6 ตื่นอีกทีก็อยู่บนเตียง
มาร์คัสกดปุ่มแผงกั้นลงเมื่อรู้สึกว่ารถจอดสนิท เพื่อคุยกับคนขับและผู้ช่วยที่อยู่ด้านหน้า
“บอสครับ บ้านเธอหลังไหนครับ” ยุทธนาซึ่งเป็นคนขับรถและบอดี้การ์ดถามขึ้น
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แพทริคนายรู้ไหม”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ บอสจะเอายังไงดี ถ้าเราไปกดออดแล้วไม่ใช่บ้านเธอผมเกรงว่าจะไม่ดีเท่าไหร่”
ชายหนุ่มหันมาปลุกคนที่หลับอยู่ข้างๆ ทั้งเรียกทั้งเขย่าแต่เจ้าตัวก็หลับไปไม่รู้เรื่อง ชายหนุ่มทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด แล้วมาร์คัสก็เป็นคนพูดขึ้น
“ไปเพนเฮาส์เลย”
รถคันหรูแล่นออกจากซอยเล็กๆ จากนั้นขึ้นสู่ถนนใหญ่ที่ค่อนข้างโล่ง ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็มาถึงคอนโดหรูซึ่งห้องด้านบนหนึ่งในสี่ห้องเป็นเพนเฮาส์ของมาร์คัส ส่วนคนขับรถและแพทริคพักอยู่ต่ำลงมาอีกชั้น
“ให้ผมช่วยไหมครับ” แพทริคเดินมาเปิดประตูรถฝั่งที่มิรันดานั่งอยู่
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไปเปิดลิฟต์รอแล้วกัน”
ชายหนุ่มช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาอุ้มอย่างเบามือเพราะกลัวคนที่กำลังฝันหวานจะตื่นขึ้นมาโวยวาย
พอมาถึงชั้นบนสุดแพทริคก็เปิดประตูห้องให้เจ้านายแล้วตัวเองก็ขอตัวลงมาที่ห้องพักของตนเองที่อยู่ถัดลงมาอีกชั้น โดยทิ้งให้ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง
มาร์คัสวางเธอลงบนโซฟาขนาดใหญ่ที่ห้องรับแขกก่อนจะเข้าไปเปิดประตูห้องนอนที่อยู่ตรงข้ามห้องของตนเอง แล้วกลับมาอุ้มหญิงสาวเข้าไปนอนในนั้น
10.15 น. เพนเฮาส์
มิรันดาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่และตนเองอยู่ไหน จำได้ว่าครั้งสุดท้ายนั่งอยู่บนรถของมาร์คัส
หญิงสาวรีบสำรวจเสื้อผ้าของตนเองพอเมื่อรู้สึกว่าทุกชิ้นยังอยู่ครบแม้กระทั่งรองเท้าก็รู้สึกสบายใจขึ้น เธอเดินคลำทางจนเจอกับสวิตช์ไฟก็รีบกดเปิด
ห้องที่เธออยู่นั้นขนาดใหญ่กว่าห้องที่บ้านเช่าของตนเองอยู่มาก มีห้องน้ำในตัว พอเปิดผ้าม่านออกก็ต้องรีบหยีตาเพราะแสงแดดจากด้านนอกนั้นแรงกว่าแสงไฟในห้องหลายเท่าตัว
มิรันดาไม่มีเวลาสำรวจอะไรมากเพราะอยากรู้ว่าที่นี่คือที่ไหนและใครเป็นคนพาเธอมา หรือเมื่อคืนคุณมาร์คัสจะเป็นคนพาเธอมาที่นี่
หญิงสาวออกมาจากห้องนอนก็ไม่เจอใคร อยากจะรีบออกไปจากห้องนี้แต่ประตูเจ้ากรรมกลับเปิดไม่ออก
เธอจึงโทรหาคนที่อยู่กับเธอครั้งสุดท้าย พอกดโทรออกก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นบนโซฟาตัวที่ตนเองนั่งอยู่
ใบหน้าสวยงอง้ำเมื่อเห็นว่าบนหน้าจอปรากฏรายชื่อคนโทรเข้า
‘เมียน้อย’
หญิงสาวมองอย่างขัดใจ อยากจะเปลี่ยนชื่อแต่เขาก็ตั้งค่าล็อกหน้าจอไว้ มิรันดาเก็บความแค้นไว้ในใจถ้าวันไหนเธอมีโอกาสจะเปลี่ยนชื่อจากสายเรียกเข้าในแบบที่เธออยากให้เป็น
จะกลับบ้านก็กลับไม่ได้ มิรันดาเลยได้แต่นั่งเล่นมือถือ เธอเดาว่าตอนนี้ชายหนุ่มที่พาเธอมาคงจะนอนอยู่ในห้องไหนสักห้อง แต่จะไปเคาะประตูเรียกก็กลัวว่าตนเองจะเคาะผิดห้อง
ยิ่งนั่งรอก็ยิ่งหิวมิรันดาเลยเดินไปยังส่วนที่เป็นห้องครัว หญิงสาวเปิดตู้เย็นเพื่อหวังว่าจะเจออะไรสักอย่างแต่ในนั้นมีแค่น้ำเปล่าและเบียร์อีกเป็นจำนวนมาก
เธอหยิบน้ำขึ้นมาหนึ่งขวดแล้วกลับมานั่งบนโซฟาอย่างเดิม จิบน้ำรองท้อง แล้วนึกถึงในอดีตตอนที่ตัวเองยังเด็กและแม่ครูออกไปธุระข้างนอก เธอกับเพื่อนยังเด็กทำอาหารยังไม่เป็นและอาหารในครัวก็เหลือแค่ขนมปังไม่กี่ชิ้น เธอและเพื่อนซึ่งมีอายุมากกว่าเด็กคนอื่นจึงเสียสละให้น้องเล็กอีกสี่คนได้ทานขนมปัง ส่วนเธอ ชนิศาและโยษิตาก็ได้แต่นั่งดื่มน้ำและมองตาปริบๆ เพราะความหิว
เมื่อนึกถึงเรื่องอดีตก็รู้สึกหัวใจพองโต วันนี้แล้วสินะที่เธอจะนำเงินไปให้แม่ครู เธอรู้ว่าแม่ครูจะต้องตกใจและคาดคั้นว่าเธอไปเอาเงินมาจากไหน
มิรินดากับเพื่อนตกลงกันแล้วว่าจะบอกแม่ครูไปว่าคุณมาร์คัสเป็นคนนำเงินมาบริจาค เพราะเขารู้เรื่องราวจากคุณศิลาเจ้านายของมิรันดา
มิรินดานั่งเล่นมือถือจนเบื่อ กว่าเจ้าของห้องตื่น
“อ้าว ตื่นนานแล้วเหรอ” เขาเดินออกมาจากห้องทั้งที่สวมชุดนอนอยู่ผมก็ดูยุ่งเหยิงต่างจากที่เคยเห็น อยากจะรู้จังว่าถ้าคนอื่นเห็นเขาในสภาพนี้คงได้ตกใจแน่นๆ นึกได้ดังนั้นมิรันดาก็ปิดเสียงโทรศัพท์แล้วกดถ่ายรูปของเขาไปหลายรูป
“ค่ะ ฉันตื่นนานแล้วแต่เปิดห้องไม่ได้ คุณช่วยเปิดให้หน่อยไหมคะ”
“จะรีบไหน กินอะไรก่อนสิ”
“ฉันยังไม่หิวค่ะ”
“กินน้ำหมดไปสองขวดยังจะบอกไม่หิว รอสิบนาทีก็ได้กินแล้ว”
“เมื่อคืนคุณทำไมไม่ไปส่งฉันที่บ้านคะ”
“ปลุกแล้วแต่เธอไม่ตื่นเองจะให้ฉันทำยังไงล่ะ”
“ปลุกแล้วแน่นะคะ”
“แน่สิ ไม่เชื่อก็ลงไปถามแพทริคกับยุทธนาชั้นล่างสิจะได้รู้ว่าฉันไปส่งเธอที่บ้านแล้วแต่ไม่รู้หลังไหน ปลุกเธอ ก็ไม่ตื่นจะทิ้งไว้ข้างทางก็ดูใจร้ายไปหน่อยก็เลยต้องพามาที่นี่ไงล่ะ”
พูดจบมาร์คัสก็แปลกใจตนเองเพราะแต่ก่อนเขาไม่เคยต้องอธิบายอะไรให้ใครฟังหรือพูดกับใครยาวๆ แบบนี้มาก่อน แต่กับหญิงสาวตรงหน้าเขากลับรู้สึกเป็นกันเองจึงไปพูดอะไรยาวๆ แบบนั้นออกไป
“ขอบคุณนะคะ”
“ฉันว่าเธอไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนไหมเดี๋ยวจะได้ออกมากิน”
“ฉันไม่มีแปรงสีฟัน”
“เข้าไปดูในห้องน้ำแล้วเหรอถึงบอกไม่มี”
“ยังค่ะ”
“แล้วจะรออะไร หรือจะให้ฉันไปช่วยแปรง”
“เปล่าสักหน่อย” มิรันดารีบวิ่งเข้าไปยังห้องเดิม แล้วตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านในทันที
ห้องน้ำที่นี่ดูหรูหราราวกับโรงแรมห้าดาวที่เธอเคยเห็นในเพจรีวิวที่พัก ทุกอย่างสีขาวสะอาดตาและน่าใช้งาน
หญิงสาวหยิบแปรงมาแกะจากนั้นก็รีบจัดการทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็ว อันที่จริงเธอก็อยากอาบน้ำมากกว่าแต่คิดว่าคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ อีกอย่างถ้าเธอเอาแต่ชักช้าอย่างนี้ก็กลัวจะไปจัดการธุระให้แม่ครูไม่ทัน
เธอไม่รู้ว่ามาร์คัสจะจ่ายเป็นเงินสดหรือเช็ก ถ้าเป็นอย่างหลังเธอจะต้องเกาะติดเขาไว้ก่อนรอให้แน่ใจว่าขึ้นเงินได้แล้วค่อยไปบอกข่าวดีกับแม่ครู
หลังทานอาหารรแล้วมาร์คัสก็ปลดล็อกประตูให้เธอพร้อมบอกวิธีใช้งานเพราะอีกหน่อยเธอจะต้องมาอยู่กับเขาที่นี่ถึงสามเดือน
“คุณจะจ่ายเป็นเงินสดเหรอคะ ถึงต้องให้ฉันไปธนาคารด้วย”
“เปล่า จ่ายเช็ก”
“อ้าว แล้วจะต้องไปธนาคารทำไม จ่ายตอนนี้เลยก็ได้นี่คะ”
“งกจริงนะ สมุดเช็กฉันหมดต้องไปเอาที่นั่น แล้วก็เตรียมเก็บของใช้เท่าที่จำเป็นมาด้วย ฉันขี้เกียจไปบ้านเธอหลายรอบ”
“ฉันต้องมาวันนี้เลยเหรอคะ”
“ฉันจ่ายเธอวันนี้เธอก็ต้องมาวันนี้สิ มันเข้าใจยากตรงไหน”
“ไหนๆ คุณก็ไปธนาคารแล้วก็เบิกเงินเลยสิคะ แล้วก็เอาเข้าบัญชีฉันเลย”
“เรื่องเงินนี่ฉลาดจริงนะ รีบกลับไปเตรียมตัวได้แล้ว ฉันไม่อยากเสียเวลา”
“คุณจะไปกี่โมงค่ะ”
“บ่ายสอง”
“บ่ายสองโมงแน่นะคะ”
“มิรันดาถ้าเธอยังถามอีกฉันจะเปลี่ยนใจแล้วนะ”
“อย่านะคะ คุณไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนใจ ฉันไปจริงๆ ล่ะ แล้วจะรอคุณหน้าบ้านนะคะ”
มิรันดากลับมาถึงบ้านก็รีบเก็บของใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เลือกเอาไปเฉพาะของที่จำเป็นและหนังสืออีกจำนวนหนึ่งเพราะมีเวลาจำกัด เพราะถ้าขาดเหลืออะไรค่อยนั่งรถเมล์มาเอาวันหลังก็ได้
จัดของเสร็จก็รีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นั่งรอเวลาให้เขามารับ
เหลือสิบนาทีจะบ่ายสองโมงมิรันดาก็ถือกระเป๋ามารอที่หน้ารั้วบ้าน
รถตู้คนหรูแล่นเข้ามาในซอยมิรันดารีบโบกมือให้ ใบหน้าหวานยิ้มอย่างยืนดีเพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเธอก็จะได้เงินตามที่ต้องการแล้ว