13 นึกภาพไม่ออก
มิรันดาหลับไปถึงสามชั่วโมงพอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้น เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ บางอย่างมันเสียไปแล้วก็ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ และการร้องไห้ฟูมฟายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ระหว่างนี้เธอก็เรียบคำพูด เธออยากขอกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าอย่างเดิม เพราะคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับเขาก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งนางบำเรอ แล้วมิรันดาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเท่ากับว่าเธอมีโอกาสตั้งท้องหรือติดโรคจากเขา
มิรันดารีบลุกจากที่นอนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วเธอต้องไปร้านยาที่ใกล้ที่สุดเพราะเท่าที่เคยอ่านเจอต้องทานยาภายใน 24 ชั่วโมง
แต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องมาร์คัสก็กลับมาจากทำธุระข้างนอกแล้ว
“จะไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคิดว่ามิรันดาจะหนีกลับบ้าน
“ไปซื้อของค่ะ”
“ครั้งต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกผมหรือไม่ก็แพทริคก่อน”
“ฉันไม่ใช้นักโทษนะ”
“แล้วผมเคยพูดไหมล่ะว่าคุณเป็นนักโทษ ออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย”
“นี่คุณที่ผ่านมาฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตลอดไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
“ก็ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ในเมื่อคุณเป็นผู้หญิงของผม”
“ฉันยังไม่ตกลงเลย”
“ถ้าไม่ตกลงก็เอาเงินคืนมาสิ”
“อ้าว คุณ เมื่อคืนยังบอกอยู่เลยว่าไม่เอาคืน แล้วนี่อะไรอีก จะมาเอาคืนได้ยังไง พูดจากลับไปกลับมาแบบนี้มันน่ารักเลยนะ”
“นี่ ผมถามหน่อยเถอะทำไมถึงไม่อยากเป็นผู้หญิงของผมล่ะ ผมทั้งรวยทั้งหล่อ”
“คุณก็หลงตัวเองเหมือนกันนะ เอาล่ะ ถ้ากล้าก็กล้าตอบ ฉันไม่อยากเป็นผู้หญิงของใครทั้งนั้นแหละ ต่อให้หล่อหรือรวยมากแค่ไหน ฉันอยากเป็นตัวของฉันเอง อยากเรียนให้จบและรีบทำงาน การเป็นผู้หญิงของใครสักคนถ้ามันแลกมาด้วยการขาดอิสรภาพทั้งร่างกายละความคิด มันไม่โอเคสำหรับฉัน”
“แต่ผมให้อิสระคุณเต็มที่เลยนะ”
“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดเองว่าจะไปไหนให้บอกคุณแพทริคกับคุณทุกครั้ง”
“ก็ผมกลัวจะเกิดอันตรายกับคุณไงล่ะ”
“ไม่มีใครทำอันตรายอะไรฉันหรอกค่ะ ที่ผ่านมาก็มีคุณนี่แหละที่เป็นอันตรายที่สุดสำหรับฉัน”
“ก็แค่บอกว่าจะไปไหนก็พอ เผื่อเกิดอะไรขึ้น ผมจะได้รู้ว่าคุณอยู่ไหน”
“เฮ้อ ดูท่าแล้วคุณจะไม่ยอมให้ฉันออกไปไหนคนเดียวจริงๆ ใช่ไหม”
“ครับ เริ่มจากวันนี้เลยคุณจะออกไปไหน”
“ฉันจะไปร้านขายยา”
“กินยาไปแล้วยังไม่ดีขึ้นเหรอ” เขาถามอย่างเป็นห่วงพลางเอาหลังมอมาแตะลงบนหน้าผาก มิรันดายืนตัวแข็งทื่อเพราะเขาเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมที่เธอเลือกเมื่อวาน
“ดีขึ้นแล้วค่ะ” หญิงสาวถอยหลังจนหลังชนกับกำแพง
“แล้วจะไปร้านขายยาทำไม”
“ก็ไปซื้อยาบางอย่าง”
“ยาอะไรบอกมา เดี๋ยวสั่งคนไปซื้อให้”
“ไม่เอาจะไปซื้อเอง”
“คุณท่าทางมีพิรุธนะมิรันดาคุณไปซื้อยาจริงๆ หรือจะแอบหนีผมไปกันแน่”
“คิดมากเกินไปไหมค่ะคุณมาร์คัส ก็เห็นอยู่ว่าฉันถือแต่กระเป๋าตังมาอย่างเดียวถ้าฉันจะหนีคุณฉันก็ต้องเอาของใช้อื่นกลับไปด้วย”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าแต่ยาอะไรบอกผมมาเถอะน่า”
“ยาคุมฉุกเฉินไง”
“อ้อ”
“ให้ฉันไปได้แล้วใช่ไหม”
“คุณกลัวท้องเหรอ”
“ใช่สิ ฉันยังไม่อยากทิ้งโย้ไปเรียน”
“ไม่ต้องไปซื้อหรอกยังไงคุณก็ไม่ท้อง”
“คุณไม่สวมถุงยางสักครั้งฉันกลัวพลาด หรือว่าคุณเป็นหมัน”
มาร์คัสว่าจะเก็บเรื่องยาที่ให้เธอทานไปตอนเช้าเป็นความลับแต่เมื่อเธอจะลงไปซื้อเขาก็เลยต้องบอกว่าเมื่อเช้านอกจากนาลดไข้ ยาแก้อักเสบแล้วยังมียาคุมฉุกเฉินด้วยอีกหนึ่งเม็ด
มิรันดาฟังแล้วก็อึ้ง ไม่คิดว่าเขาจะรอบคอบขนาดนั้น
“คุณคงมียาพวกนั้นพกติดตัวตลอดใช่ไหมล่ะ” พอไม่ต้องไปซื้อยามิรันดาก็เดินกลับมานั่งบนโซฟา
“ใครจะพกยาแบบนั้นกัน ปกติผมก็ป้องกันตลอด แต่ผมพาคุณมาที่นี่โดยไม่คิดจะทำอะไรคุณ ก็เลยไม่ได้เตรียมถุงยางไว้ คุณโกรธไหม”
“ไม่ค่ะ แค่ตกใจมากกว่า แต่ก็ดีแล้วฉันเองก็ยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตใครหรอก”
“คุณไม่อยากมีลูกเหรอ”
“อยากสิ แต่นั่นต้องเป็นลูกที่เกิดจากความรัก ฉันไม่อยากมีลูกโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วปล่อยให้เด็กออกมาเป็นภาระสังคม เป็นเด็กกำพร้าเหมือนฉัน”
มิรันดาถูกเอามาทิ้งที่หน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอไม่รู้เลยว่าพ่อและแม่ของตนเองเป็นใคร
“คุณหมายถึงถ้าคุณพร้อมก็จะมีลูกเหรอ”
“ค่ะ ถ้าฉันเจอคนที่ฉันรักและเขารักฉัน และเมื่อเราพร้อมฉันก็อยากมีลูกสักคน แล้วคุณล่ะ”
“ผมนึกภาพตัวเองเป็นพ่อไม่ออกเลย”
“นั่นก็เพราะคุณยังไม่พร้อม ถ้าคุณพร้อม หรือมีคนที่คุณอยากใช้ชีวิตด้วยภาพเหล่านั้นจะตามมาเอง” มิรันดาเอาคำพูดที่แม่ครูเคยสอนมาบอกกับเขา
“ผมถามหน่อยสิ ภาพที่คุณนึกถึงมีผมอยู่ในนั้นไหม”
“ฉันก็เพิ่งบอกไปว่ายังนึกภาพไม่ออก เอาล่ะ ไม่อยากเสียเวลาคุยกับคุณแล้วขอตัวก่อนนะคะ”
“จะไปไหน คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยนะ ออกไปหาอะไรกินข้างนอกไหม”
พอพูดถึงของกินมิรันดาก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที
“ไปค่ะ ฉันต้องเปลี่ยนชุดไหม” มิรันดาลุกยืนแล้วหมุนตัวให้เขาดู ชุดที่เธอสวมวันนี้กางเกงขาสั้นสีดำเอวสูงอวดเรียวขาสวยกับเสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายตรงหน้าอก
“ไม่ต้องหรอกแบบนี้ก็น่ารักดี”
“คุณจะให้ฉันเดินด้วยจริงๆ ใช่ไหมคะ”
“ทำไม่คิดว่าไม่ให้เดินด้วยล่ะ”
“ก็ดูคุณสิ เสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงก็สีดำ ไม่เบื่อเหรอคะ ฉันเจอทีไรคุณก็แต่งตัวแบบนี้ อยากกับไว้ทุกข์”
“ใช่ ผมกำลังไว้ทุกข์”
“ฉันขอโทษ” มิรันดาเสียงอ่อนลงอย่างสำนึกผิด
“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
มาร์คัสมาหญิงสาวมายังร้านอาหารที่เขามักจะมาทานเป็นประจำ ทางร้านจัดโต๊ะให้พวกเขานั่งค่อนข้างเป็นส่วนตัว
“คุณไม่ชอบคนเยอะใช่ไหมคะ”
“อือ”
“ถ้าคุณไม่ชอบจะชวนฉันออกมากินข้าวข้างนอกทำไมล่ะ”
“ผมไม่อยากให้คุณอุดอู่อยู่แต่ในห้องไง ผมกลัวคุณเบื่อ”
“ไม่เบื่อเลยค่ะ ห้องคุณทีวีก็จอใหญ่ฉันนอนดูซีรีส์ได้ทั้งวันเลยค่ะ”
“ดูเหมือนคุณจะติดซีรีส์มากนะ”
“แน่นอนค่ะ การได้ดูอะไรแบบนั้นมันเหมือนกับฉันหลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งที่ไม่เคยรู้จัก ทั้งผู้คนและสถานที่”
เมื่อบริกรเอาอาหารมาเสิร์ฟทั้งสองก็หยุดคุยชั่วคราว มิรันดาชอบอาหารอิตาลีอยู่แล้ว จึงทานอย่างเอร็ดอร่อยจากของขาวแล้วก็ตบท้ายด้วยของหวานอย่างทิรามิสุปิดท้าย
“สั่งเพิ่มไหม” เขาเห็นว่ามิรันดาทานทิรามิสุจนแทบไม่เหลือสักนิดก็ถามขึ้น
“ไม่ล่ะคะ”
“คุณชอบอาหารอิตาเลี่ยนเหรอครับ”
“ฉันก็ชอบอาหารทุกอย่างนั่นแหละค่ะ ยิ่งกินฟรีก็ยิ่งชอบ”
“อ้อ ผมเห็นบางคนบ่นว่าอาหารอิตาเลี่ยนมันเลี่ยนเหมือนกับชื่อ”
“ไม่นะ ฉันว่าอร่อยดีออก”
“แล้วที่กินมาทั้งหมดชอบอะไรมากที่สุด”
“ชอบทิรามิสุค่ะมันอร่อยลงตัวมาก”
“ถ้าชอบจะพามากินบ่อย”
“อย่าเลยค่ะ ฉันกินข้าวแกงก็ได้ อาหารพวกนี้กินบ่อยไม่ดีเท่าไหร่”
“ทำไมบอกว่าไม่ดีล่ะ วัตถุดิบเขานำเข้ามาเลยนะ” เพราะรู้จักกับเจ้าของร้านมาร์คัสเลยรู้ดีว่าที่นี่ใช้แต่ของมีคุณภาพ
“ก็มันแพงไงคะ ถ้าคุณกลับประเทศของคุณไปแล้ว ฉันคงไม่มีปัญญามากินแน่”
“ผมบอกจะกลับตอนไหน”
“คุณนี่ยังไม่แก่เลยความจำเสื่อมแล้ว คุณบอกฉันว่าจะอยู่ที่นี่แค่สามเดือน”
“ผมก็พูดไปอย่างนั้นแหละ บางทีผมก็อาจจะอยู่ยาว”
“จริงเหรอคะ” มิรันดาดีใจที่เขาจะอยู่ต่อ
“ก็คิดว่าอย่างนั้นนะ” มาร์คัสแอบยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอดีใจที่เขาบอกจะอยู่ต่อ แม้ว่ามิรันดาจะไม่ให้คำตอบเขาตรงๆ ว่าเธอยอมเป็นผู้หญิงของเขา แต่จากการแสดงออกของเธอเขาก็พอเดาได้ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่พูดเรื่องนี้กับเธออีก แต่จะใช้ชีวิตไปแบบนี้เรื่อยๆ มีความสุขกับปัจจุบันโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก
ออกจากร้านอาหารเขาก็บอกแพทริคไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าเพราะเขามีบางอย่างจะต้องไปซื้อ
“คุณมาร์คัสคะ ฉันไม่ซื้ออะไรเพิ่มอีกแล้วนะคะ”
“ทำไมต้องให้เตือนว่าให้เรียกผมว่ายังไง”
“คุณก็เรื่องมากเหมือนกันนะคะคุณมาร์ค”