บทที่ 1
“เคอรี่?” จิลล์ แรนดอลล์ชะโงกหน้าออกมาจากประตูห้องน้ำ มองไปเห็นภาพเพื่อนสาวที่อยู่ร่วมห้อง เคอรี่ อดัมส์ กำลังนั่งอยู่กลางเตียงนอน กอดหมอนไว้แนบอก ดวงตาเคลิ้มฝันรอยลักยิ้มบนใบหน้าของจิลล์ยิ่งกดลึกลง ดึงผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนราวในห้องน้ำ โยนใส่ศีรษะเพื่อนทันที
“เคอรี่ ตอนนี้น่ะเธอควรจะแต่งตัวเสร็จแล้วนะ” จิลล์ยืนเท้าสะเอวพูดอยู่ตรงประตูดวงตากลมโตคู่สีฟ้ามองเพื่อนอย่างขบขัน
เคอรี่ดึงผ้าเช็ดตัวออกจากศีรษะ เรือนผมของเธอเป็นสีน้ำตาล เลื่อมลายราวเส้นไหม
“ยังงั้นเชียวรึ?” เคอรี่ถอนหายใจ ก่อนที่ร่างระหงจะผุดลุกขึ้นจากเตียง เดินช้า ๆ ไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่างเลื่อนผ้าม่านออกไปเสียทางหนึ่ง “คืนนี้ ฉันอยากให้ทอดด์มาจริง ๆ”
จิลล์สั่นศีรษะก้าวกลับไปยืนอยู่เบื้องหน้ากระจกในห้องน้ำ
“อยากตกวรรณคดีก็ตามใจสิ เธอน่าจะหวังว่าเขาไม่ควรมามากกว่า”
“ฉันเข้าใจ แต่....” น้ำเสียงของเพื่อนสาวครุ่นคิด “แต่มันก็อดคิดไม่ได้คือ คิดว่าเมื่อตื่นมาแล้วเรื่องนั้นมันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ”
แววยั่วเย้ายังปรากฏอยู่ในดวงตาของจิลล์ ขณะที่ใช้ดินสอสีน้ำตาลเข้มไล้ไปรอบขอบตากลมโตสีน้ำตาล เน้นแนวให้กระจ่างชัดขึ้น “เคอรี่ แต่นี่มันก็เป็นการขอแต่งงานครั้งแรกนะ”
“และเป็นครั้งสุดท้ายด้วย...โอ...จิลล์” เคอรี่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ ความสุขฉายแสงอยู่ในดวงตา ซึ่งเป็นความงามเพียงสิ่งเดียวบนใบหน้าที่ราบเรียบ “คิดดูสิ ว่าทอดด์เขาขอฉันแต่งงาน...ขอให้ฉันเป็นภรรยาเขา”
“ฉันรู้แล้วจ๊ะ แม่คุณ เธอก็เล่าให้ฉันฟังแล้วนี่” เรียวปากยวนใจของจิลล์ฉาบด้วยรอยยิ้มกว้าง หัวเราะเบา ๆ กับท่าทางของเคอรี่ สาวน้อยทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันมานานจนเกินกว่าที่เคอรี่จะนึกฉุนโกรธเพื่อนได้
“ฉันจำเป็นต้องย้ำเรื่องนี้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นใจมันก็คงไม่อยากจะเชื่อหรอกว่ามันเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ ฉันไม่สวยเท่าเธอสักหน่อย ตอนที่เขาขอนัดพบฉันข้างนอกครั้งแรกฉันยังไม่เชื่อเลย ถึงจะเป็นครั้งที่สอง...ที่สาม...หรือที่สี่ก็เถอะ แล้วก็ไม่เคยนึกฝันเลย...เอ้อ...ที่จริงมันก็ฝัน ๆ อยู่บ้างเหมือนกันนั่นแหละ แต่ไม่เคยเชื่อว่าเขาจะจริงจังกับฉัน เพราะเขาไม่เคยพูดอะไรสักคำเกี่ยวกับความรู้สึกที่เขามีต่อฉัน จนกระทั่งเมื่อคืนนั้น”
“อ้าว ก็ฉันไม่ได้บอกเขาหรอกหรือยะ ว่ามันจะต้องได้ผล?” จิลล์หลิ่วตาอย่างล้อเลียน
“ฉันก็ยังไม่รู้อีกเหมือนกันนั่นแหละว่าควรจะพูดหลอกเขาออกไปอย่างนั้นหรือเปล่า เพราะจริง ๆ แล้วฉันก็ไม่เคยคิดจะไปจากมอนตาน่าเลย ถึงจะเป็นเวลาปิดภาคฤดูร้อนก็เถอะ”
“แต่ทอดด์เขาไม่ได้รู้ด้วยนี่” จิลล์ว่า ไล้ดินสออยู่กับแนวคิ้ว “แล้วเธอก็ไม่ได้บอกเขาตรงๆ นี่ว่าเธอตกลงใจที่จะไปทำงานที่นั่น ใช่ไหมล่ะ?”
“เปล่าหรอก ฉันเพียงแต่เล่าให้เขาฟังว่าลุงของเธอที่แคลิฟอร์เนียบอกมาว่า ถ้าเราอยากจะทำงานกันตอนปิดภาคฤดูร้อนละก้อ จะไปทำที่โรงแรมของเขาก็ได้”
“อ้าว!..ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่การโกหกอะไรนี่ ใช่ไหม? ลุงปีเตอร์ก็เขียนจดหมายมาจริงๆ แล้วก็บอกด้วยว่าเราได้งานทำแน่ถ้าอยากจะทำจริง ๆ” สาวน้อยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ มองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเงาอย่างพิจารณา “ที่เธอทำก็แค่เปลี่ยนคำพูดเสียนิด ๆ หน่อย ๆ เป็นเชิงว่ายังต้องตัดสินใจอยู่ว่าจะรับงานนี่หรือไม่เท่านั้น”
“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ” เคอรี่ถอนหายใจออกมาอีก เอนหลังพิงอยู่กับกรอบประตูเขี่ยปอยผมพันอยู่กับปลายนิ้วเล่นอย่างใจลอย “เพียงแต่ว่า เวลาที่เรารักใครสักคนหนึ่ง มันก็ออกจะไม่ยุติธรรมอยู่ ถ้าจะไปใช้
กลอุบายหลอกล่อให้เขาทำอย่างที่เราต้องการ”
“ทอดด์น่ะเขารักเธอ เขาคงจะไม่คิดมาตั้งคำถามอะไรกับเธอหรอก เธอจะจัดการยังไงก็ได้ตามใจอยู่แล้ว เธอก็แสดงออกมาโต้ง ๆ อยู่แล้วนี่ว่าเธอรักเขา มันก็แค่ว่าจะทำยังไงถึงจะให้เขาเผยความในออกมาได้เท่านั้น”
มีเพียงประโยคแรกเท่านั้นที่เคอรี่ได้ยิน
“ถึงวันนี้ ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไม ทอดด์ ริออดัน ถึงได้มารักฉัน เขาควรจะแต่งงานกับใครสักคนที่สวย ๆ อย่างเธอ ทั้งสวยทั้งฉลาด ไม่ใช่คนขี้อายหน้าตาเรียบ ๆ อย่างฉัน”
จิลล์เอียงคอไปข้างหนึ่ง เรือนผมสีน้ำผึ้งอมทองระย้าอยู่กับช่วงไหล่ เป็นเรือนผมที่สลวยยามประดับด้วย
คลิพพ์ราคาแพง ซึ่งมีเพียงคนสวยเท่านั้นที่จะทำผมทรงนี้ได้
“ถ้าจะมองจากภายนอกนะ เคอรี่ หน้าตาของเธอก็ออกจะเป็นธรรมดาเหมือนสาว ๆ ชาวอเมริกันทั่วไป ผมสีน้ำตาล ตาสีน้ำตาล รูปหน้ากับรูปร่างมันอาจจะไม่เรียกความสนใจจากใครก็จริง แต่น้ำใจแล้วละก้อ เธอเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่งทีเดียว คนเรามันก็มักจะมีลักษณะขัดกันอย่างนี้แหละ ทอดด์ ริออดัน เป็นคนที่ใจคอมั่นคง เพราะฉะนั้นเขาถึงประทับใจในความเป็นคนขี้อาย อ่อนโยนของเธอไงล่ะ แล้วอีกประการหนึ่งเขาก็ชอบความรู้สึกชื่นชมบูชาที่มันฉายแสงอยู่ในตาสีน้ำตาลคู่นั้นของเธอด้วย”
ยังมีอะไรอีกมากมายที่ติดอยู่ตรงปลายลิ้นซึ่งจิลล์ไม่อาจจะพูดออกมาได้ เพียงแต่คิดอยู่ในใจ ทอดด์มีความภาคภูมิใจในตัวเองที่มีความเหนือกว่าเคอรี่อยู่ เขาต้องการใครสักคนที่เขาสามารถจะปกครองได้ ไม่ใช่ถูกปกครองเพราะเขาไม่ใช่คนแบบนั้น จิลล์พอจะเดาได้มานานแล้ว ว่าผู้หญิงที่ทอดด์จะแต่งงานด้วยจะต้องเป็นตัวมอดสีน้ำตาลไม่ใช่ผีเสื้อแสนสวย
ทอดด์จัดว่าเป็นหนุ่มที่ปราดเปรื่องคนหนึ่ง และมันก็ไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาไม่อยากจะแบ่งความเด่นนั้นให้กับภรรยาสวยๆ เพราะไม่ใช่คนที่หลงตัวเอง เพียงแต่ทอดด์ ริออดัน ต้องการมั่นใจว่าภรรยาของเขานั้นจะต้องเป็นผู้หญิงที่นั่งรออยู่แต่ในบ้านโดยไม่มีปากมีเสียง และสามารถจะล้อเล่นให้เห็นขันได้เวลาที่เขากลับมาถึงบ้านช้าเกินกว่าเวลา
เคอรี่เป็นคนอ่อน และจิลล์ก็ได้พูดความจริงที่สุดเมื่อกล่าวว่าเคอรี่เป็นคนงามน้ำใจ แต่มิได้ตั้งใจที่จะทำให้เพื่อนเจ็บช้ำน้ำใจเมื่อชี้ให้เห็นถึงเหตุผมที่ว่า ทำไมทอดด์จึงต้องการแต่งงานด้วย
“ฉันไม่อยากให้เธอพูดอะไรอย่างนี้เลย จิลล์” เคอรี่มีสีหน้าไม่ใคร่สบายใจนัก พันปลายนิ้วอยู่กับปอยผมแน่นเข้า “น้ำเสียงเธอเยาะๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ”
“ก็เพราะว่าฉันอยากจะพูดอย่างมีเหตุผลแล้วก็พูดไปตามความจริงเท่านั้นละ” แม้ว่าขนตาจะเป็นแผงงอนงามแล้ว แต่เธอก็ยังเคลือบด้วยสีน้ำตาลเพื่อให้เด่นขึ้น จิลล์ไล้มาสคาร่าลงด้วยความชำนิชำนาญ “ผู้ชายมันก็แค่เด็กตัวโต ๆ เท่านั้นละ ถึงว่าแต่ละคนจะมีบุคลิกลักษณะเป็นของตัวเอง แต่ภายในก็ยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่นั่นเอง ถ้าผู้หญิงจับจุดนี้ได้ก็ชนะไป เคอรี่ สิ่งที่เธอจะต้องทำก็แค่ว่า ยกย่องเขาเมื่อเขาทำดี แล้วก็อย่าไปตำหนิเวลาที่เขาทำอะไรผิด ๆ ลงไป ใช้เล่ห์เหลี่ยมเสียบ้าง เวลาที่ต้องการให้เขาทำอะไรตามใจเธอ มันก็เท่านั้น”
“อย่างเธอก็พูดได้ง่ายสิ ไม่มีผู้ชายคนไหนหรอกที่เธอต้องการแล้วจะไม่ได้” แววริษยาฉาบอยู่ในน้ำเสียงของเคอรี่ เมื่อเธอพิจารณาใบหน้าที่งดงามบอกถึงความเป็นผู้หญิงเต็มตัวของเพื่อนสาว ใบหน้าที่สามารถจะเปลี่ยนจากความยวนใจเป็นบริสุทธิ์ไร้เดียงสาได้ โดยไม่ต้องกะพริบตาด้วยซ้ำ
“มันก็เป็นความจริงอยู่หรอก” จิลล์คล้อยตามความเป็นจริงนั้น มือที่ถือแปรงมาสคาร่าชะงักอยู่ ดวงตาสีฟ้าใสขรึมลงเมื่อมองภาพสะท้อนของเพื่อนสาวจากกระจก “เธอจะว่าฉันหยิ่งใช่ไหมล่ะ แต่ที่จริงฉันก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นหรอก”
“เธอไม่ใช่คนหยิ่งเลย จิลล์ เพียงแต่เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองเท่านั้น ถ้าฉันเป็นอย่างเธอนะ ฉันก็คงต้องทำตัวอย่างนี้เหมือนกัน แต่จากที่มันเป็นอยู่ ฉันก็ดีใจแล้วละ ที่เธอไม่ต้องการผู้ชายแบบทอดด์”
ปอยผมสีน้ำตาลถูกปล่อยออกจากปลายนิ้ว เสียงของเคอรี่จางลงเมื่อเธอเดินเลยเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ร่วมกัน จิลล์จึงระบายมาสคาร่ากับขนตาต่อ
“เธอจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะออกไปห้องสมุดด้วยใช่ไหม?” เธอถามออกไป
“ก็แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เท่านั้นละ” เสียงเคอรี่ตอบมา
เมื่อแปรงมาสคาร่าถูกใส่คืนกลับเข้าที่ในกระเป๋าเครื่องสำอางแล้ว จิลล์ก็หยุดพิศโฉมของตัวเองอยู่เบื้องหน้ากระจกเงานั้น และมิได้ตื่นเต้นกับความสวยของสาวน้อยคนที่มองตอบมาเลย เพราะมันก็เป็นใบหน้าเดิมที่เคยเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เธอเกิดมาเพื่อจะเป็นผีเสื้อแสนสวย และนับแต่เป็นสาวแรกรุ่นก็เป็นที่สนใจของเพื่อนนักเรียนชายแล้ว
มันเป็นความจริงที่ว่า เธอสามารถจะได้หัวใจของผู้ชายทุกคนที่ต้องการ ถึงแม้ว่าบางคนจะมีความท้าทายให้ใคร่ลองกว่าคนอื่นๆ แต่ในที่สุดเขาก็ต้องยอมศิโรราบต่อเธอ และจิลล์ก็ถือเป็นเพียงเรื่องของเกมส์สนุกอย่างหนึ่งเท่านั้น จิลล์อยากจะคิดว่าตัวเองเป็นกิ้งก่ามากกว่าผีเสื้อ เพราะสามารถจะเปลี่ยนรูปลักษณะไปตามความต้องการของพวกผู้ชายที่มาห้อมล้อมต้องการให้เธอเป็นได้ ซึ่งมีทั้งเซ็กซี่, เป็นทั้งนักกีฬา, อ่อนแอ, ฉลาดเฉลียว และอื่น ๆ โดยมิได้ยุ่งยากอะไร