ตอนที่ 7 หัวใจที่หวั่นไหว
ส่วนอีกด้านหนึ่งเซร่าก็พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งพร้อมกับยกมือขึ้นกุมที่ศีรษะ วันนี้เธอรู้สึกหนักหัวอื้อๆ อย่างบอกไม่ถูก แล้วพอหลังจากทานยาแก้ปวดหัวเสร็จก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปเข้าเฝ้ารับใช้พระชายาศิริรัตน์ แต่พอเปิดประตูออกไปก็ต้องรีบนยกมือขึ้นบังแสงแดดที่แผดจ้าอยู่พร้อมกับพึมพำเบาๆ กับตัวเอง
“ตายจริง สายแล้วหรือนี่ ต้องรีบแล้วเรา” นางกำนัลสาวรีบเดินลัดเลาะไปที่พระตำหนักหลวง และสวนเข้ากับเพื่อนนางกำนัลคนอื่นเข้าพอดี
“เซร่าทำไมวันนี้มาสายได้ล่ะ เธอไม่สบายหรือเปล่าดูหน้าซีดๆนะ” เพื่อนนางกำนัลร้องทักขึ้น
“เปล่าจ้ะ แล้วมีใครไปเตรียมดอกไม้ให้พระชายาหรือยังจ๊ะ?” คิ้วเรียวเลิกสูงขึ้น
“มีแล้ว ก็ยายเอมิเร่นะซิ รู้ไหมว่าหล่อนต่อว่าเธอยกใหญ่เลยนะ ทีตัวเองมาสายยังไม่มีใครเขาว่าเลย” เพื่อนอีกคนหนึ่งพูดขึ้นและทำหน้าเบ้อย่างไม่พอใจเมื่อพูดถึงนางกำนัลสาวรุ่นพี่จอมยโส
“งั้นฉันรีบไปก่อนนะ ไปล่ะ” เซร่ารีบแยกมาจากเพื่อน และเดินตรงไปที่สวนกุหลาบเพื่อจะไปช่วยเอมิเร่ตัดดอกกุหลาบ แล้วพอมาถึงก็เห็นเอมิเร่กำลังคุยอยู่กับเจ้าชายจอร์แดน เธอจึงหมุนตัวจะเดินกลับ แต่เอมิเร่หันมาเห็นเธอเสียก่อนจึงตะโกนเรียกเอาไว้
“เซร่า! มานี่เลยไม่ต้องหนีนะ!” เอมิเร่เดินมาหาเธอและดึงมือเธอให้เดินมาตรงที่เจ้าชายจอร์แดนประทับยืนอยู่ เซร่าจึงจำใจต้องนั่งคุกเข่าลงบนพื้นหญ้า
“เอานี่ของเจ้ารับไปเลย ตื่นก็สายยังจะหนีงานอีกใช้ไม่ได้เลยนะเธอเนี่ย” เอมิเร่ยัดตะกร้าหวายใส่หมอเซร่าแล้วแกล้วว่าต่อเบื้องพระพักตร์ของเจ้าชายเพื่อให้นางกำนัลรุ่นน้องได้อาย
เซร่ารับตะกร้ากับกรรไกรมาแล้วลุกขึ้นโดนไม่พูดอะไร แต่แล้วเธอก็รู้สึกว่าพื้นดินมันเอียงไปเอียงมาและหมุนเคว้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับลง
เจ้าชายจอร์แดนจึงรีบเสด็จเข้าไปใช้พระกรรับร่างบางของเซร่าเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะล้มฟุบลงกับพื้นหญ้า และเมื่อพระหัตถ์ได้สัมผัสกับเนื้อนุ่ม ราชนิกุลหนุ่มก็ต้องนิ่วพระพักตร์อย่างตกพระทัย ก่อนจะหันมารับสั่งกับองครักษ์คู่พระทัย
“นางตัวร้อนมาก อาเหม็ดรีบตามหมอมาเร็ว”
“พะย่ะค่ะ” อาเหม็ดรีบหันไปสั่งนายทหารลูกน้องทางด้านหลังทันที จากนั้นเจ้าชายจอร์แดนก็อุ้มเซร่ากลับมาที่ห้องพักของเธอโดยมีเอมิเร่นำทางมา เจ้าชายหนุ่มวางร่างบางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหันมารับสั่งใช้เอมิเร่ที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างเตียง
“เจ้าไปเอาน้ำกับผ้ามาเช็ดตัวให้นางก่อน”
เอมิเร่เม้มปากแน่นอย่างขัดใจ แต่ก็ต้องืนใจทำตามรับสั่ง แล้วในขณะนั้นหมอหลวงประจำพระราชวังก็เข้ามาพอดี
“ดูอาการนางด้วย นางตัวร้อนมากน่าจะมีไข้สูง” เจ้าชายหนุ่มหลีกทางให้หมอหลวงและเสด็จออกไปยืนรออยู่ด้านนอก
“ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่มีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้หรือเพคะ” จูดาเดินเข้ามาโค้งต่ำให้เจ้าชายจอร์แดนอย่างแปลกใจที่เห็นพระองค์ประทับอยู่ที่หน้าห้องของหลานสาวเธอ
“ข้าไม่มีอะไรให้เจ้ารับใช้หรอก แต่หลานสาวของเจ้าซิไม่สบาย เป็นลมที่สวนข้าก็เลยอุ้มมาส่งให้ ตอนนี้หมอหลวงกำลังดูอาการอยู่”
จูดาทำหน้าตกใจ ก่อนจะหันไปมองคุณหมอที่กำลังเดินออกมาจากห้องของหลานสาว หมอหลวงเดินเข้ามาโค้งต่ำให้ราชนิกุลหนุ่ม ก่อนจะทูลรายงาน
“เป็นเพียงไข้หวัดใหญ่พะย่ะค่ะ กระหม่อมฉีดยาให้แล้ว พอนางตื่นมาคงจะดีขึ้นพะย่ะค่ะ” คำกราบทูลของหมอหลวงทำให้เจ้าชายจอร์แดนถึงกับถอนหายใจอย่างแรงด้วยความโล่งพระทัย แล้วหันมาทางหัวหน้านางกำนัล
“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ข้าไปก่อนนะ”
“ขอบพระทัยเพคะ” จูดายืนส่งเสด็จเจ้าชายหนุ่มที่หน้าห้องของเซร่า
“ข้าก็ไปทำงานของข้าแหละ ท่านดูแลกันเองแล้วกัน!” เอมิเร่กระแทกเสียงใส่อย่างไม่พอใจพร้อมกับยัดผ้าชุบน้ำอย่างมาดๆ ใส่มือของหญิงวัยกลางคนแล้วเดินสะบัดสะโพกออกไป
จูดานิ่วหน้าอย่างไม่ชอบใจกับกิริยาของเอมิเร่ ก่อนจะเดินเข้าไปดูหลานสาว สีหน้าของเซร่าซีดเซียวและมีเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้า เธอจึงใช้ผ้ามาซับให้
“แม่คะ...แม่...หนูรักแม่นะคะ” เซร่าเพ้อออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นไขว่คว้ากลางอากาศ
“โธ่...เซร่า ป้าสงสารเจ้าเหลือเกิน” จูดาคว้ามือหลานสาวมากุมไว้อย่างเห็นใจ และในขณะนั้นเองนางกำนัลคนหนึ่งก็เข้ามารายงานว่าพระชายาศิริรัตน์เสด็จมา จูดาพยักหน้ารับและเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชายาสาวเดินเข้ามาพอดี
“หลานสาวเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” พระชายาศิริรัตน์เสด็จเข้าไปประทับลงข้างเตียง
“เป็นไข้หวัดเพคะ ตัวยังร้อนอยู่เพคะแล้วก็เพ้อหาแต่แม่ของนางตลอดเวลา หม่อมฉันทำอะไรไม่ถูกแล้วเพคะ” จูดาร้องไห้มือยังกุมมือของเซร่าไว้
“นางคงคิดถึงแม่ของนางมาก ข้าเห็นแบบนี้แล้วก็อดสงสารนางไม่ได้ ข้าจะหาทางช่วยตามหาแม่นางให้ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ แล้วก็ดูแลตัวเองด้วยเดี๋ยวจะป่วยไปอีกคน” ชายาสาวยกมือขึ้นลูบผมของเซร่าด้วยความรัก เธอไม่เคยเห็นนางเป็นคนรับใช้เลย แต่กลับคิดว่านางเป็นน้องสาวของเธออีกคน
“ให้นางพักมากๆนะ แล้วข้าจะมาเยี่ยมใหม่” สาวไทยบอกพร้อมกับลุกขึ้น
“เพคะ ขอบพระทัยแทนเซร่าด้วยเพคะ”
“ข้าไปก่อนนะ” ศิริรัตน์ยิ้มให้กำลัง ก่อนจะเดินออกไป
“บุญของเจ้าจริงๆ เลยที่มีนายที่มีน้ำพระทัยดีเยี่ยงนี้” จูดาหันมองหน้าหลานสาวที่ยังหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงอย่างซาบซึ้งใจแทน
เซร่าลืมตาขึ้นช้าๆ สิ่งแรกที่เธอเห็นคือป้าของเธอหลับอยู่ข้างเตียงเธอ เธอจึงขยับนิ้วเพื่อปลุกให้ป้าของเธอตื่น ป้าของเธองัวเงียตื่นขึ้นมา
“ฟื้นแล้วหรือเซร่า” จูดาคลี่ยิ้ม แล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียง เซร่ารู้สึกคอแห้งผากจึงขอน้ำดื่ม เมื่อดื่มเสร็จก็ยิ้มตอบผู้เป็นป้า
“หนูเป็นอะไรไปคะป้า” เซร่าจะลุกขึ้นแต่เธอรู้สึกหนักหัวจึงนอนลงต่อ
“อย่าเพิ่งลุกเลย เจ้าสลบไปตั้ง 1 วันเต็มๆ แถมยังเป็นไข้อีกด้วย” จูดาช่วยประคองหญิงสาวนอนลงตามเดิม ก่อนจะพูดต่อ “เจ้าหิวหรือเปล่า ข้าจะให้คนไปเอาอาหารมาให้กิน”
“ไม่ค่ะ” เซร่าส่ายหน้า เธอรู้สึกอ่อนเพลียเหมือนกับเพิ่งเดินทางมานานแสนนาน และเธอก็ยังฝันเห็นมารดาของเธอด้วย ในฝันนั้นแม่ของเธอดูสวยงามมากแล้วยังอ้าแขนรอรับเมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ แต่พอจะถึงตัวแม่ของเธอนั้น จู่ๆ เจ้าชายจอร์แดนก็มาคว้าตัวเอามากักขังไว้ที่ห้อง ทรงทรมานเธอจนเลือดท่วมตัว แล้วเธอก็สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ และพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องของเธอเอง
“ป้าคะ หนูอยากไปตามหาแม่ที่เมืองไทยค่ะ” เซร่าดึงมือป้ามากุมไว้พร้อมกับมองด้วยสายตาอ้อนวอน
“พ่อเจ้าไม่ยอมแน่ๆ” จูดามีสีหน้าวิตกกังวล สีหน้าของหญิงสาวจึงสลดลง ผู้เป็นจึงยกมือขึ้นลูบหัวของหลานสาวอย่างเห็นใจ ก่อนจะพูดต่อ “พระชายาเสด็จมาเยี่ยมเจ้าด้วย และพระนางก็รับสั่งด้วยว่าจะช่วยตามหาแม่ของเจ้า เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลยนะ”
“จริงหรือจ๊ะป้า พระนางจะช่วยข้าจริงๆ หรือคะ?” เซร่าทำตาโตพร้อมกับเขย่ามือผู้เป็นป้าด้วยความดีใจ
“จริงสิ เจ้านอนพักผ่อนก่อนดีกว่าเดี๋ยวป้าจะไปทำซุปมาให้กิน” จูดาคลี่ยิ้มกว้าง แล้วตบมือลงบนหลังมือเรียวบางเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
เจ้าชายจอร์แดนประทับนั่งกุมขมับอยู่หน้าโน้ตบุ๊ค สายพระเนตรจ้องมองที่หน้าจอนิ่ง วันนี้พระองค์ไม่มีสมาธิในการทำงานเลย จิตใจของพระองค์ดูกระวนกระวายอย่างไรพิกล
“ฝ่าบาททรงเป็นอะไรหรือเปล่าพะย่ะค่ะ” อาเหม็ดทูลถามเสียงเบาอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเจ้าชายหนุ่มยกพระหัตถ์ขึ้นกุมขมับ
“เปล่า ข้าไม่มีสมาธิ เจ้าไปหาน้ำผลไม้มาให้ข้าสักแก้วซิ” ทรงรับสั่งโดนที่สายพระเนตรยังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโน้ตบุ๊ค
“พะย่ะค่ะ” อาเหม็ดโค้งต่ำให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง องครักษ์หายไปครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมกับน้ำผลไม้และผลไม้สดๆ เจ้าชายหนุ่มหยิบแก้วน้ำผลไม้ขึ้นจิบ ก่อนจะลุกขึ้นเสด็จไปหยุดยืนที่หน้าต่างแล้วทอดพระเนตรไปยังจุดที่ทรงเจอกับเซร่าครั้งแรก แล้วรับสั่งขึ้น
“นางเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ทรงหมายถึงใครพะย่ะค่ะ” อาเหม็ดเลิกคิ้วสูงพร้อมกับย้อนถามกลับไป ราชนิกุลหนุ่มจึงหันมาทอดพระเนตรอย่างด้วยแววเนตรขุ่นๆ
“เจ้าไม่รู้จริงหรืออาเหม็ด?”
“ไอซ่าเข้าไปดูอาการของนางมาเมื่อเช้า นางค่อยยังชั่วมากแล้วพะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มเห็นสายพระเนตรของเจ้านายหนุ่มแล้วก็ไม่กล้าที่จะต่อปากต่อคำอีก
“อืม...” เจ้าชายจอร์แดนพยักพระพักตร์ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งพระทัย
“แล้ววันนี้ฝ่าบาทไม่ลงไปเดินเล่นที่สวนหรือพะย่ะค่ะ”
“ไม่ล่ะ ข้าจะรีบทำงานให้เสร็จ” รับสั่งแล้วก็เสด็จกลับมาประทับนั่งลงที่โต๊ะทำงานตามเดิม