บทที่ 1 ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ
เช้านี้เป็นเหมือนกับทุกวันที่จะต้องมานั่งหน้าเคร่งทำงาน มันไม่ใช่ว่าเขาต้องการ แต่มันเป็นหน้าที่ของผู้สืบทอดธุรกิจของตระกูลเขา ชายหนุ่มเคยคิด หากมีน้องชายอีกคนจะดีมาก จะได้มาแบ่งเบาภาระที่หนักอึ้ง แต่มันก็เป็นได้แค่ความคิด ในเมื่อเขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลก็ต้องสู้ สู้เพื่อครอบครัวที่รัก ไม่ใช่ว่าเป็นลูกคนเดียวของตระกูล ยังมีน้องสาวตัวแสบอีกคน แต่รายนั้นเที่ยวเล่นไปวันๆ ไม่คิดจะทำงานทำการเลย ขนาดเรียนจบแล้ว แต่เจ้าน้องสาวก็เอาแต่เที่ยวตามประสาผู้หญิงสังคม จะว่าน้องสาวก็ไม่ได้ เป็นเพราะเขาเองที่ไม่อยากให้น้องสาวมาเหนื่อยแบบตน เลยตามใจแล้วแต่จะทำอะไรก็แล้วแต่เจ้าตัวเขา
พอก้าวเข้ามาในห้องทำงานแค่นั้นแหละ ความน่าเบื่อที่มีอยู่ก่อนหน้านั้นก็มลายหายไป เมื่อเจอกับคู่แข่งทางธุรกิจ ที่ชอบมาตามตื้อ ตามขายขนมจีบเขาได้ทุกวี่ทุกวัน จะไล่ก็แล้ว จะด่าว่าก็แล้ว แต่หล่อนก็ยังหน้าด้านหน้าทนมาเสนอหน้าให้เขาเห็นอยู่ได้ ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนสนใจอะไรในตัวเขานัก
“ผู้หญิงบ้าอะไรวะ!น่ารำคาญซะมัดเลย” แอติโร่ ชาร์ลอเวนิล หรือติโร่ วัย 30 ปี ชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าเข้มวาววับน่าค้นหา รูปร่างสูงโปร่งใบหน้าสวยเกินหญิงไม่ว่าหญิงใดได้สบนัยน์ตาสีฟ้าเป็นต้องหลงใหล ทายาทเพียงคนเดียวของตระกลูชาร์ลอเวนิล กรุ๊ป มีสาขาใหญ่อยู่ฝรั่งเศสเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปเลยก็ว่าได้มีสาขาอื่นมากมายทั่วโลก เป็นที่รู้จักของทุกคนในแวดวงธุรกิจมากมาย ซึ่งสาขาใหญ่นี้ชายหนุ่มเป็นผู้บริหารอยู่ และมีคู่แข่งที่แข่งขันกันมาช้านานอย่าง เคเตอร์กรุ๊ปจำกัด ซึ่งตอนนี้กำลังมีผู้บริหารคนใหม่บริหารงานอยู่ ผู้บริหารที่ว่านั้นก็เป็นคนที่ชายหนุ่มเกลียดที่สุดในชีวิตและวิ่งหนีมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียนที่อังกฤษ
“ถึงฉันจะน่ารำคาญยังไง แต่เชื่อเถอะสักวันนายจะหลงฉันหัวปักหัวปำ” เมก้า เคเตอร์ หรือเมก้าหญิงสาวลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส วัย 28 ปี หญิงสาวรูปร่างเพรียวระหง นัยน์ตาสีน้ำตาลเฉียวคมสะกดทุกสายตาเมื่อสบมา ชายใดเห็นเป็นต้องหลงรัก แต่ไม่ใช่กับชายคนนี้ หล่อนเป็นผู้บริหารเคเตอร์กรุ๊ป ถึงจะรู้ว่าครอบครัวของตนกับครอบครัวชายหนุ่มไม่ถูกกัน แต่ก็อย่างว่าหล่อนเป็นคนดื้อด้าน ไม่ฟังใคร ไม่มีใครสั่งได้ นอกจากเจ้าตัวจะยอมเองเท่านั้น
รู้ว่าเป็นผู้หญิงต้องรักในศักดิ์ศรี ไม่เที่ยวตามตื้อผู้ชายแบบนี้ จำได้ไม่เคยลืมคำสอนของแม่ แต่จะทำไงได้ ในเมื่อได้รักไปแล้ว แถมคนที่รักก็ร้ายปานนั้น จะให้ทำเป็นแม่สนิมสร้อยอยู่ได้ไง อีกอย่างมันหมดยุคผู้หญิงเรียบร้อย รอผู้ชายมาจีบแล้ว ผู้หญิงยุคใหม่ต้องจีบผู้ชายก่อนกันทั้งนั้น ถ้ารอให้มาสนใจมีหวังได้นั่งหอกบนคานทองแน่ๆ
“ชาติหน้าเถอะยัยเว่อร์เอ้ย!” แอติโร่ว่ากลับอย่างรำคาญ
“ทำไม ฉันเว่อร์แล้วจะทำไม ก็ฉันสวย อีกอย่างผู้ชายทั่วยุโรปก็ต่างหมายปองฉัน ทำไมนายไม่คิดเหมือนผู้ชายพวกนั้นบ้างย่ะ”
“ไม่! ฉันไม่เคยคิดจะชายตามองผู้หญิงอย่างเธอหรอก ใครได้มาเป็นแม่ของลูกมีหวังซวยไปทั้งชาติ ผู้หญิงอะไรแรงไม่มีที่ติ แถมมีข่าวฉาวกับผู้ชายไปทั่ว”
“ฮั่นแน่! นายก็ติดตามข่าวฉันเหมือนกันนี่ถึงได้รู้ แล้วทำไม่นายถึงทำหน้าไม่พอใจฉันด้วยหึ หรือว่านายแอบมีใจให้ฉันแล้ว หึงก็พูดมาเถอะติโร่” เมก้าเอ่ยแขวะแอติโร่เล่นๆ
“บะ...บ้า! เหรอยัยเว่อร์ ใครเขาจะไปสนใจเธอ แล้วนี้ไม่ไปทำงานเหรอ มาตามฉันทำไม ระวังเถอะโรงแรมของเธอจะแพ้ฉันในปีนี้ อย่าลืมสิว่าเราเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกัน” ‘ติโร่เอ้ย! แกเกือบทำให้ยัยบ้านี้รู้แล้วไหมล่ะ ว่าเราเริ่มหวั่นไหวไปกับยัยบ้านี้แล้ว’ ประโยคถัดมาแอติโร่บอกกับตัวเอง
“ค่า...รู้แล้วว่าคนอย่างผู้บริหารหนุ่มรูปหล่อไฟแรงไม่มีวันมาสนใจคู่แข่งของตัวเองหรอก ส่วนงานฉันก็มาทำอยู่นี้ไง มาสืบความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง และมาตามจีบคู่แข่งเพื่อมาเป็นพ่อของลูกด้วย คิกๆ” พูดอย่างใจคิด จนลืมสนใจคนรอบข้าง
“ยัยบ้าเอ้ย! ใครเขาจะไปมองเธอ ไปๆ จะไปไหนก็ไปเลยไป๊!”
“ทำเป็นพูดดีไป แต่ข้างในอยากให้ฉันอยู่ด้วยใช่ไหมอ่ะ”
“เมก้า! เธอฟังฉันไม่รู้เรื่องรึไง ฉันบอกให้ไปก็ไปสิ” ตวาดด้วยความหงุดหงิด
“ฉันไปก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะมาอีก อ้อ! แล้วอย่าหลงรักฉันขึ้นมาล่ะจะบอกให้ ถ้ารักฉันแล้วนายจะรู้ว่านรกมันมีจริง หึหึ” เอ่ยจบก็เดินออกจากห้องไปด้วยความเบิกบานใจ
“ยัยบ้าเอ้ย! ใครเขาจะไปรักเธอ แค่รู้จักกันก็เหมือนตกนรกแล้ว” พึมพำเมื่อเหลือตัวคนเดียวในห้อง
“สงสัยยัยนี้ไม่ทำงานทำการเลยมั้งเนี่ย ถึงว่าแหละผู้หญิงเป็นผู้บริหารรึจะไปสู้ผู้ชายได้ หึหึ แต่ดูไปดูมายัยนี้ก็น่ารักดีแฮะ บ้าไปแล้วไอ้ติโร่นายคิดว่ายัยนั้นน่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่” ตอนนี้เขาสับสนวุ่นวายไปหมดในความรู้สึกที่เป็นอยู่ในตอนนี้