บทนำ
คืนนี้ช่างแปลก...ในความฝัน...ที่รางเลือนมือที่กำลังสวมกอดลำคอของใครบางคนที่มองใบหน้าไม่ชัดเจน แต่กลับได้ยินเสียงลมหายใจที่หอบถี่ราดรดลงมาที่พวกแก้ม ต่อให้พยายามลืมตาขึ้นมองเพราะอยากเห็นใบหน้า หากแต่เหมือนเปลือกตาเจ้ากรรมไม่เป็นใจทำเช่นนั้น
ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวหากแต่ไร้แสงสว่างจากหลอดไฟ มีเพียงแสงสว่างที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาพอให้ได้มองเห็นภาพภายในห้องที่มืดสลัว เวลาเที่ยงคืนรอบด้านเงียบสงบ
หากแต่วันนี้กลับมีงานแต่งงานจึงดูครึกครื้นเพราะงานเลี้ยงยามค่ำคืนเจ้าภาพหาเวทีใหญ่จ้างวงดนตรีที่มีชื่อเสียงมาแสดงจนเกือบรุ่งสางวัยรุ่นบ้านใกล้เรือนเคียงต่างชอบอกชอบใจ นัดแนะกันมาหาความสนุกสนาน
เวลาจวนเช้าเวทีกำลังถูกจัดเก็บความเงียบสงบกลับมาอีกครั้ง คนเฒ่าคนแก่คงได้นอนหลับกันอย่างสบายใจ เช่นเดียวกันชายหญิงทั้งสองที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอนใหญ่ไม่สนใจว่าข้างนอกมีอะไรเกิดขึ้น
เจ้าของงานดูวุ่นวายคู่บ่าวสาวที่เข้าหอไปแล้วต่างถูกปลุกให้ตื่นนอนเพียงเพราะลูกสาวคนเล็กหายไป ทุกคนจึงได้ออกตามหาเมื่อเปิดกล้องบริเวณบ้านดูจึงได้รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
ประตูห้องนอนที่ไม่ได้ลงกลอนถูกเปิดเข้ามาด้านในก่อนไฟในห้องจะสว่างขึ้น ทุกคนต่างตื่นตกใจกับภาพตรงหน้าที่ได้มองเห็น หากแต่คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงนั้นไม่รู้สึกตัว
“เอาน้องกลับห้อง!!” มานพหันหน้าไปบอกบุตรสาวคนโตให้พาลูกสาวคนเล็กกลับห้องแล้วเดินเข้ามากระชากผู้ชายอีกคนที่นอนอยู่ด้านข้าง
“พ่อใจเย็น ๆ ก่อนครับ” ลูกเขยป้ายแดงวิ่งเข้ามาห้ามเพราะผู้ชายที่พ่อตากำลังกระชากลุกจากเตียงนอนนั้นคือเพื่อนสนิทของเขาเอง
“มึงถอยไป! กล้าดียังไงมานอนกับลูกสาวกูถึงบ้าน!” ความขาดสติทำให้ชายวัยกลางคนตะโกนดังลั่น คนที่อยู่ด้านนอกต่างกรูกันเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้เสียงดัง
“ไอ้เสือ! มึงได้ยินกูไหม” สุชาติใช้มือตบลงไปที่ใบหน้าของเพื่อนเบา ๆ
“อืม” เขาที่เมาไม่ได้สติพยายามลืมตาตื่นขึ้น หากแต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองตื่นขึ้นมาฟังสิ่งที่เพื่อนพูดได้
“เอามันไปมัดเอาไว้ที่ต้นไม้หน้าบ้าน!” มานพหันไปสั่งคนงานในบ้าน ก่อนที่ชายหลายคนจะช่วยกันยกผู้ชายเมาไม่ได้สติมามัดเอาไว้ที่ต้นไม้ใหญ่
“พ่อครับ ผมว่าทำแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะครับ เอาไว้ให้ไอ้เสือมันได้สติค่อยคุยกันดีไหมครับ” สุชาติทั้งเดินทั้งวิ่งตามออกมา พยายามเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนแต่กลับถูกสายตาพ่อเมียป้ายแดงดุเข้าให้
“มึงอยู่เฉย ๆ ไป เรื่องนี้กูจัดการเอง” เขาให้คนงานมัดผู้ชายที่ทำให้ลูกสาวเขาอับอายไว้ที่ต้นไม้จนแล้วเสร็จ “ไปเอาน้ำมา ใส่น้ำแข็งสักกระสอบ!”
สุชาติมองไม่เห็นทางรอดของเพื่อนจึงรีบวิ่งไปหาภรรยา เจอกันตรงบันไดขึ้นบ้านจึงรีบดึงมือเมียวิ่งลงมาที่ลานหน้าบ้าน ใบตองวิ่งตามมาแบบงง ๆ ก่อนจะรู้ว่าเหตุการณ์ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
“พ่อ! พ่อกำลังทำอะไร รู้ไหมว่าเขาคือลูกท่านผู้ว่าเลยนะคะ”
“แล้วไง ลูกใครพ่อก็ไม่สนใจหรอก แล้วน้องเป็นยังไงบ้าง” เขาถามบุตรสาวคนโตด้วยความร้อนใจเรื่องลูกสาวคนเล็ก
“ยังไม่ได้สติเลยค่ะ สงสัยจะเมามาก”
“หยกไม่เคยดื่มเหล้าเอาอะไรมาเมา คงเป็นเพราะไอ้นี่แน่เลย” มานพหันไปมองผู้ชายที่ถูกมัดเอาไว้ที่ต้นไม้ใหญ่
“ไม่ใช่หรอกค่ะ” ใบตองแย้งขึ้น
“พอ ๆ ขึ้นไปดูน้อง ทางนี้พ่อจัดการเอง วันดี ๆ กลับมีเรื่องเฮงซวยมันไม่ตายดีแน่! คิดยังไงถึงได้มาล้วงคองูเห่าถึงบ้าน” เขากัดฟันแน่นไล่ลูกสาวขึ้นบ้านไป
“ตองช่วยเพื่อนพี่หน่อยสิครับ ไอ้เสื้อต้องตายแน่ ๆ” สุชาติเป็นกังวลเดินตามหลังของภรรยามา
“ฉันช่วยพี่ไม่ได้หรอก เห็นหรือเปล่าว่าพ่อกำลังโกรธแล้วแต่เวรแต่กรรมเถอะ หลักฐานคาตาขนาดนั้นพ่อคงไม่ยอมง่าย ๆ”
“ถ้างั้นก็แปลว่า...ไอ้เสือต้องแต่งงานกับหยกนะสิใช่ไหม แบบนั้นแล้วไอ้เสือก็ไม่ต้องถูกทำร้าย ตองช่วยพูดให้มันอีกทีได้ไหม”
“จะให้พูดว่าไงละ พี่ก็เห็นว่าพ่อไม่ฟังอะไรหรอก เพื่อนพี่ พี่ก็พูดเองเถอะตองกลัวว่าพูดอะไรไปจะทำให้เพื่อนพี่ดูไม่ดี” ใบตองปฏิเสธอย่างรวดเร็วแล้วเดินขึ้นบ้านไป
มานพถอนหายใจแล้วเดินกลับมาหาเพื่อนอีกครั้ง ถังน้ำที่บรรจุน้ำแข็งถูกสาดลงไปที่ตัวของชายที่ถูกมัดเอาไว้ที่ต้นไม้ บนตัวสวมเพียงกางเกงขาสั้นเพียงไม่นานคนที่หลับสนิทก็ได้สติคืนกลับมา
“ไง!”
“อือ” เขาพยายามปรือตาขึ้นมอง ความหนาวเย็นทำให้ร่างกายที่มีเพียงกางเกงขาสั้นสั่นสะท้านเพราะมีลมเย็นพัดมากระทบร่าง
“ไอ้เสือ!” มานพนั่งลงด้านข้างเขย่าตัวเพื่อนให้รีบได้สติ “พ่อครับ พอแล้วแค่นี้มันก็จะตายแล้ว”
“ไม่ตายหรอก สาดน้ำใส่มันจนกว่ามันจะได้สติ! มึงรีบถอยออกมาไม่งั้นได้มีเรื่องกับกูอีกคนแน่!” มานพนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ที่คนงานเตรียมเอาไว้ให้ รออยู่นานจนกระทั่งคนที่ถูกมัดได้สติ
“ไอ้ชาติ” เขาเรียกเพื่อนที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก สุชาติได้ยินจึงรีบวิ่งเข้ามาใกล้ “มัดกูทำไมวะ?”
“มึงได้สติแล้วใช่ไหม จำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น มึงทำอะไรน้องเมียกูมึงจำได้ไหม”
“น้องเมียมึงเกี่ยวอะไรกับกู?” เขาสะบัดใบหน้าอยู่หลายครั้ง พยายามนึกเหตุการณ์ก่อนหน้าให้ออก “ไม่ใช่หรอกมั้ง กูคิดว่ากูฝันไอ้ห่า!!”
“มึงจะเอาไง!” เสียงมานพดังขึ้น “มึงจะรับผิดชอบยังไงกับสิ่งที่มึงทำ” ทั้งที่เขาอยากซัดใบหน้าหล่อ ๆ ของผู้ชายคนนี้สักครั้ง แต่เขาก็ยังหักห้ามใจเอาไว้เพราะไม่อยากให้เกิดการใช้ความรุนแรงขึ้น
“ไม่ใช่ความฝัน มึงเล่นซะน้องเมียกู...” เขากระซิบบอก ดูท่างานนี้เพื่อนของเขาคงหนีไม่รอดแล้ว
“ถ้ามึงคิดไม่ได้ กูจะให้ตำรวจมาจับมึงเข้าคุกข้อหาข่มขื่นลูกสาวกู”
“น้องเมียมึงสวยไหมวะ” เขาหันมาถามเพื่อนสนิท
“สวย เมียกูสวยยังไงน้องเมียกูก็สวยแบบนั้น แล้วใช่เวลาที่มึงจะมาถามเรื่องนี้กับกูตอนนี้หรือไงไอ้เสือ” สุชาติดูร้อนรนใจมากกว่าเจ้าคนก่อเรื่องเสียอีก
“ผมจะรับผิดชอบลูกสาวพ่อเองครับ” เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพื่อนที่อยู่ด้านข้างจ้องเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง อย่างไอ้เสือนะเหรอจะยอมรับผิดชอบเรื่องบนเตียงกับผู้หญิง
“มึงอย่าล้อเล่นนะ พ่อตากูเอาจริงนะกูบอกไว้ก่อน” สุชาติรู้นิสัยพ่อตาของเขา หากมาล้อเล่นกับบุตรสาวเขาละก็ไม่ตายดีแน่นอน
“ตอนนี้กูต้องเอาตัวรอดก่อน อย่างอื่นค่อยคิดทีหลัง มึงช่วยโทรหาพี่ชายกูตอนนี้เลย ไม่งั้นเรื่องไม่จบแน่”
“ได้” สุชาติรีบวิ่งขึ้นห้องไป
“มึงว่าไงนะ! จะรับผิดชอบลูกสาวกูแบบไหนยังไง บอกกูมาสิ” มานพเดินมานั่งยองตรงหน้าของชายหนุ่มรุ่นลูก “คิดดี ๆ ก่อนที่จะพูดนะ” รอยยิ้มมุมปากทำให้คนตรงหน้าถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“ผม...คือ...ผมจะแต่งงานกับลูกสาวพ่อครับ ผมจะจัดงานแต่งอย่างยิ่งใหญ่ให้สมฐานะเลยครับ” เป็นครั้งแรกที่รู้ว่าการฝืนยิ้มมันยากเย็นมากแค่ไหน เขาไม่เคยกลัวใครนอกจากพ่อ แต่ตอนนี้ผู้ชายตรงหน้ากลับทำให้เขากลัวยิ่งกว่าพ่อของตัวเอง
“เรื่องแบบนี้มึงต้องเอาผู้ใหญ่มาคุยกัน กูไม่เชื่อคำพูดปากเปล่าของมึงหรอก ได้ยินว่าพ่อเป็นผู้ว่าใช่ไหม?” มานพยกยิ้มมุมปาก
“ครับ” เขาตอบเสียงสั่น
“พอดีเลย เพื่อนกูก็เป็นผู้ว่าเหมือนกัน” เขาตบมือลงบนไหล่ของชายหนุ่มรุ่นลูกอีกครั้ง
“อะไรนะครับ...” เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน หากว่าพ่อของเขาเป็นเพื่อนกับผู้ชายคนนี้แล้ว ตายแน่มึงไอ้เสือ!! มางานแต่งเพื่อนไม่คิดว่าจะได้แต่งเมียเข้าบ้าน
“คงคุยกันไม่ยากแล้วล่ะ คนกันเองสินะ” เขาสั่งคนงานแก้มัดให้ลูกชายเพื่อน