ผู้เล่นมักดูเกมไม่ออก
หลังงานเลี้ยงเลิกนางกับแม่นางสกุลจางเดินออกมาพร้อมกัน เหตุเพราะพวกนางคุยกันถูกคอยิ่งนัก
"นั่นใช่แม่นางเยว่หรือไม่" สิ้นคำถาม นางหันไปมองยังศาลาริมน้ำที่บัดนี้มีร่างบุรุษคุ้นเคยยืนอยู่กับเยว่อินตามลำพัง
"เหตุใดนางถึงอยู่กับรองแม่ทัพโจวได้"
"นั่นสิ แต่ไหนแต่ไรมามีผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าโจวเฟิ่งฉีไม่ชอบอยู่ใกล้สตรี"
"ดูเหมือนว่าพวกเขาคงมีเรื่องสำคัญต้องพูดคุยกัน"
"เช่นนั้นพวกเราไปกันเถิด"
ม่านเหม่ยมองภาพตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจำใจเดินออกห่างเพื่อกลับจวนอย่างช่วยไม่ได้
รองแม่ทัพหนุ่มที่ปลีกวิเวกมายืนอยู่ศาลาริมน้ำอยู่นานแล้ว เขาทอดสายตามองผืนน้ำที่ส่องแสงระยิบระยับกระทบกับแสงไฟเป็นประกาย โดยไม่ทันรู้ตัวว่ามีสตรีนางหนึ่งเดินเข้ามาใกล้
"พี่เฟิ่งฉี"
"เยว่อิน เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร"
"ข้าออกมาสูดอากาศน่ะเจ้าค่ะ" นางบอกด้วยรอยยิ้ม
"เช่นนั้นหรือ"
"ว่าแต่ท่านเถิด เหตุใดถึงมายืนอยู่ที่มืดเช่นนี้"
"ข้าแค่หนีมาหลบหลีกความวุ่นวายน่ะ"
"อย่าบอกนะว่าแม่นางเซียวเป็นคนทำให้ท่านรู้สึกเช่นนี้"
"ไม่ใช่หรอก ในเมืองหลวงนี้ยังมีคนน่ารำคาญยิ่งกว่านางเสียอีก"
"ใครหรือเจ้าคะ"
"ช่างเถิด ข้าไม่อยากเอ่ยถึงคนผู้นั้น"
"วันนี้ข้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ พอเข้ากับคนในเมืองหลวงได้รึไม่"
"วันนี้เจ้าสวยมาก" เขากระแอมเล็กน้อยก่อนตอบ
"จริงหรือเจ้าคะ หากเทียบกับแม่นางเซียวแล้ว สำหรับท่านข้าสู้นางได้หรือไม่"
"นางเทียบกับเจ้าได้เสียที่ไหน ทั้งงานเย็บปัก ทั้งงานบ้านงานเรือน เซียวม่านเหม่ยผู้นั้นเคยสนใจงานพวกนั้นด้วยรึ วัน ๆ นางเอาแต่วิ่งตามข้า"
"นางเพิ่งผ่านวัยปักปิ่นได้ไม่นาน ไม่แปลกที่นางจะยังรักสนุกตามประสาเด็ก ๆ"
"หยุดพูดเรื่องของนางเถิด ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าเยว่คิดให้เจ้าออกเรือนงั้นหรือ"
"เจ้าค่ะ"
"แล้วเจ้าตัดสินใจแล้วหรือยังว่าอยากแต่งกับผู้ใด"
"เรื่องนี้ข้าแล้วแต่ท่านพ่อท่านแม่เจ้าค่ะ" นางเลี่ยงตอบตามตรง เพราะในอนาคตไม่อาจรู้ว่าตระกูลโจวจะรุ่งเรืองหรือตกต่ำ หากนางตัดสินใจผิดพลาดรังแต่จะทำให้ตัวเองเดือดร้อนและอับอาย
"เช่นนั้นหากเจ้าไม่รังเกียจ..." ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยอันใดมากไปกว่านั้น จู่ ๆ เสียงสาวใช้ของฮูหยินเยว่ได้ขัดขึ้นเสียก่อน
"คุณหนู นายท่านกับฮูหยินเรียกพบเจ้าค่ะ"
"พี่เฟิ่งฉี ครั้งนี้ข้าเสียมารยาทแล้ว"
"ไม่เป็นไร เจ้าไปเถิด"
คล้อยหลังหญิงสาวเขาหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเก่าขึ้นมาดูราวกับว่าต้องการสื่อความรู้สึกบางอย่างส่งให้ใครบางคนที่เขาจำไม่ได้
"ท่านแม่ทัพ"
"เจ้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน ข้าบอกให้เจ้ารอที่รถม้าไม่ใช่หรือ"
"ขออภัยที่ข้าน้อยขัดคำสั่ง เพียงแต่เรื่องนี้สำคัญ ทำให้ไม่อาจรอช้าได้ขอรับ"
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นรึ"
"คนของเราในวังส่งข่าวมาว่า เบื้องบนมีคำสั่งให้ขุนนางออกรบที่ชายแดนซีเป่ย"
"..."
"โดยให้ทหารติดตามไปเพียงหมื่นคน เห็นทีออกรบครั้งนี้คงเป็นเรื่องยากที่จะมีขุนนางเสนอตัว"
"กำลังทหารของซีเป่ยมีจำนวนเท่าใด"
"แสนคนขอรับ"
"คงเป็นเรื่องยากจริง ๆ"
"ท่านแม่ทัพคิดเห็นเช่นไร จะร่วมออกรบรึไม่"
"หากไม่มีใครอาสา ข้าคงต้องไป"
"แต่นายหญิงจะยอมหรือขอรับ"
"เกี่ยวอะไรกับท่านแม่ ข้าเป็นบุรุษปกป้องบ้านเมืองเป็นต้องมาก่อนตระกูล"
"แต่ท่านยังไม่ได้แต่งงานเลยนะขอรับ หากท่านไม่มีชีวิตรอดกลับมาตระกูลโจวจะทำเช่นไร"
"เรื่องนั้นยังเร็วเกินไปที่จะกังวล"
"มิเช่นนั้น ท่านแต่งกับแม่นางเซียวก่อนไปรบเป็นอย่างไร" เหลียนอี้ออกความเห็น
"เกี่ยวอันใดกับนางกัน ข้าไม่มีทางแต่งกับเซียวม่านเหม่ยแน่"
"เช่นนั้นท่านจะบอกว่าคิดแต่งแม่นางเยว่เป็นฮูหยินอย่างนั้นหรือ"
"ไม่ใช่เรื่องของเจ้า" เขาตัดบทสนทนา ก่อนเดินมุ่งหน้าไปยังรถม้าที่จอดรออยู่หน้าจวน
เหลียนอี้มองตามแผ่นหลังของผู้เป็นเจ้านายพลางส่ายหัวไปมา ดูทีแล้วคงไม่พ้นคำกล่าวที่ว่า ผู้เล่นมักดูเกมไม่ออก แต่ผู้ชมมักอ่านเกมทะลุปรุโปร่ง
"ในเมื่อตัดสินใจแล้ว อย่ากลับมาเสียใจทีหลังแล้วกันนะขอรับ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน" เขาเอ่ยขึ้นเบา ๆ
