ตอนที่ 6 พี่ไม่พร้อม
“คุณพ่อครับ เห็นหยกไหมครับผมไปที่ร้านก็ไม่เห็นใครโทรไปก็ไม่รับ บนห้องก็ไม่มีใครไม่รู้ว่าหยกไปไหน” เสือที่เดินลงมาจากบ้านถามพ่อตาที่กลับมาจากไร่อ้อย
“เห็นบอกว่าไปหาหมอนะ” มานพที่กำลังล้างมือล้างเท้าจะเดินขึ้นบนบ้านตอบ “แล้วไม่ได้ไปด้วยกันเหรอ”
“ถ้าผมไปจะเห็นผมอยู่ที่นี่ไหมครับ ผมโทรหาตั้งหลายสายแต่หยกไม่รับเลยครับ ผมมาจากโรงงานแวะหาที่ร้านดูก่อนพนักงานก็บอกว่าหยกไม่ได้เข้าร้านคิดว่าอยู่ที่บ้านก็ไม่เห็น แล้วเป็นอะไรครับถึงไปอยู่โรงพยาบาล?” เขารัวคำพูดจนพ่อตาฟังไม่ทัน
“เห็นบอกว่าไปตรวจครรภ์นะ ท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว” มานพยิ้มกว้างอย่างดีใจว่าตัวเองจะได้อุ้มหลานแล้ว
“ท้องเหรอครับ!!” เสืออุทานออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นระหว่างเขากับใบหยก
“ใช่ไง กูจะมีหลานแล้ว” พ่อตายิ้มกว้างเดินขึ้นไปบนบ้าน พร้อมกับเสียงเป่าปากบ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ดี
“ซวยแล้วไง” เขาพูดกับตัวเองรีบเดินตรงมาที่รถยนต์ จุดหมายปลายทางที่เขาไปนั้นก็คือโรงงานเช่นเดิม มาถึงก็รีบเดินตรงไปยังห้องทำงานของพี่ชายทันที
“มึงมาทำอะไรอีกไอ้เสือ” เขาวางปากกาในมือลง มองเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของน้องแล้วถอนหายใจ “อะไรของมึง หมาไปฉี่ใส่ล้อรถมึงหรือไงถึงทำหน้าทำตาแบบนี้”
“หมาฉี่ใส่ล้อรถยังดีกว่า พี่สิงห์เกิดเรื่องใหญ่แล้ว...” เขาจ้องหน้าพี่ชาย “หยกท้อง”
“ท้องแล้วทำไม มึงแต่งงานแล้วมีลูกก็ไม่แปลก ไม่ดีใจเหรอเห็นพูดเมื่อวานวันนี้มีลูกแล้วก็สมพรปากมึงแล้วไง” เขาหัวเราะมองสีหน้าที่อมทุกข์ของน้องอย่างอารมณ์ดี
“อย่ามาล้อเล่นนะ ใครจะดีใจ เมื่อวานยังพูดกับหยกอยู่เลยเรื่องแต่งงาน...ถ้าท้องแล้วจะทำไง”
“มึงหมายความว่าไง? ท้องแล้วมึงก็ต้องดีใจสิ เพราะนั้นลูกมึง” สิงห์ไม่รู้จะพูดคำไหน หากเป็นเขาก็ต้องดีใจแต่พอมาคิดให้ดีแล้ว ความดีใจของเสือคงไม่มีเหมือนคนอื่นเขา
“ไม่รู้สิตอบไม่ถูก” เสือนั่งกุมศีรษะอย่างคนคิดไม่ตกเรื่องของลูกที่กำลังจะเกิด
“ลูกผู้ชายหน่อย ทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ...การสร้างครอบครัวไม่ใช่หรือไง แต่งงานแล้วมึงก็ควรคิดเรื่องครอบครัวว่าจะเดินไปข้างหน้ายังไง ไม่ใช่มานั่งคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องไปต่อ”
“เมื่อวานผมพึ่งบอกหยกไปว่า...อย่ามาคาดหวังความรักจากผมอยู่เลย วันนี้เธอท้องแล้วเธอจะคิดยังไง”
“มึงคิดมากเรื่องที่หยกจะคิดยังไงเองเหรอ เธอก็ต้องดีใจสิ” สิงห์ออกความคิดคนเป็นแม่ก็ต้องดีใจมากอยู่แล้ว
“ที่จริงผมไม่คิดจะอยู่กับหยกนานหรอก พี่ก็รู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก อีกอย่างผมก็วางแผนเอาไว้แล้วว่าหลังจากนี้อีกสักครึ่งปีผมจะหย่ากับหยก ผมคิดว่าตัวเองยังไม่อยากหยุด”
“กูเพลียกับความคิดของมึง พึ่งแต่งงานแต่วางแผนหย่าเอาไว้แล้ว งั้นก็แล้วแต่จะตัดสินใจ แต่อย่าลืมนะว่าผลกระทบใครจะได้รับมากที่สุด” เขาฝากให้น้องชายได้คิดให้ถี่ถ้วนในการตัดสินใจครั้งนี้
เสือมาขอคำปรึกษาจากพี่ชายอยู่นาจนเกือบเย็นถึงได้ขับรถกลับบ้าน ตลอดทางเขากำลังหาคำพูดที่ใช้พูดกับใบหยก ตอนนี้เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นอยู่หลายครั้งแต่เขากลับไม่รับโทรศัพท์
รถยนต์จอดนิ่งที่โรงจอดรถแต่เสือยังคงนั่งนิ่งไม่รู้นานเท่าไหร่ กระทั่งเสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นเขาถึงได้รู้สึกตัวดึงสติคืนกลับมา ใบหยกยืนมองเขาแล้วส่งยิ้มมาให้ สีหน้าแบบนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเธอกำลังอารมณ์ดีแล้วเขาจะพูดสิ่งที่ทำร้ายจิตใจของเธอได้เช่นไร
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมไม่ลงจากรถ พี่เสือมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่า แค่กำลังนั่งคิดงานอยู่” เขารีบดับเครื่องยนต์แล้วเดินขึ้นบ้าน เมื่อประตูห้องนอนปิดลงเขาจึงถามขึ้น “วันนี้เป็นไง พี่ได้ยินที่พ่อบอกหมดทุกอย่างแล้ว”
“หยกดีใจมากค่ะ” เธอยิ้มกว้าง “กระเป๋าหยกเตรียมให้แล้วนะคะ ส่วนของพี่หยกก็มีเตรียมเอาไว้แล้วบ้าง พี่ดูว่าอยากเก็บอะไรเพิ่ม” เธอชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบ
“เดี๋ยวพี่ดู เรามาคุยเรื่องลูกกันก่อนดีไหม” เขาเดินมานั่งที่ปลายเตียงนอน
“ค่ะ เรื่องลูกเหรอคะ?” ใบหยกงงเล็กน้อยกับคำถาม “ลูก...พี่มีอะไรเหรอคะ ทำไมพี่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา”
“เราต้องจัดการเรื่องนี้กันไม่ใช่เหรอ ที่จริงพี่ตั้งตัวไม่ทันเลยนะ บอกตามตรงพี่ยังไม่พร้อมกับการมีลูก แต่พี่” เขาไม่ทันได้พูดจบใบหยกก็ขัดขึ้นทันที
“ค่ะ หยกรู้ว่าพี่ยังไม่พร้อม และหยกรู้ว่าต้องจัดการยังไงคะ”
“พี่ไม่ได้บอกให้หยกเอาเด็กออกนะ มันต้องมีทางออกที่ดีกว่าแน่นอน ยังไงพี่ก็เป็นพ่อเด็กพี่ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีอย่างแน่นอน แต่พี่...ไม่คิดจะหยุดอยู่ที่หยกในตอนนี้” คำพูดของเขาทำให้ใบหยกนิ่งไป
เธอมองผู้ชายตรงหน้าพร้อมกับความรู้สึกเสียใจอย่างไม่เคยพานพบมาก่อน นี่นะเหรอผู้ชายที่เธอรู้สึกชอบคิดว่าจะมีความเป็นลูกผู้ชายมากกว่านี้หน่อย
“พี่สบายใจเถอะค่ะ คนที่ท้องไม่ใช่หยกแต่เป็นพี่ตองค่ะ” ใบหยกยิ้มเหยียดให้กับตัวเอง ความรู้สึกของเธอถูกเขาบี้จนละเอียดคามือไปแล้ว “เรื่องไปเที่ยวหยกว่าเรายกเลิกดีกว่านะคะ”
“ทำไมล่ะ พี่จองทุกอย่างเอาไว้แล้วมัดจำเงินไปแล้วด้วย กว่าจะมีเวลาไปเที่ยวนะ”
“เดี๋ยวหยกจ่ายคืนให้พี่เองคะ” เธอหันหลังจะเดินออกจากห้อง แต่เสือกลับเดินเข้ามาขวางทาง “หยกจะออกไปข้างนอกค่ะ”
“คุยกันก่อน พี่พูดอะไรผิดเหรอ แต่พี่พูดความจริงทุกอย่างนะหยกพี่บอกหยกไปแล้วว่าพี่ให้ได้เท่าที่ทำได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ หยกเข้าใจทุกอย่าง” เธอพยักหน้าแต่ยังเบือนหน้าหนีเพราะตัวเองกำลังจะร้องไห้ออกมา “หลีกทางได้ไหมคะ” เธอเริ่มพูดเสียงสั่นแต่เสือก็ยังยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิม
“หยกพี่ขอโทษ ขอโทษที่พี่ไม่เหมือนที่หยกคาดหวังเอาไว้ พี่รู้ว่าหยกรู้สึกยังไง” เขารับรู้ได้ถึงคำพูดที่แฝงเอาไว้ด้วยความไม่พอใจของเธอ
“หยกบอกให้หลีกทางไงคะ” สีหน้าที่ไร้รอยยิ้มทำให้เสือรู้สึกขนหัวลุก เขายังคงยืนนิ่งเหมือนกับขาทั้งสองข้างแข็งทื่อทำไมถึงได้รู้สึกว่าหากเขาปล่อยเธอออกไปจากห้องแล้วเขาจะไม่สามารถพูดคุยเรื่องนี้กับเธอได้อีก
“คุยกันก่อนได้ไหม พี่พูดด้วยเหตุผลนะหยก เราวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวพรุ่งนี้ ไปเถอะนะถือซะว่าเราไปพักผ่อนไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก” เขาพยายามกล่อมให้เธอเปลี่ยนความคิด
“......” ใบหยกนิ่งไปชั่วขณะ
“เรื่องท้องหยกไม่ได้ท้องจริง ๆ ใช่ไหม” เขาถามย้ำอีกครั้ง
“ใช่ค่ะ หยกไม่ได้ท้องได้ยินชัดไหมคะ สบายใจได้ค่ะหยกจะไม่ปล่อยให้ตัวเองท้อง หรือหากว่าท้องหยกก็จะไม่ให้เขาเกิดมาหรอกค่ะ” เธอพูดออกมาด้วยอารมณ์โกรธเพราะรู้ว่าเสือไม่ยินดีกับเด็กที่จะเกิดมา
“หยก! พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” เขาพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจ
“ช่างมันเถอะค่ะ หลีกทางได้หรือยังคะ” เธอยืนเท้าสะเอวจ้องมองเขา ทั้งที่ตนเองกำลังร้องไห้และเริ่มอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
“หยก เราคุยเรื่องไปเที่ยวให้จบกันก่อน จะเอาแต่ใจไม่ได้นะต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ เราตกลงกันแล้วว่าจะไปเที่ยว พี่จัดการทุกอย่างเอาไว้แล้ว เราไปเที่ยวกันเถอะนะ เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังก็ได้”
“หยกพูดไม่ชัดใช่ไหมคะ บอกว่าไม่ไปไง หยกเหมือนคนมีอารมณ์จะไปเที่ยวเหรอคะตอนนี้” เธอน้ำตาไหล เสือเห็นถึงกลับนิ่งไป มือเล็กรีบยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาพยายามเป็นคนเข้มแข็งต่อหน้าเขา
“พี่พูดอะไรให้หยกไม่พอใจพี่ขอโทษ ไม่ร้องนะไม่ร้อง” เขายื่นมือมาเพื่อเช็ดน้ำตา
“มีอะไรให้ต้องขอโทษ ที่พูดมามันความจริงทั้งนั้น” เธอปัดมือของเขาให้ออกห่างก่อนเดินเลี่ยงออกมาจากห้องโดยไม่หันหลังกลับไปมอง