ที่ๆคุ้นเคย
" จะ จะ เจ้า.... เจ้าสาม ท่ะ ท่ะ ที่นี่มันที่ไหนกัน ดูนั้น เจ้านกยักษ์ประหลาดตัวมหึมา บิน อยู่บนนั้นได้ไง "
เฟิงอิงหันไปตามเสียงร้องเรียก พบว่าหวังเฉินกำลังยืนตกตะลึงกับบางสิ่งบางอย่างที่ตนไม่เคยประสบมาก่อน มือชี้ไปที่สิ่งๆหนึ่งที่กำลังเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่งเสียงก้องคำรามลั่นยามเมื่อโผบิน ดวงตาทั่งสองข้างสว่างว๊าป มันคือสิ่งประหลาดใดกันแน่ในห้วงอนุสติของหวังเฉิน เฟิงอิงเมื่อได้สติจึงสำรวจไปรอบๆพบว่า ที่แห่งนี่คือที่ๆตนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะที่นี่ตนเรียกว่าบ้านเมื่อยามเยาว์วัย ว่าแต่ ตนย้อนกลับมาที่นี่ได้เช่นไรกันนะ
" สิ่งนั่น ไม่ใช่นกประหลาดอะไรของท่าน เค้าเรียกว่า เครื่องบินโดยสาร"
เฟิงอิงเดินไปยืนเคียงข้างพี่รองของตน ที่นี่คือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ตนและหยุนกวงพี่ร่วมสาบานล้วนเติบโตมาจากที่นี่
" และนั่นคือสิ่งที่ข้าเรียกว่าบ้าน บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า และที่แห่งนี้คือ โลกที่ข้าจากมา "
เฟิงอิงมองไปยังสถานที่ที่ตนคุ้นเคยสายตาทอดคะนึงถึงยามเยาว์วัย
" ที่ประหลาดแห่งนี้คือบ้านของเจ้า โลกของเจ้า"
ที่ๆทั้งสองยืนอยู่บนเนินเขาลูกเล็กๆ เบื้องล่างเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เลยไปอีกหน่อย เป็นสนามบินพานิช ที่ๆหวังเฉินเห็นเครื่องบินขณะทะยานขึ้นเป็นนกยักษ์ประหลาด มองไกลไปไม่เท่าไหร่เป็นหมู่ตึกระฟ้าเรียงรายเป็นทิว ส่องไฟระยิบระยับยามราตรี เป็นบรรยากาศที่ๆคุ้นตาของเฟิงอิงแต่ เป็นสถานที่มหัศจรรย์ของหวังเฉิน กลับกลายเป็นผู้ข้ามมิติมาจากโลกโบราณ
" ทะ... ทะ ที่นี่คือบ้านของเจ้า ที่ๆมีแต่ของประหลาดเนี้ยนะ เหลือเชื่อ ภพสวรรค์ที่ข้าไปมา ยังไม่ประหลาดเยี่ยงนี้เลย"
หวังเฉินชมดูด้วยความประหลาดใจ แต่ เมื่อกันมาสังเกตเฟิงอิงผู้เป็นน้องชายกลับพบว่า บุคลิกสดใสร่าเริงกลับกลายเป็นเงียบขรึมจริงจัง คล้ายมีเรื่องให้คิดอยู่ในใจ รังษีทะมึนแผ่ออกมาจากร่างโดยที่เจ้าตัวก็อาจมิรู้ได้ แต่หวังเฉินเป็นยมฑูตครึ่งปีศาจจึงสัมผัสได้ เพียงแต่เก็บความสงสัยไว้ เฝ้าสังเกตอาการที่เปลี่ยนไปของผู้เป็นน้องชายอย่างเงียบๆ
ภาพที่ปรากฎต่อจักษุคนทั้งสอง
ทณ.บ้านเด็กกำพร้าเล็กๆมีเด็กชายรูปร่างผอม กำลังเล่นอยู่กับเด็กหญิงผมเปียน่ารัก อย่างมีความสุข ทว่า ความสุขนั้นอยู่ได้ไม่นานกลับมีกลุ่มเด็กท่าทางวางก้ามทำทีข่มขู่เด็กชายตัวผอมนั้น เด็กหญิงเอาตัวเข้าขวางแต่ถูกกลุ่มเด็กเกเรผลักกระเด็น เด็กชายตัวผอมผลาเข้าไปช่วยอย่างสุดฤทธิ์แต่ไหนเลยจะต้านทานเด็กเกเรกลุ่มนั้นได้
" เฮ้ย... ไฉนเป็นเช่นนั้นใช้พวกมากเข้ากุ้มรุม เราเข้าไปช่วยดีมั้ยน้องรอง"
หวังเฉินเตรียมผลาเข้าไปช่วยแต่ถูกเฟิงอิงห้ามเอาไว้
" ห้ามข้าทำไม เจ้าก็เห็นเด็กเหล่านั่นกำลัง....!!"
หวังเฉินพูดได้แค่นั้นจำต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยสีหน้าของน้องชาย เหมือนกำลังตกในพะวังแห่งความสุข หวังเฉินเฉลียวใจอะไรได้บางอย่างจึงหยุดดูเด็กกลุ่มนั่นต่อไป
หลังจากกลุ่มเด็กเกเรเตรียมเข้าจัดการเด็กชาย เด็กหญิง พลันมีเด็กชายตัวสูงเพียวเข้ามาช่วยและตะลุมบอนกลุ่มเด็กเกเรเหล่านั้นกระเจิดกระเจิงถอยออกไป
" จีจี้ เฟิงอิง เจ้าทั้งสองบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า ข้าขอโทษที่มาช่วยข้าไป"
เด็กหญิงจีจี้ตรงเข้าโอบกอดเด็กชายตัวสูงที่เข้ามาช่วย ส่วนเด็กชายผอม ใช้มือเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ข่มความเจ็บปวดไว้ ไม่ให้อีกฝ่ายต้องคอยเป็นห่วง
" ข้าไม่เป็นอะไรมากพี่หยุนกวง จีจี้เจ้าเป็นอะไรรึไม่ "
" พี่หยุนกวง พี่เฟิงอิง ข้าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง เห็นข้าเป็นผู้หญิงแต่ข้าแข็งแรงนะ"
เด็กหญิงดวงตาสุกใสสมวัยเช็ดหน้าตาที่เปื้อนดิน แต่กลับทำให้เลอะเข้าไปอีกเป็นที่ขบขันแก่เด็กผู้ชายอีกสองคน ไม่นานเด็กทั้งสามจึงเกี่ยวก้อยกันเข้าสู่ตัวบ้าน
" นั่นคือ เจ้า เฟิงอิงในตอนเด็ก จริงๆเหรอเหรอเนี้ย "
หวังเฉินชื่นชมมิตรภาพยามเยาว์วัยของผู้เป็นน้องชายของตนมิได้ด้วยตนเป็นลูกคนเดียวเติบโตมาจากแดนนรกภูมิของบิดา นานๆครั้งจะไปเที่ยวแดนปีศาจที่พำนักของมารดาผู้มีฐานะเป็นถึงราชินีโลกปีศาจ หวังเฉินสังเกตดูสีหน้าของน้องรองตนมีรอยยิ้มเล็กปนดวงความเศร้า
" ใช่ทั้งสองคือพี่น้องข้าเองและเหล่าเด็กเกเรพวกนั้นก็คือสหายที่ข้ารักที่สุด"
ทันทีที่เฟิงอิงกล่าวจบ ภาพยามเยาว์วัยของทั้งสามและบรรดาสหายร่วมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าค่อยฉายให้เห็นตามลำดับ จนกระทั่งทั้งเฟิงอิงและหยุนกวงเข้าเรียนโรงเรียนนายตำรวจ หยุนกวงได้ประดับยศก่อนและไม่นานเฟิงอิงก็ได้สำเร็จการศึกษาตามลำดับ ส่วนจีจี้เรียนจบมหาวิทยาลัยได้สมัครเป็นนักข่าว ใช่แล้วจีจี้ก็คือนักข่าวสาวผู้ที่เป็นเป้าหมายของนักการเมืองหวงที่เฟิงอิงสำเร็จโทษไปแล้วนั่นเอง ชีวิตราชการของหยุนกวงได้รับการคัดเลือกเข้าหน่วยพิเศษ ส่วนเฟิงอิงด้วยการปฎิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ทำให้ไปขัดขาผู้มีอำนาจ จนโดนกลั่นแกล้งบีบบังคับให้ต้องออกจากราชการ ต่อมาผันตัวสู่วงการใต้ดินเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่ง กำจัดคนเลวผ่านการประสานงานในทางลับจากหยุนกวงโดยมีองค์กรลับให้การสนับสนุนด้านอาวุธและการข่าว (ต่อมาผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองค่อยๆใช้อิทธิพลเข้าครอบงำองค์กรลับต้นสังกัดของเฟิงอิง หลอกให้ข้อมูลเท็จนำไปสู่หนทางกำจัดคู่แข่งทางการเมืองของตนไปทีล่ะคน เฟิงอิงสืบรู้ว่าตนและพี่ขายถูกหลอกใช้มาตลอดจึงคิดถอนตัว วางแผนกับหยุนกวงให้ทำทีเป็นกำจัดตน เพื่อให้องค์กรลับเชื่อว่าตนนั้นได้สิ้นชื่อไปแล้ว
" เจ้าสามไม่น่าเชื่อเห็นเจ้าเป็นคนร่าเริงแต่อีกด้าน เจ้ากลับเป็นสุดยอดมือสังหารแห่งโลกมืด ข้าๆสู้เจ้าไม่ได้จริงๆ แต่ เจ้าย่อมรู้ดี ว่านั่นคือบาปมหันต์ เจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใคร ไม่ว่า ภพใด โลกใด ล้วนมีกระบวนการยุติธรรม แม้คนที่เจ้าฆ่าจะเลวแสนเลวแค่ไหนก็ตาม"
หวังเฉินเอ่ยให้ข้อคิดเพราะตนย่อมรู้ดีสิ่งที่น้องรองตนกระทำนั่นคือบาปที่ต้องชดใช้ เฟิงอิงไม่ตอบได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตน
" ข้ารู้ ข้าหลงเดินทางผิด ข้ายอมรับผิด นับแต่นี้ข้าจะไม่หวนกลับไปใช้วิธีการเดิมๆเช่นนั้นอีกแล้ว ว่าแต่... เหตุไฉนภาพเหล่านี้ถึงมาปรากฎเช่นนี้ได้"
" นั่นก็เพราะมารฝันดึงเอาความทรงจำในอดีตของเจ้ามาน่ะสิ นี่อาจเป็นสาเหตุให้เจ้าย้อนกลับมายังที่ๆเจ้าจากมา"
ทันทีที่หวังเฉินกล่าวจบ คล้ายมีแรงดึงดูดลึกลับนำทั้งคู่มายังที่แห่งหนึ่ง
ใช่แล้ว ณ.สถานที่เวลาแห่งวันพระจันทร์สีเลือดราหู กำลังกลืนกินดวงจันทร์ทั้งดวง ทั้งคู่มาปรากฎร่างริมแม่น้ำ ภาพของหยุนกวงยิงเฟิงอิงตกลงสู่ก้นแม่น้ำปรากฎให้ทั้งคู่ได้เห็น จากนั้นหยุนกวงหันกายเดินจากไป ทว่า... ไม่ไกลจากจุดนั้นเท่าไหร่ บัดนี้ สองบุรุษผู้เดินทางข้ามมิติได้ปรากฎตัวขึ้นท่ามกลางความมึนงงของคนทั้งคู่
" เอะ... เรามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร ไม่เป็นภาพมายาอีกแล้วดูสิ นั่นๆ ตัวอะไรไฉนวิ่งได้ มีตาสว่างว๊าปๆด้วย"
หวังเฉินอุทานต่อสภาพแวดล้อมที่ตนไม่คุ้นชิน เฟิงอิงเหมือนได้สติจึงรู้ว่าตนไปกลับมาสู่มิติเดิมของตนอีกครั้ง
" ท่านตามข้ามานี่ หากเรายังอยู่ในมิตินี่จะแต่งกายโบราณเช่นนี้ จะเป็นที่สะดุดตาต่อผู้พบเห็น"
เฟิงอิงกล่าวจบชักชวนผู้เป็นพี่รองของตน นำมายังโกดังร้างแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุปะทะของเหล่ากองกำลังเท่าใดนัก เมื่อมาถึงเฟิงอิงกรอกพลาสเวิล์ดใส่ประตูทางเข้า ประตูโกดังได้เปิดออก พบว่าข้างใน มีจอคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กโทรนิค
หวังเฉินชมดูอย่าตื่นตาตื่นใจ จนเฟิงอิงนำทางชี้ไปที่ตู้ใบหนึ่ง
" ท่านไปเลือกชุดแล้วเปลี่ยนซ่ะใหม่ส่วนชุดเก่าก็เก็บเอาไว้ที่แหวนมิติของท่าน เดี๋ยวข้าตัวขอไปเตรียมอุปกรณ์อีกสักครู่พบกันตรงนี้อย่าไปไหนล่ะ"
เฟิงอิงกล่าวจบแยกไปจัดเตรียมอุปกรณ์บางอย่าง และของที่ต้องนำกลับไปในมิติโบราณ นี่นับว่าเป็ยโอกาสอันดีที่ตนได้ย้อนกลับมาที่เดิม จากนั้นเฟิงอิงค่อยๆคัดเลือกของใช้ใส่ในแหวนมิติที่ฉู่เชียนเหนียงมอบให้ ไม่นานหวังเฉินก็เดินออกมา
" เป็นไง เสื้อผ้าชุดนี้เข้ากับข้าดีมั้ย "
ชุดที่หวังเฉินเลือกใส่ ยังคงคอนเซ็บยมฑูต กางเกงยีนต์สีดำ เสื้อเชิ้ตสีดำคลุมด้วยเจ็ตเก็ตหนังสีดำ เฟิงอินยิ้มขำๆในรสนิยมพี่ชายยมฑูตของตน เพราะชุดที่ตนเปลี่ยนก็ไม่ต่างกัน
" จะให้ดี ท่านมัดผมที่ยาวรุงรังของท่านหน่อยก็ดีนะ "
จากนั้นเฟิงอิงนำหวังเฉินเดินไปที่รถสปอร์ตคู่ชีพสีดำ
" พวกเราจะไปด้วยเจ้านี่กันเหรอ ที่นี่ใช้เจ้านี่แทนม้า มันวิ่งได้ไง"
และคำถามอีกมากมายที่พรั่งพรูออกมา
เฟิงอิงอดที่จะขำมิได้ จึงคร้านที่จะอธิบาย จากนั้นเดินไปที่ท้ายรถ ทันทีที่เปิดออกเฟิงอิงหยิบบางสิ่งมาไว้มาเหน็บไว้ที่เอว ก่อนหยิบอีกอันยื่นส่งให้หวังเฉิน
" นี่ของท่าน เผื่อไว้ใช้ยามจำเป็น อยู่ในมิตินี่ท่านเป็นเพียงคนธรรมดา เจ้านี่จะมีประโยชน์ช่วยได้ในยามฉุกเฉิน"
" ข้าจำได้ เจ้านี่ที่เจ้าใช้ฆ่าคน มันเรียกว่าอะไร ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ล่ะมั้ง"
" สิ่งนี่คืออาวุธเรียกว่าปืน และนี่กระสุน เอาไว้ป้องกันตัว จะฆ่า ไม่ฆ่า ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ "
จากนั้นเฟิงอิงสอนวิธีการใช้ จนหวังเฉินเข้าใจเป็นอย่างดี บอกกับตัวเองตนคงไม่ใช้ฆ่ามนุษย์แน่ๆ
" แล้วเราจะไปที่ไหนกันต่อ "
หวังเฉินถามขึ้น
" ข้าคงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว ขอข้าจัดการเรื่องบางเรื่องให้เรียบร้อยแล้วเราไปตามหามารฝันกัน"
จากนั้นเฟิงอิงชักชวนหวังเฉินขึ้นรถสปอร์ต หวังเฉินดูตื่นเต้นไม่น้อยที่สัมผัสยานพาหนะที่คนในมิตินี้ใช้งาน ไม่นานหลังจากทั้งคู่คล้อยหลังไปไม่เท่าไหร่ โกดังแห่งนั้นกลับระเบิดตูมขึ้นทันที เฟิงอิงต้องการทำลายหลักฐานการคงอยู่ของตนจึงตั้งระเบิดเวลาไว้
ไม่นานรถสปอร์ตสีดำสนิทพาทั้งคู่มาหยุดยังไนท์คลับแห่งหนึ่ง ดูหวังเฉินตื่นเต้นไม่น้อยกับแสงสีที่ละลานตา
ภายในไนท์คลับ เฟิงอิงแนะนำให้หวังเฉินรู้จักกับสหายของตน ที่เป็นผู้ดูแลไนท์คลับแห่งนี้
" เฟิงอิง เป็นเจ้าจริงๆข้าล่ะอดห่วงมิได้"
เล่อต้า เพื่อนในวัยเยาว์ที่เมื่อก่อนคอยรังแกเฟิงอิง แต่ได้หยูกวงมาคอยขวาง
เมื่อต่างคนต่างเติบโตในเส้นทางของแต่ล่ะคน เฟิงอิงนำเงินที่ตนเก็บไว้มาสร้างไนท์คลับแห่งนี้ และให้เล่อต้าและเหล่าสหายช่วยกันดูแลหวังให้ทุกคนได้มีอาชีพที่สุจริต ไม่ก้าวเดินทางผิด
" เล่อต้า ข้า... คงไปไม่กลับอีกแล้วนี่คือ สิ่งที่ข้าเตรียมไว้ให้พวกเจ้า"
เล่อต้าหยิบซองเอกสารที่เฟิงอิงยื่นส่งให้เมื่อเปิดดูถึงกับตะลึง
" นี่... นี่มันมากไป แค่เจ้าให้โอกาสข้าก็มากพออยู่แล้ว แต่... นี่มัน"
สิ่งที่เล่อต้าตกตะลึงเพราะนั่นคือเอกสารมอบโอนกรรมสิทธิ์ ไนท์คลับแห่งนี้ให้เป็นของเล่าต้าโดยสมบูรณ์
" สิ่งเหล่านี้ไม่มากเกินไปหรอก เจ้าเหมาะสมที่จะรับเอาไว้ ขอเพียงเจ้าดูแลเหล่าสหายของเราให้ดีก็พอ "
เล่อต้ามองเอกสารและมองมาที่สหายของตนด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เฟิงอิงไม่เพียงไม่ถือโทษโกรธแค้นพฤติกรรมเมื่อตอนเยาว์วัยที่เติบโตด้วยร่วมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า กลับยื่นมือเข้าช่วยให้โอกาสเหล่าสหาย ได้มีสิ่งยึดเกาะในการเลี้ยงชีพ
หวังเฉินตื้นตันในมิตรภาพเหล่าสหายของเฟิงอิงผู้เป็นน้องร่วมสาบานแม้นมีพฤติกรรมที่ดำมืดแต่กลับมีมุมสว่างที่น่าชื่นชม
" แย่แล้วๆ เหล่าต้า....."
จงช่วนผู้เป็นสหายอีกคนของเฟิงอิง ผลาเข้ามาท่าทางกระหืดกระหอบยังกลุ่มสนทนา
" เอะอะ โวยวายอะไรจงช่วน"
เล่อต้าร้องถามขึ้น
" อ้าว เฟิงอิง เจ้าก็อยู่ที่นี่ดีแล้ว ช่วยจีจี้ด้วย"
" จีจี้ ...... จีจี้เป็นอะไรค่อยๆเล่าจงช่วน "
เฟิงอิงรู้สึกลางสังหรณ์ที่ไม่ดีชนิดหนึ่งเมื่อจงช่วนเอ่ยถึงจีจี้ ผู้เปรียบเสมือนน้องสาวของตนคนหนึ่ง
" จีจี้ ถูกจับตัวไป กงลิ่วฉี มันเป็นผู้บงการเรื่องทั้งหมด พอได้รู้ว่า ทั้งเจ้า จีจี้ และหยุนกวง ล้วนเกี่ยวข้องกัน มันจึงสั่งบริวารให้จับตัวจีจี้ ตอนนี้หยุนกวงกำลังบุกเดี่ยวไปช่วยอยู่"
" ห๊า.... จีจี้โดนจับตัว"
ทั้งเฟิงอิง และเล่อต้า อุทานขึ้นพร้อมกัน
ทันทีที่ทราบข่าว เฟิงอิงจึงออกจากไนท์คลับทันที โดยมีหวังเฉินตามไปติดๆ เล่อต้าและจงช่วนจะขอตามไปด้วย แต่เฟิงอิงห้ามเอาไว้ เพราะรู้ดี กงลิ่วฉี คือผู้บงการในเงามืด เรื่องเลวร้ายล้วนต้นทางมาจากคนผู้นี้ทั้งสิ้น ทั้งเรื่องหลอกใช้ตนและหยุนกวง วันนี้ตนจะขอทำภาระกิจสุดท้าย ปิดบัญชีเจ้าพ่อ ด้วยตนเอง
%%%%%%%%%%%%%%%%
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณครับ