บทที่ 7 ตัวปัญหา
เจียงฉิงฟางจ้องมองคนสกุลเฉินและคนสกุลเจียงด้วยสีหน้าเย็นชา ในความทรงจำของร่างนี้คนสกุลเจียงหาได้ดีต่อนางมากนัก ทุกคนในสกุลเจียงต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าความงามของนางจะชักนำเภทภัยในมาสู่สกุลเจียง ส่วนในนิยายที่เจียงฉิงฟางเคยอ่านมา หลังเจียงฉิงฟางตายไปแล้วคนสกุลเจียงก็ได้ทอดทิ้งลูกน้อยทั้งสามของเจียงฉิงฟาง ปล่อยให้พวกเขาต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดกันตามลำพัง จนทำให้พวกเขาเติบโตไปกลายเป็นตัวร้ายในนิยายที่มีจุดจบในตอนสุดท้ายที่สุดแสนจะอเนจอนาถ ดังนั้นสำหรับนางแล้วคนสกุลเจียงหาได้เป็นกลุ่มคนที่นางคิดจะให้ความสำคัญ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านลุง ท่านป้าสะใภ้วันนี้ลมอะไรจึงได้หอบพวกท่านมาจนถึงที่นี่ได้” คำถามของเจียงฉิงฟางทำให้สีหน้าของคนสกุลเจียงพลันบึ้งตึงมากยิ่งขึ้น
“ฉิงเหยาไปตามพวกเรามาน่ะสิ นางบอกว่าเจ้าทำร้ายนางที่ร้านสกุลจี้แล้วยังคิดจะยั่วยวนสามีของนาง บอกให้พวกเรามาจัดการเจ้าให้นาง” คำพูดของเจียงโซ่วผู้เป็นบิดาทำให้เจียงฉิงฟางหัวเราะหึหึ ออกมา
“นางพูดพวกท่านก็เชื่อเช่นนั้นหรือ ทำไมจึงไม่สอบถามนางเล่าว่าเพราะเหตุใดข้าจึงได้ทำร้ายนาง ส่วนเรื่องการยั่วยวนพี่เขยของตนเองนั้นพวกท่านจงลืมไปได้เลย ต่อให้ข้าชั่วช้ามากเพียงใดความคิดที่จะยั่วยวนคนโง่สมองกลวงเช่นนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดของข้า” คำพูดของเจียงฉิงฟางทำให้ทั้งคนสกุลเจียงและคนสกุลเฉินจ้องมองนางด้วยโทสะ ส่วนเฉินอี้ในยามนี้ก็กำลังจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการตัดพ้อ
“เจียงฉิงฟาง ปากเจ้าเอ่ยออกมาเช่นนี้แต่การกระทำของเจ้ากลับตรงกันข้าม หากเจ้าไม่ได้คิดจะยั่วยวนสามีของข้า แล้วเหตุใดเขาจึงได้มาอยู่ที่ตรงนี้ได้กันเล่า” คำถามของเจียงฉิงเหยาทำให้เจียงฉิงฟางแค่นหัวเราะออกมา
“เช่นนั้นก็ต้องถามสามีของเจ้าแล้วว่ามาที่นี่ทำไม แต่สำหรับข้า ข้าขอยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดที่จะทำเรื่องที่ผิดธรรมเนียมและประเพณีอย่างเช่นการยั่วยวนสามีของเจ้า อย่างที่เจ้ากล่าวหาข้าอย่างแน่นอน” คำพูดของเจียงฉิงฟางทำให้เจียงฉิงเหยาหันไปจ้องมองสามีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ ส่วนเฉินอี้ก็รีบเอ่ยปากออกหน้าแทนเจียงฉิงฟางในทันที
“อย่าได้โทษฉิงฟางเลย เป็นข้าที่มาหานางเองแล้วก็เป็นความผิดของพวกท่านด้วยที่บังคับให้ข้าต้องแต่งงานกับฉิงเหยา ทั้งๆ ที่คนที่ข้าอยากจะแต่งงานด้วยก็คือฉิงฟาง” คำพูดของเฉินอี้ทำให้เจียงฉิงเหยามีใบหน้าเขียวคล้ำในทันที
“ท่านพูดอย่างนี้ออกมาได้อย่างไร พวกเราแต่งงานกันมานานถึงเพียงนี้แล้ว ท่านยังกล้าเอ่ยออกมาเช่นนี้อีกหรือ” คำพูดของเจียงฉิงเหยาทำให้เฉินอี้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
“เดิมทีข้าก็ไม่คิดว่าจะพูดออกมาหรอก แต่ยิ่งนานวันเจ้าก็ยิ่งทำตัวน่าเบื่อหน่าย แต่งงานมาตั้งหลายปียังไม่สามารถมีลูกให้ข้าเสียที แถมยังมักจะหาเรื่องทะเลาะกับข้าได้ทุกวี่วัน เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าหากคนที่ข้าแต่งงานด้วยในตอนนั้นคือฉิงฟาง ยามนี้ข้าก็อาจจะได้เป็นบิดาไปนานแล้ว” คำพูดของเฉินอี้ทำให้เจียงฉิงเหยากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บช้ำ
“ท่านเอ่ยออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าพยายามทำตัวเป็นภรรยาที่ดี เป็นลูกสะใภ้ที่ดี ส่วนเรื่องมีลูกท่านไม่คิดว่าเป็นเพราะความบกพร่องของตัวท่านเองบ้างหรือ” เจียงฉิงเหยาเอ่ยพลางหันมาจ้องมองเจียงฉิงฟางที่ยังไม่ยอมเปิดประตูรั้วบ้านด้วยสายตาเจ็บช้ำแล้วจึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ส่วนฉิงฟางผู้นี้ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าหากท่านแต่งงานกับนางแล้วนางจะเป็นภรรยาที่ดีให้ท่าน ท่านไม่รู้หรือไงว่าก่อนหน้านี้นางพึ่งจะหนีตามบุรุษผู้หนึ่งไป แต่เพราะเกิดเหตุที่ทำให้นางต้องจมลงไปในแม่น้ำเสียก่อน ยามนี้นางจึงต้องซมซานกลับมาเป็นแม่ม่ายเลี้ยงลูกตามลำพังเช่นนี้” คำพูดของเจียงฉิงเหยาทำให้เจียงฉิงฟางโต้ตอบกลับในทันที
“เจียงฉิงเหยาข้าแค่ตกลงไปในแม่น้ำ เจ้าจะกล่าวหาว่าข้าคิดจะหนีตามผู้อื่นไปไม่ได้นะ ส่วนเรื่องที่ว่าข้ายั่วยวนสามีของเจ้า ข้าขอปฏิเสธและขอยืนยันต่อหน้าทุกคนว่าข้าไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น” เจียงฉิงฟางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ เพราะในความทรงจำของร่างนี้นางไม่เคยยั่วยวนเฉินอี้เลย เพราะหากนำเฉินอี้ไปเปรียบเทียบกับจ้าวถิงฟงและคนที่นางเคยคิดจะหนีตามไปด้วย เฉินอี้ไม่มีสิ่งใดเทียบเคียงบุรุษทั้งสองได้เลย
“อย่ามาทำพูดดี สตรีแพศยาเช่นเจ้าแค่อ้าปากข้าก็เห็นลิ้นไก่แล้ว” คำพูดของเจียงฉิงเหยาทำให้เจียงฉิงฟางเอ่ยออกมาอย่างเย้ยหยัน
“เจียงฉิงเหยา ตอนนั้นที่สกุลเฉินมาสู่ขอข้าที่สกุลเจียง เจ้าอยากได้การแต่งงานนี้จนตัวสั่นข้าก็ไม่เคยออกหน้ามาแย่งชิงกับเจ้า พอเจ้าแต่งงานไปแล้วแทนที่จะทำตัวดีๆ แต่กลับชอบพูดจาหาเรื่องข้า คิดว่าข้าริษยาเจ้าที่เจ้าได้แต่งงานเข้าบ้านสกุลเฉิน จวบจนข้าแต่งงานเข้าบ้านสกุลจ้าวมาแล้วเจ้าก็ยังไม่ยอมหยุด ยามนี้ยังพาคนของทั้งบ้านสามีของเจ้าและพาคนที่บ้านเดิมของพวกเรามาหาเรื่องข้าจนถึงที่นี่อีก หรือว่าเจ้าเห็นว่าคนเช่นข้าไม่มีสามีคอยปกป้องใช่ไหม เจ้าจึงได้พาคนมารุมรังแกข้าได้เช่นนี้ ข้าขอบอกกับเจ้าเอาไว้ตรงนี้เลยนะว่ามาทางไหนก็จงกลับไปทางนั้นเลย” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยเข่นนี้เจียงโซ่วก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตำหนิ
“ฉิงฟาง! นี่เจ้ากล้าไล่พวกข้าหรือ อย่าได้ลืมว่าพวกข้าคือญาติผู้ใหญ่ของเจ้านะ” คำพูดของเจียงโซ่วทำให้เจียงฉิงฟางยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน
“ญาติผู้ใหญ่ที่ไม่เคยปกป้องข้า คิดแต่จะหาผลประโยชน์จากข้า พอข้าหมดประโยชน์พึ่งพาไม่ได้แล้วก็เขี่ยข้าทิ้งราวกับขยะเก่าๆ พวกท่านที่เป็นเช่นนี้ยังจะให้ข้านับญาติอีกหรือ”
“ฉิงฟาง” ลู่เหมยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือเจียงฉิงฟางจ้องมองนางแล้วจึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ
“ท่านแม่ไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมาอีกแล้ว ตั้งแต่ข้ายังเด็กพวกท่านก็ยัดเยียดคำว่าตัวปัญหามาให้ข้า พูดกันว่าความงามของข้าจะนำความโชคร้ายมาให้สกุลเจียง ผู้อื่นพูดก็แล้วไป แต่พวกท่านที่เป็นบิดาและมารดากลับเห็นด้วยอย่างไม่คำนึงถึงจิตใจของลูกเช่นข้า ระหว่างข้ากับฉิงหร่วนทั้งท่านพ่อและท่านแม่มักจะเลือกที่เข้าข้างและช่วยเหลือนางก่อนแล้วปล่อยให้ข้าต้องเผชิญความลำบากตามลำพัง พวกท่านไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าข้าคนนี้ต่างหากที่ทำให้พวกท่านสามารถเชิดหน้าชูตาได้อย่างไม่น้อยหน้าผู้ใด”
