี๋ยวก็ชินเอง”

เอ่ยบอกเสียงเรียบก่อนจะก้มมองหาจุดสำคัญ หากเดาไม่ผิดไม่อยู่แคว้นฉีก็ต้องอยู่แคว้นฉิน แต่ว่ามันอยู่ระหว่างเหนือกับใต้ที่ห่างกันไกลมาก เพราะเช่นนี้ในประวัติศาสตร์ในจีนแคว้นฉินถึงไม่มาโจมตีแคว้นฉี

“เจ้ารู้จักหุบเขาปีศาจหรือไม่” ในเมื่อไม่รู้จึงเอ่ยถามคนข้างกายที่ยืนนิ่ง ๆ หลิงหวางเงยหน้ามามองเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับเสียงเรียบ

“หุบเขาปีศาจอยู่หุบเขาสูงลึก รายล้อมด้วยป่าดงดิบแทบจะหาผู้คนมิได้ขอรับ”

คำตอบที่ได้รับทำให้มู่เหรินหรี่ตามองหลิงหวาง รู้ว่าเขาฉลาดหลักแหลมแต่ช่วยรู้หน่อยเถอะว่าโจทย์แค่นี้เขาไม่รู้หรอก อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกที่ออกจากบ้านเชียวนะ

“เจ้าติดตามข้ามาห้าปีไม่รู้หรือว่านี่เป็นการออกจากบ้านครั้งแรกของข้า”

“ขออภัยขอรับ ข้าเองก็เพิ่งเคยออกมาพร้อมกับท่านขอรับ”

คำตอบเรียบนิ่งของคนตรงหน้าทำให้มู่เหรินอึ้งไปเล็กน้อย คนอย่างนี้เรียกว่ากวนเบื้องล่างด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเอาจนเขาพูดไม่ออก ได้แต่คิดทบทวนตำราในสมองไปมา

“หากจำไม่ผิดน่าจะอยู่ที่แคว้นฉิน”

คำกล่าวของนายน้อยทำให้หลิงหวางมองตามอย่างไม่เข้าใจเพราะนายน้อยไม่ได้ออกจากเมืองหลวงแคว้นฉีเลย แต่ก็ยอมเดินตามไปแม้จะไม่รู้เส้นทางแต่ความฉลาดล้ำของคุณชายมู่เหรินไม่มีทางผิดพลาด แต่ว่าแคว้นฉินอยู่คนละทิศกับแคว้นฉี แล้วอีกกี่เดือนเล่าจะไปถึงหากเดินด้วยสองเท้าเช่นนี้

“ข้าไม่ได้รีบร้อน เดินทางไปเรื่อย ๆ ถึงเมื่อไรก็เมื่อนั้น”

คำกล่าวเหมือนมานั่งอยู่กลางใจทำให้หลิงหวางสะท้านในอกอย่างหวาดหวั่น หรือว่านายน้อยจะมีวิชาอ่านใจ?

มู่เหรินมองแผนที่ พอจะเข้าใจแล้วจึงเก็บไว้ในอกเสื้อเช่นเดิม หันไปมองผู้ติดตามเพียงคนเดียวที่ไม่พูดไม่จาแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ สงสัยเขาจะมากับคนใบ้ ดีที่เขาพออ่านสีหน้าและท่าทางของอีกฝ่ายออกแม้จะไม่เห็นแววตาที่ปกปิดด้วยหมวกสานก็ตาม

มู่เหรินมองดูรอบกายด้วยแววตานิ่งเฉย แม้จะไม่ได้ออกมานอกเมืองบ่อยนักแต่ทุกอย่างเบื้องหน้าล้วนเหมือนกันไปหมด มีแต่ป่า ป่า...และริมธาร ในช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิทำให้สีสันดอกไม้งดงามตา ธรรมชาติที่งดงามเช่นนี้หาได้ยากในโลกปัจจุบัน ถือว่าเขาโชคดีที่เกิดมาใหม่ในที่แบบนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel