บทที่ 3
จิลล์เม้มริมฝีปากแน่น จับตามองตามร่างเคอรี่ที่กำลังลุกลี้ลุกลนก้มลงเก็บของพวกนั้นด้วยใบหน้าแดงก่ำอย่างอับอาย และผู้ชายคนนั้นก็มิได้มีท่าทีว่าจะช่วยเก็บด้วย เขามิได้ใช้คำพูดที่สุภาพพอจะทำให้เคอรี่คลายความอึดอัดใจลง หรือแม้แต่จะยิ้มอย่างไม่สนใจกับภาพเงอะงะของเพื่อนสาวเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ยืนเฉย ๆ อย่างคนที่ใกล้จะหมดความอดทน รออยู่จนกระทั่งเคอรี่เก็บกระดาษทุกชิ้นกลับคืนเข้าที่และกอดสมุดแนบไว้กับอกแล้ว
“ทอ...ทอดด์ เคยพูดถึงคุณอยู่บ่อย ๆ ค่ะ คุณริออดัน” เคอรี่ไม่อาจรู้สายตาของผู้ชายคนนั้นที่กำลังยืนจ้องหน้าเธออยู่ได้ ดวงตาหรุบต่ำลง
ร่างที่ยืนตระหง่านเหมือนจะข่มเคอรี่ให้เล็กลงไปกว่าเมื่อนั่งอยู่ตรงโซฟา
คำทักทายที่แสดงถึงความเป็นมิตรไมตรีถูกปัดไปอย่างไม่ไยดี
“ทอดด์เขาโทรศัพท์ไปหาผมเมื่อเช้านี้ เห็นเขาบอกว่าขอคุณแต่งงานแล้ว”
ไม่น่าเชื่อ...ไม่เลย..จิลล์มีความรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เหลือจะเชื่อได้จริง ๆ น้ำเสียงของผู้ชายคนนี้ตัดรอนอย่างไม่ไยดี เคอรี่กล้ำกลืนน้ำลายอย่างประหม่า
“ใช่ค่ะ” เธอตอบรับเสียงแผ่ว กึ่งจะขออภัยอยู่ในที และสีหน้าของผู้ชายคนที่ชื่อริออดันดูบึ้งตึงขึ้นกว่าเดิม
“คุณจะเรียนจบเมื่อไร คุณอดัมส์?” เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เหลืออีกปีหนึ่งค่ะ”
น้ำเสียงของเขากร้าวขึ้น จิลล์พยายามเงี่ยหูฟังเพื่อให้ได้ยินอย่างชัดเจน
“ทอดด์ยังอยู่อีก 3 ปี อาจจะ 4 ปีด้วยซ้ำกว่าจะได้ปริญญานิติศาสตร์ หมายความว่าผมจะต้องเลี้ยงดูคุณไว้เหมือนน้องชายตลอดเวลานั่นอีกคนหนึ่งรึ?”
เคอรี่เหมือนจะเซผงะออกจากเขา...ไอ้กระทิงตัวนี้มันตั้งใจแท้ ๆ เลย...จิลล์สบถอยู่ในลำคอ นี่มันเป็นการใช้อำนาจกันชัด ๆ เธอแก้คำพูดอยู่ในใจ คน ๆ นี้สามารถใช้กำลังทางด้านเรือนกายเล่นงานใครก็ได้ที่อยากจะทำ ผู้หญิงเป็นเพศอ่อนแอ เป็นเป้าหมายที่จะเล่นงานได้ง่ายมาก และเคอรี่ซึ่งเป็นคนขี้อายอ่อนแออยู่แล้วไม่มีทางที่จะต่อสู้กับเขาได้เลย
“บ๊อบ..ฉันเห็นจะต้องไปก่อนแล้วละ” จิลล์รีบพูดเข้าไปในสาย อารมณ์ของเธอกำลังปวดแสบปวดร้อนจนไม่สนใจที่จะขัดคำพูดเขา “เอาไว้แล้วค่อยโทรมาหาฉันใหม่พรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
ทันทีที่วางหูโทรศัพท์ลง ใจของจิลล์ก็มุ่งแต่จะเข้าไปช่วยเพื่อนรัก การที่จะเถียงแทนเคอรี่เป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า เพราะคน ๆ นี้ย่อมจะไม่ต้องการฟังเหตุผลของผู้หญิงแน่ ๆ ไม่ว่าจะมีสิทธิเท่าเทียมกันสักเพียงใดก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนแบบนี้จะต้องคิดว่าผู้หญิงนั้นควรจะอยู่เพียง 2 ที่เท่านั้น คือในครัวกับในห้องนอน
จิลล์หรี่ตาจ้องเขม็งไปทางนั้น รอยยิ้มอย่างพึงใจฉาบขึ้นตรงมุมปาก ดีละ...จิลล์ คิดอยู่ในใจ เมื่อเขาเชื่อว่าพวกผู้หญิงล้วนแต่เป็นคนโง่เท่านั้น เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงเชื่องๆ ตัวหนึ่ง เธอจะต้องทำให้เขาสงสัยในความเชื่อนั้นให้ได้
จิลล์ผลักบานประตูตู้โทรศัพท์ พร้อมกับก้าวออกมา กอดสมุดบันทึกแนบอยู่กับอก เธอหยุดอยู่เพียงครู่ปรับกิริยาท่าทางให้เป็นเพียงสาวน้อยหน้าโง่คนหนึ่ง ก่อนที่จะเดินเข้าสู่เป้าหมาย
“ไฮ...เคอรี่ ฉันพร้อมจะไปแล้วละ” เธอพูดกับเพื่อนสาวเสียงใส
จิลล์แสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าตื่นตกใจของเพื่อนสาว ไม่ยอมแม้แต่จะให้เคอรี่เห็นแววห่วงใยที่ปรากฏอยู่ในดวงตาคู่สีฟ้า และเมื่อตวัดสายตามองไปทางผู้ชายคนนั้น แววในดวงตาก็บริสุทธิ์นัก
เธอมองเห็นความไม่พอใจปรากฏขึ้นสีหน้าของเขาชะงักไปเมื่อเห็นเขาหันขวับมาจ้องหน้า ดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้น กวาดไปทั่วใบหน้า ก่อนที่เขาจะเมินไปเสียทางหนึ่ง ราวกับเธอไม่มีความสำคัญเลยแม้แต่น้อย จิลล์กะพริบตาเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา เรือนผมและคิ้วที่ดำสนิทนั้นทำให้เธอไม่ทันตั้งตัวที่จะพบกับดวงตาคู่ที่เต็มไปด้วยอำนาจ
เคอรี่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ความสับสนว้าวุ่นอย่างสิ้นหวัง ดวงตาคู่สีน้ำตาล มองจิลล์อย่างจะอ้อนวอน จิลล์พยายามใส่ความอบอุ่นเข้าไว้ในรอยยิ้ม กึ่งจะบอกให้เคอรี่รีบแนะนำ ซึ่งเคอรี่ก็ต้องใช้เวลาอยู่เป็นครู่กว่าจะเข้าใจ
“ฉัน...ฉัน...เอ้อ...ขอแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนสนิทค่ะ เขาชื่อ...ชื่อ จิลล์ แรนดอลล์” เคอรี่แนะนำด้วยเสียงสั่นๆ “คุณนี่...เป็นพี่ชายของทอดด์” เคอรี่หน้าตาแดงก่ำ “ฉัน...ฉัน..ต้องขอโทษด้วยที่ไม่รู้จักชื่อแรกของคุณค่ะ คุณริออดัน”
“เรียกริออดันก็ดีแล้ว”
เขาคาบบุหรี่อยู่ตรงมุมปาก ฝ่ามือคล้ำๆ ยกขึ้นป้องไม้ขีดไฟไว้ ไม่หันมามองจิลล์เลยด้วยซ้ำ
“คุณริออดันคะ ดีใจจังค่ะที่ได้รู้จักคุณ” จิลล์ก็มิได้ยื่นมือให้เขาสัมผัส เธอรู้ว่าคนที่หยาบคายอย่างนี้ ย่อมจะไม่สนใจจะสัมผัสมือกับใครทั้งสิ้น และเธอก็จะไม่ทำให้ตัวเองต้องมาถูกใครดูถูกถึงขนาดนั้นด้วย “เรียกฉันว่าจิลล์ก็ได้ค่ะ เพื่อน ๆ เขาก็เรียกฉันว่าอย่างนั้นทุกคน” แววตาคู่คมปลาบตวัดผ่านใบหน้าเธอแววหนึ่ง แสดงให้เห็นอย่างเปิดเผยว่าไม่ต้องการจะให้เธอมาร่วมการสนทนาด้วย ซึ่งยิ่งเท่ากับยั่วยุให้จิลล์ปักหลักมั่นยิ่งขึ้น “ฉันคิดว่ารู้แล้วละค่ะว่าทำไมคุณถึงมาที่นี่คุณริออดัน” เธอส่งยิ้มกว้างให้ เหลือบตามองไปทางเคอรี่อย่างให้กำลังใจ “คุณคงต้องได้ยินข่าวเรื่องเคอรี่กับทอดด์แล้วแน่ๆเลย เป็นข่าวดีที่สุดจริงไหมคะ?”
แววตาที่เขาตวัดมองนั้นราวจะพูดออกมาได้ว่าเธอควรจะสงบปากคำเสียทีและไปเสียให้พ้น แต่จิลล์แสร้งทำเป็นไม่สนใจกับความไม่พอใจที่เขาแสดงออก
“ใคร ๆ ที่นี่เขาก็อิจฉาเคอรี่กันทั้งนั้นแหละค่ะ” เธอพูดต่อด้วยสุ้มเสียงตื่นเต้น “ถ้าคุณได้เห็นทอดด์กับ
เคอรี่อยู่ด้วยกันแล้วละก้อ คุณจะต้องพลอยรู้สึกเป็นสุขไปด้วยจริง ๆ ความรักของเขาทั้งคู่อย่างกับแสงสีทองแน่ะค่ะ และทอดด์ก็เป็นห่วงเป็นใยเคอรี่เสียเหลือเกิน คอยคุ้มครองป้องกันอยู่ตลอดเวลา คุณเองก็จะต้องภาคภูมิใจในตัวเขามากเลย จริง ๆ นะคะ คุณริออดัน ถ้าได้เห็นว่าทำไมเขาต้องเข้าข้างเคอรี่ละก้อ”
เอาละเก็บข้อความที่ฉันบอกนี่ใส่เข้าไปในไปป์แล้วก็สูบมันเข้าไปเสียสิ จิลล์คิดอยู่ในใจคงจะต้องเป็นแผนการของเขาแน่ที่จะจับคนทั้งสองนี้แยกกัน แต่ทอดด์ไม่ใช่คนที่ใครจะทำอะไรเล่นได้ง่าย ๆ อย่างเคอรี่แน่ และพี่ชายของเขาก็กำลังหันมาจ้องหน้าเธอเขม็ง
“คุณแรนดอลล์” เขาเรียกชื่อเธอออกมาอย่างไม่พอใจ ควันบุหรี่คลุ้งอยู่ตรงใบหน้าแววในดวงตาเคลือบด้วยประกายแห่งโทสะ
จิลล์ภาวนาอยู่ในใจให้เขาได้สังเกตเห็นความสวยของเธอบ้าง แต่ท่าทางของเขาราวกับไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวกับความสวยความงามของเธอเลย
“จิลล์ค่ะ” เธอขัดขึ้นก่อนที่เขาจะจบประโยคคำพูดซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า ต้องเป็นการขับไสไล่ส่งเธอ “ฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริงๆ นะคะ ที่คุณอุตส่าห์เข้ามาถึงในเมืองเพื่อจะพบกับคู่หมั้นของน้องชาย คุณสองคนพี่น้องคงจะสนิทกันมากนะคะ แล้วนี่คุณจะอยู่สักกี่วันล่ะ?”
ริออดันอัดควันบุหรี่ลึก พยายามระงับโทสะในอารมณ์ไว้ ขณะที่มองไปทางเคอรี่ผ่านม่านควันที่ลอยคลุ้งอยู่
“ก็จนกว่าผมจะจัดการกับงานที่จะต้องทำเสร็จ” เขาตอบห้วน ๆ
เช่น..จับเคอรี่กับทอดด์แยกกันเสียเป็นต้นน่ะสิ? จิลล์ชักจะสงสัยเรื่องนี้อยู่ในใจ รู้สึกเคืองขุ่นขึ้นมาเมื่อคิดไปถึงว่า เขาคงจะต้องตัดสินใจทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยพบปะกับเคอรี่ ลงความเห็นเอาเองว่าเธอไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นน้องสะใภ้แน่
จิลล์ระบายความโกรธที่ขึ้นมาตีบตันอยู่ตรงลำคอออกมาเป็นเสียงหัวเราะเบา ๆ ปล่อยให้แววประกายในดวงตาที่พร้อมจะต่อสู้ถูกแปลความหมายผิด ๆ ไปว่าเธอก็กำลังมีความสุขอย่างเหลือล้น
“นั่นก็หมายความว่าคุณสามารถไปรับประทานอาหารค่ำร่วมกับเราได้ในคืนวันพรุ่งนี้น่ะสิคะ” เธอพูดอย่างร่าเริง และเมื่อเห็นเขาหันมามองด้วยสีหน้าบึ้งตึง จิลล์ก็รีบอธิบายต่อด้วยความพอใจ “คืออย่างนี้ค่ะ เคอรี่, ทอดด์ แล้วก็ฉันจะออกไปทานอาหารด้วยกันตอนค่ำวันเสาร์ เพื่อเป็นการฉลองหมั้นของเขา เคอรี่ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนนอกจากลุงกับป้าเท่านั้น ฉันเองก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นน้องสาวแท้ๆ คนหนึ่ง เราก็เลยคิดเสียว่ามันก็เท่ากับเป็นการเลี้ยงกันในครอบครัวไปด้วย คุณเองก็ไม่มีคุณพ่อคุณแม่เหมือนกันใช่ไหมคะ คุณริออดัน? มีแต่กับ
ทอดด์เท่านั้น เพราะฉะนั้น เราทั้ง 4 คนก็ควรจะได้ไปทานอาหารค่ำด้วยกันพรุ่งนี้เย็น จะได้ดื่มอวยพรให้กับเขาด้วย หรือว่าคุณเอาภรรยามาด้วยล่ะคะ คุณริออดัน?” เธอจงใจที่จะกะพริบขนตางอนงามใส่หน้าคนที่ยืนเฉยราวไร้ความรู้สึกคนนี้
“ผมไม่มีเมียหรอกคุณแรนดอลล์” เป็นน้ำเสียงที่บอกให้รู้ด้วยว่า มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณด้วย
จิลล์แสร้งทำเป็นตกใจ เรือนผมสีทองเคลียอยู่กับไหล่ เปล่งเสียงหัวเราะกังวานหวานออกมาจากลำคอ
“แหม..ถ้าอย่างนั้นฉันคิดว่าคุณจะต้องได้เป็นลุงก่อนที่จะเป็นพ่อแน่เลยค่ะ”
เขาเลื่อนสายตาจากใบหน้าที่เริงรื่นลงไปตามลำคอ จิลล์ออกจะเชื่อว่าเวลานี้เขาคงอยากจะจับตัวเธอเขย่าแรง ๆ ให้ฟันร่วงออกมาแน่ เคอรี่กำลังขยับตัวอย่างอึดอัดอยู่ใกล้ ๆ