มู่เหรินจอมคนอัจฉริยะ

191.0K · จบแล้ว
หลิ่งฟาง
173
บท
23.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“มู่เหริน” คืออัจฉริยะที่เกิดขึ้นในรอบร้อยปี ทว่าแท้จริงแล้วดวงวิญญาณที่อยู่ในร่างเป็นถึงศาสตราจารย์สอนประวัติศาสตร์ผู้รอบรู้ ที่กลับชาติมาเกิดใหม่พร้อมความทรงจำเดิม การแย่งชิงอัจฉริยะจึงเกิดขึ้น! ความรัก ความผูกพัน จะผูกมัดจอมคนอัจฉริยะผู้นี้ได้หรือไม่... 7 แคว้นที่มีอำนาจแข็งแกร่ง ยามนี้กลับกระสับกระส่ายกับข่าวลือที่ดังกระส่อนไปทั่วทั้ง7แคว้น ทุกแคว้นต่างหมายแย่งชิงจอมคนอัจฉริยะเพื่อความเป็นใหญ่ที่สุดใน7แผ่นดิน ทว่าความฉลาดลึกล้ำของมู่เหริน กลับวางแผนพาตนเองออกจากตระกูลเพื่อไม่ให้ผู้ใดเดือดร้อนเพราะตน การเดินทางจึงเริ่มขึ้น พร้อมความรักและความผูกพันที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว... โดยที่ชะตาดอกท้อเริ่มผลิบานจนยากจะถอยกลับ ในที่สุดก็หลีกหนีบ่วงเสน่ห์องครักษ์เงาไม่พ้น ขณะเดียวกันสงครามแย่งชิงเริ่มรุนแรงมากขึ้น จน “หลิงหวาง” องครักษ์เงาที่หลบซ่อนตัวตนต้องดิ้นรนไขว่คว้าอำนาจเพื่อปกป้องคนที่รัก หมายสยบแคว้นทั้ง7 ไว้ในกำมือ มิให้ผู้ใดมาทำร้ายมู่เหรินได้อีก หนทางเบื้องหน้าจะลงเอยเช่นไรนั้น แล้วแต่จอมคนจะเลือกเดิน... และความรัก ความผูกพัน จะผูกมัดจอมคนอัจฉริยะผู้นี้ได้หรือไม่!

นิยายรักโรแมนติกนิยายแฟนตาซีนิยายแฟนตาซีนิยายเทพเซียนนิยายจีนโบราณนิยายYaoi

บทนำ คุณชายมู่เหริน

“นายน้อยคุณชายเหวินฉินมาขอพบขอรับ”

คำรายงานของบ่าวรับใช้ทำให้ร่างโปร่งบางชะงักงันไปชั่วครู่ ใบหน้างดงามที่ยังคงเยาว์วัยนิ่งเรียบทว่าในใจกำลังหวนนึกไปถึงเจ้าของนามเหวินฉินบุตรชายคนรองของตระกูลเหวินซึ่งเรืองชื่อในเรื่องการค้าขาย

“พาเขาไปรอข้าที่เดิม”

น้ำเสียงนุ่มทุ้มตอบกลับมาโดยไม่ได้ละสายตาจากหนังสือในมือ บ่าวรับใช้ก้มหัวให้พร้อมถอยหลังกลับออกไปจากห้องหนังสือทำหน้าที่ของตนต่อไป

มู่เหรินเหลือบตามองบ่าวรับใช้ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับคนที่มาขอพบ เขาเป็นบุตรสุดท้องของตระกูลมู่ที่รับใช้ราชวงศ์มาหลายชั่วอายุคน ทว่าแท้จริงแล้วเคยมีอีกนามที่เริ่มจะลืมเลือนไปคือนายศิลา เป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย ตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในช่วงฤดูฝน

เขายังจำช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดีเนื่องจากยืนเฝ้ามองร่างของตัวเองซึ่งตกลงไปในหุบเหวจังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลาสามวันโดยที่ไม่อาจไปไหนได้ก่อนจะถูกนำตัวมาเกิดในที่แห่งนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมความทรงจำเดิมยังคงอยู่

ผ่านไปหนึ่งชั่วยามมู่เหรินจึงวางหนังสือลงพร้อมลุกขึ้นยืนเดินไปเก็บไว้ที่ชั้นอย่างเป็นระเบียบเช่นเดิม สายตาเหลือบมองเงาร่างหนึ่งที่ยืนอยู่มุมห้องมืด ๆ เล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังห้องตอบปริศนาทางปีกซ้ายของจวนมู่

ร่างโปร่งบางซึ่งมีความสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดเซ็นติเมตรทว่าใบหน้ากลับงดงามปานล่มบ้านล่มเมืองเป็นสิ่งที่เขาไม่พึงพอใจแม้แต่น้อย บุรุษใดเล่าจะชื่นชอบที่ตัวเองงดงามกว่าอิสตรีเช่นนี้ มันเปรียบเสมือนปมด้อยภายในใจเขาเสียมากกว่า แม้จะยังเยาว์วัยด้วยสิบหกปีแต่ความงดงามกลับเด่นชัดอย่างน่าใจหาย

มู่เหรินเดินผ่านห้องต่าง ๆ ภายในจวนอย่างไม่เร่งรีบ กิริยาดูสูงส่งสง่างามชวนให้คนมองหลงใหล อาภรณ์สีขาวขลิบเงินขับผิวขาวผ่องให้ดูเฉิดฉายยิ่งขึ้น

ร่างสูงโปร่งเดินมาหยุดที่ห้องตอบปริศนาที่ผู้คนทั่วแคว้นต่างแวะเวียนมาประลองปัญญากับเขา ใช่ คนที่นี่คิดว่าเขาเป็นเด็กอัจฉริยะในรอบร้อยปี ที่เผลอแสดงปัญญาออกไปเมื่อสองปีก่อนในวันไหว้พระจันทร์ซึ่งมีกิจกรรมให้ตอบปัญหา ไม่คิดว่าการนึกสนุกในวันนั้นจะนำความยุ่งยากมาให้ถึงทุกวันนี้

ทันทีที่ประตูกั้นฉากเปิดออกเจ้าของใบหน้าคมคายแลดูชายหนุ่มเจ้าสำราญก็เงยหน้ามามองมู่เหรินทันที อาภรณ์สีเขียวอ่อนทำให้เจ้าตัวสดใสยิ่งขึ้น แม้จะปล่อยให้ทุกคนที่ต้องการมาประลองปัญญารอนานกว่าหนึ่งชั่วยามก็มิมีใครกล้าติติง อาจเป็นเพราะเขามิได้โอ้อวดอีกทั้งแค่ยอมออกมาพบก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว

“ข้าคิดว่าจะได้รอเจ้านานกว่านี้เสียอีก”

น้ำเสียงอ่อนโยนและใบหน้ายิ้มแย้มทำให้มู่เหรินเหลือบตามองเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม

“วันนี้เจ้ามีสิ่งใดมาถาม” มู่เหรินเอ่ยถามอย่างเป็นการเป็นงานโดยไม่ได้สนใจสายตาเคลิบเคลิ้มของเหวินฉิน

“เจ้านี่ช่างใจร้อนจริง”

น้ำเสียงผิดหวังและดวงตาสลดลงไม่ได้ทำให้มู่เหรินรู้สึกสะทกสะท้าน แต่มองตามอย่างเอือมระอาคล้ายมองเด็กน้อยที่ดื้อดึงจะอยู่คุยกับเขาให้นานกว่านี้ หากคุณชายเหวินฉินมองเขาเพียงแค่สหายผู้หนึ่งคงอาจจะรับไมตรี แต่นี่มองด้วยสายตาน่าขนลุก แค่เห็นก็อยากจะส่งแขกเร็ว ๆ

คุณชายเหวินฉินเป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบหาปริศนามาให้เขาตอบ ทว่าแท้จริงแล้วเจ้าตัวเพียงแค่อยากเห็นหน้าเขาเท่านั้น ความพยายามของคุณชายเหวินฉินนั้นมีมากจนอดนับถือไม่ได้

หากไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่การหาเรื่องมาพบเขากิจการคงรุ่งเรืองมากกว่านี้ เขาเปิดรับตอบคำถามปริศนาหรือไม่ก็ถามกลับไปวันละหนึ่งคนเท่านั้น ซึ่งคนที่จะเข้าพบต้องมีบัตรคิวโดยที่ไม่สนใจว่าจะใหญ่โตมาจากไหน อ่อ ยกเว้นฮ่องเต้เพราะเขาคงไม่มีปัญญาไปขัดราชโองการหรอก

“มีม้าอยู่สองตัวปรากฏว่ามีขนาดสัดส่วนเท่ากันหมด จะรู้ได้อย่างไรว่าม้าตัวไหนเป็นแม่ ม้าตัวไหนเป็นลูก”

เหวินฉินเอ่ยถามปริศนาออกมาอย่างจนใจเมื่อไม่ได้รับความสนใจเหมือนที่ผ่านมา ไม่ว่าอย่างไรคนตรงหน้าเขานี้ก็เย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง

มู่เหรินจิบชาที่จิ่นกวางบ่าวรับใช้คนสนิทรินให้อย่างใจเย็น เหลือบตามองคนที่เอ่ยคำถามอย่างครุ่นคิดกับปริศนาของวันนี้ นับวันเหวินฉินชอบหาคำถามแปลก ๆ มาให้เขาตอบ บางครั้งก็เป็นเรื่องง่าย ๆ อย่างเช่นในเวลานี้

“ข้ามีม้าสองตัวที่ว่ามาให้เจ้าดูด้วย หากเจ้าตอบได้ข้าจะยอมยกม้าศึกสองแม่ลูกนี้ให้กับเจ้า”

“เช่นนั้นนำทางไปเถิด”

มู่เหรินบอกเสียงเรียบพร้อมวางถ้วยชา ลุกขึ้นก้าวเดินตามคุณชายเหวินฉินไปทางโรงม้าที่ฝากไว้ก่อนจะเข้ามาที่ห้องปริศนา

มู่เหรินเดินตามไปเงียบ ๆ เขาไม่ได้อยากได้ม้าศึกดังที่กล่าวมา เพียงแค่อยากกลับไปอ่านหนังสือต่อให้จบจึงไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องไร้ประโยชน์เช่นนี้ ดวงตาเรียวมองม้าพันธุ์ดีสองตัวที่มีสัดส่วนเท่ากันอย่างที่กล่าวมาและเป็นตัวเมียด้วยกันทั้งคู่

สองเท้าก้าวเดินไปโรงเก็บหญ้าข้าง ๆ กันพร้อมหยิบหญ้ามากำหนึ่งขนาดไม่ใหญ่มาก มาวางไว้ให้ม้าทั้งสองตัวกิน เพียงไม่นานผลก็ออกมา เมื่อม้าสีน้ำตาลเข้มทางซ้ายมือใช้เท้าเขี่ยหญ้าไปให้ม้าที่อยู่ทางขวามือ สัญชาตญาณของความเป็นแม่ย่อมให้ผู้เป็นลูกได้กินอิ่มก่อนเสมอ

“ม้าตัวสีน้ำตาลเข้มทางซ้ายมือเป็นแม่ สีอ่อนหน่อยทางขวามือเป็นลูก หากหมดธุระของเจ้าแล้วข้าขอตัว” มู่เหรินบอกเสียงเรียบพร้อมสะบัดชายผ้าจากไป

คุณชายเหวินฉินอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงกับความเย็นชาของคุณชายมู่เหริน ดวงตาคมมองตามร่างโปร่งบางคล้ายคนหัวใจสลาย เขาใช้เวลาร่วมเดือนกว่าจะได้บัตรคิว หวังจะได้พบหน้าสนทนาแต่กลับอยู่ด้วยไม่ถึงหนึ่งเค่อ สนทนาไม่กี่ประโยคก็หมดเวลาเพราะคำตอบนั้นถูกต้องตามกฎที่มู่เหรินให้ไว้กับทุกคน

กลับกันหากมู่เหรินตอบผิดจะได้อยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วยเป็นเวลาหนึ่งมื้อ แม้คนอื่นอาจไม่เห็นค่าแต่สำหรับเหวินฉินแล้วมันเหมือนรางวัลที่คุ้มค่ากับการรอคอย ทว่าบัดนี้หัวใจดวงน้อยกลับถูกตัดเยื่อใยอย่างไม่ไยดี

“จิ่นกวาง ทำไมคุณชายเจ้าถึงได้เย็นชาต่อข้านักเล่า ไม่เห็นใจข้าบ้างหรือ เฝ้ารอมาเนิ่นนานที่จะได้พบเจอแต่กลับได้เจอไม่ถึงหนึ่งเค่อ”

เหวินฉินเอ่ยถามบ่าวรับใช้คนสนิทของคุณชายมู่เหรินด้วยความเศร้าเสียใจ ทว่าแววตากลับมีความลึกล้ำยากจะมองเห็นก่อนจะเลือนหายไป

จิ่นกวางเพียงแค่มองตามอย่างเห็นใจโดยไม่ตอบอะไร ผายมือเชิญคุณชายเหวินฉินออกจากจวนพร้อมหัวใจชอกช้ำเหมือนรายอื่น ๆ ที่ผ่านมา...

หนึ่งเค่อ เท่ากับ 15 นาที