[1] จันทร์ตรา
ตอนที่1 จันทร์ตรา
ท้องฟ้าโปร่งใส ก้อนเมฆเป็นริ้วสีขาวดุดปุยนุ่นมองดูแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตาเป็นอย่างมาก เสียงนกร้องจิ๊บๆเนื่องจากเนื้อที่บ้านกว้างขวางเป็นไร่ๆเลยทีเดียว มีไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์หรือแม้กระทั่งผักสวนครัวอีกมากมายรายล้อมลอบบ้าน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่านกมาคอยเอ่ยทักทายอยู่เป็นประจำนั่นเอง
"ทำแบบที่พิณว่ากันเถอะน่ะพี่จันทร์ น่ะๆง่ายๆเอง"
สองร่างของหญิงสาวต่างวัยกำลังนั่งปั้นบัวลอยให้เป็นรูปเป็นร่าง คุณหนูพิณพิกาสาวน้อยน่ารักต้องการที่จะปั้นเป็นรูปฟักทอง จึงเอ่ยบอกกับสาวใช้อย่างจันทร์ตราผู้ที่ใครต่อใครต่างก็ไม่เชื่อว่าเจ้าหล่อนนั้นเป็นเพียงสาวใช้ ด้วยความที่มีผิวพรรณเนียนผ่องน่ามองน่าหลงใหล ใบหน้าสวยเก๋ที่เมื่อใครต่อใครได้มองก็ต้องชื่นชมและมองกันเป็นตาเดียว ดวงตากลมโตปากกระจับราวกับนางในวรรณคดี
จันทร์ตรานั้นต้องการที่จะปั้นเป็นรูปธรรมดาจึงทำให้สองสาวนั่งเถียงกันอยู่นาน ภายใต้ศาลาเริงรมย์สีขาว ข้างๆมีต้นไม้
ใหญ่เข้ามาปรกคลุมให้ความร่มรื่นผ่อนคลายเย็นสบายเป็นอย่างมาก
"ก็ได้ค่ะคุณหนู แต่ถ้าจุกฟักทองมันหลุดแล้วพอสุกออกมาไม่สวยอย่างที่เห็น อย่ามาบ่นทีหลังนะคะ!"ในช่วงวันหยุดแบบนี้จันทร์ตรามักจะชวนคุณหนูของบ้านทำกิจกรรมต่างๆ เพราะมันเป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องอบรมสั่งสอนคุณหนูพิณพิกาให้เป็นเด็กดี
"รับทราบค่ะ"ใบหน้าสวยของเด็กสาวคลี่ยิ้มตาหยี๋ส่งไปให้สาวใช้ ก่อนที่จะยกมือที่เปื้อนแป้งบัวลอยขึ้นชิดหน้าผากมน ทำท่าล้อเลียนราวกับตำรวจชั้นผู้น้อยที่น้อมรับคำสั่งการอย่างไงอย่างนั้น
เมื่อหลายปีที่แล้วชีวิตของจันทร์ตราตกระกำลำบากมากเพียงใดจนมาอยู่ที่นี่ชีวิตของคนจนๆคนหนึ่งที่เหลือตัวคนเดียว
ไม่มีใคร บิดามารดาของจันทร์ตรานั้นเสียชีวิตตอนที่เจ้าหล่อนอายุเพียงแค่ห้าขวบ ยายของตนบอกมาอย่างนั้นว่าพ่อกับแม่โดนฆ่า
ด้วยวิธีเถื่อนๆของคนใจทรามต่ำช้า เพียงแค่พวกเขาไม่ยอมขายที่ให้เท่านั้น แต่ก็ดีเท่าไหร่ที่ยายของตนไม่โดนปลิดชีวิตไปอีกคน
ยายหอมเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต จนกระทั่งเจ้าหล่อนอายุได้18ปีบริบูรณ์ บุคคลที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของจันทร์ตราก็จากไปอย่างสงบด้วยโรคชรา จันทร์ตราจึงต้องออกหางานทำและด้วยไม่มีวุฒิการศึกษาสูงๆเหมือนคนทั่วๆไป จึงเลือกที่จะมาเป็นคนใช้
ด้วยความที่กินฟรีอยู่ฟรีก็ดีถมเถไปแล้วสำหรับตัวคนเดียว เธอจึงอาศัยอยู่บ้านของท่านรังสิมันต์มานานร่วมสิบปี พอๆกับที่ดูแลลูกสาวของท่าน คุณหนูพิณพิกาที่ขาดแม่ไปตั้งแต่ยังหัดเดิน เธอรักและสงสารคุณหนูจับใจราวกับเป็นลูกของตนเอง คุณหนูเองก็ว่านอนสอนง่าย เราจึงอยู่ด้วยกันแบบนี้ราวกับแม่ลูกเลยกระมัง
"เฮ้ออ!เสร็จสักที"ร่างเล็กของคุณหนูบิดขี้เกียจไปมา ใบหน้าเล็กของเด็กสาวเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อตามไลผมทำให้จันทร์ตรานึกเอ็นดูและตลกไปในเวลาเดียวกันที่เด็กหญิงตัวแค่นี้ก็เก่งไม่แพ้ผู้ใหญ่ แต่ที่แน่ๆบัวลอยหม้อนี่เด็กสาวตั้งใจทำให้คนเป็นพ่อได้ทาน
แต่จะรู้อะไรไหมน่ะว่าท่านรังสิมันต์นั้นไม่แม้แต่จะโปรดปรานของหวานเลยสักนิดเดียว ถึงอย่างนั้นก็คงจะตักเข้าปากไปสองสามคำเพื่อเอาใจลูกสาวกระมัง จันทร์ตรานึกขำขึ้นมาเพราะเคยแอบเห็นภาพนั้นอยู่บ่อยๆ
"เหมื่อยชะมัดเลยค่ะ พี่จันทร์ไม่เหมื่อยบ้างเหรอคะ?"เด็กหญิงเอ่ยถามพร้อมกับบิดขี้เกียจไม่หยุด จะไม่ปวดเหมื่อยได้อย่างไรก็บัวลอยหม้อนี้ใหญ่โตเสียจนเลี้ยงคนได้ทั้งบ้านถึงสองวันเลยทีเดียวเชียว แถมยังเป็นลายฟักทองที่เจ้าหล่อนเลือกอีกต่างหาก จึงใช้เวลานานมากกว่าปกติ
"เหมื่อยสิคะ งั้นคุณหนูไปอาบน้ำแต่งชุดสวยๆรอที่โต๊ะเถอะค่ะ เดี๋ยวจันทร์จัดการต่อเอง เวลานั้นบัวลอยก็คงจะสุกพอดี"
สาวใช้เอ่ยบอกกับคุณหนูของตนและเตรียมจะเก็บกวาดบริเวณโดยรอบและเดินเข้าครัว
"อืมมม!งั้นเดี๋ยวพิณช่วยพี่จันทร์เก็บของก่อนที่กว่า"
"..."คุณหนูของเธอทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักจากนั้นจึงมาช่วยต่อ นั่นทำให้จันทร์ตรารู้สึกภาคภูมิใจที่เลี้ยงดูคุณหนูมาอย่างไม่เสียแรง หล่อนชื่นใจที่คุณหนูมีน้ำใจไม่เหมือนกับคุณหนูบ้านอื่นๆ จันทร์ตรายิ้มตอบและเดินนำเข้าครัว