บทที่ 5
“นี่...คุณโจนาธาน ไม่มีผู้ชายคนไหนดอกนะ ที่อยากจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักการบ้านการเรือน หน้าที่ของภรรยานั้นมีมากมาย ต้องรู้จักใช้จ่าย ต้องทำอาหารเป็น ต้องรู้จักงานเย็บปักถักร้อย รู้จักการเลี้ยงดูอบรมลูกด้วย พี่เฝ้ามองแมรี่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ แกไม่รู้จักอะไรในเรื่องพวกนี้เย แล้วคุณบอกมาสิว่า เมื่อไม่มีคุณสมบัติของผู้หญิงติดตัว จะให้ผู้ชายดีๆที่ไหนเขามาสนใจลูกสาวของคุณ ไม่รู้จักแม้แต่การถอนสายบัวคำนับ ไม่รู้จักการเต้นรำ ไม่รู้จักสังคม”
ท่านเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ขณะที่พูดต่อว่า
“พี่เองก็อยากรู้ว่า คุณปล่อยให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร คุณโจนาธาน ลูกสาวของคุณ ไม่มีใครช่วยเป็นครูอบรมสั่งสอนให้เลยสักคน...ไม่มีใครคอยช่วยเหลือให้แกเติบโตขึ้นมาเป็นสุภาพสตรีได้อย่างน่าภาคภูมิใจ บ้านนี้ไม่เคยมีแขกมาเยี่ยมเลยเชียวหรือ?”
“ก็มีอยู่บ้างครับ” พ่อตอบเสียงเบาๆ “อย่างหมอที่มาจากคลันนี่ ไชม์ส ก็มาเยี่ยมเราอาทิตย์ละครั้ง แล้วก็คุณพาสเตอร์ ฮอบบ์ ผู้ช่วยบาทหลวงก็มาเยี่ยมเราเสมอ”
“แล้วลูกสาวของเขา หรือพวกญาติที่เป็นผู้หญิงล่ะ?”
“ไม่มีครับ”
“แล้วเวลาที่เขามาเยี่ยม คุณทำอย่างไร?”
ฉันมองเห็นแววพ่ายแพ้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อ
“เราก็เล่นไพ่...พูดคุยกัน บางครั้งก็มีดื่มบ้าง” เสียงของพ่อเบาลงทุกที และเงียบไปในที่สุด
นี่มันเรื่องอะไรกัน...ฉันคิด คุณป้าเฟลิซิตี้มีสิทธิอะไรที่จะเข้ามาในบ้านนี้ และทำอย่างนี้กับพ่อ แต่แล้วท่านก็ตอบคำถามที่ฉันกำลังคิดอยู่ในใจว่า
“พี่น่ะ ไม่มีสิทธิอะไรที่จะมาพูดเรื่องทำนองนี้ดอก” สีหน้าของคุณป้าอ่อนโยนลง ขณะที่ทอดสายตามองดูพ่อ “ถ้ามันจะเป็นความผิด พี่เองก็มีส่วนร่วมในความผิดนั้นอยู่มาก เพราะพี่ละเลยหลานของพี่เอง เอาละ...พี่ก็ได้อนุญาตให้คุณได้เลี้ยงลูกตามแบบของคุณมาแล้ว แต่คุณให้แกได้แต่ความปรารถนาดีจากความเป็นพ่อของคุณเท่านั้น มันไม่ได้หมายความว่า การเลี้ยงดูอย่างนั้น จะทำให้ลูกสาวของคุณเติบโตเป็นสุภาพสตรีที่ดีขึ้นมาได้... เอาละ...พี่ขอยอมรับในความผิดครั้งนี้ และเวลานี้พี่ก็จำเป็นที่จะต้องแก้ไขความผิดพลาดนั้นเสียที...เปิดใจให้กว้างออกสิคุณโจนาธาน เรายังมีเวลาที่จะอบรมเลี้ยงดูแกอีกระยะหนึ่ง ลูกสาวของคุณเป็นเด็กฉลาด เรียนรู้อะไรได้เร็ว รูปร่างหน้าตาก็สะสวยถอดแบบมาจากแม่ของแกไม่ผิดเพี้ยน อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปเลย”
พ่อยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“คำแนะนำของพี่เข้าทีดีนะครับ เอาละ ผมจะขอให้มิสซิสแพลททิช่วยหาใครในคลันนี่ ไชม์ส มาสอนเรื่องพวกนี้ให้แมรี่เสียที”
“ฮึ...” คุณป้าทำเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ “นี่คุณคิดจะเอาคนที่ตัดเสื้อให้แมรี่มาช่วยอย่างนั้นหรือ เลิกคิดได้แล้ว เพราะคนที่เราต้องการนั้น เราต้องการครูที่จะมาสอนเต้นรำอย่างถูกแบบแผนให้แก ต้องการครูที่จะมาสอนเรื่องการออกสังคม แล้วก็ต้องการครูที่จะสอนงานเย็บปักถักร้อยอีกคนหนึ่งด้วย พี่ยังสงสัยนะว่าคุณจะหาคนอย่างนั้นจากในตลาดในเมืองคลันนี่ ไชม์สนี่ได้หรือ แต่เอาเถอะ...เราจะพักเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะยังมีเรื่องสำคัญที่จะพูดกันมากกว่านี้”
“เรื่องอะไรครับ?” พ่อเลิกคิ้วถาม
“พี่ก็บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วนะ ว่าพี่ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวอะไร ถ้าพี่จะทำอะไรลงไปก็เพียงเพราะความปรารถนาดีเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะทำตัวเป็นคนสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น”
ฉันไม่เข้าใจว่าคุณป้ากำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่
“เมื่อตอนบ่ายวันนี้ พี่เข้าไปในห้องหลานสาว เปิดหีบเสื้อผ้าของแกออกดู เพราะอยากจะรู้ว่า เสื้อผ้าที่มิสพิบบ์ตัดให้ใหม่นั่นน่ะ พอจะใช้ไปสักระยะหนึ่งได้ไหม ถ้าไม่พอจะได้จัดส่งมาให้จากลอนดอน คุณรู้ไหมว่าพี่พบอะไรซุกอยู่ในนั้น?”
“พี่พบ...” ท่านต่อด้วยเสียงหนักๆ “เสื้อผ้าแบบของพวกเด็กผู้ชาย แล้วก็รองเท้าสำหรับขี่ม้า...แต่นั่นก็ยังไม่เป็นอะไรหรอก แต่ที่มันซุกอยู่ก้นหีบ มีทั้งดาบทั้งปืนอีก 2 กระบอก พี่อยากรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร?”
“ดิฉันไม่ได้ซ่อน...” ฉันร้องออกมาเป็นครั้งแรก
“เงียบๆลูก” พ่อหันมาเตือน สีหน้าเคร่งและหันกลับไปทางคุณป้า “แกพูดถูกแล้วครับ ของพวกนั้นแกไม่ได้ซุกซ่อนไว้ ถ้าพี่ถามผมเสียก่อน ผมก็จะเล่าให้ฟัง หรือถ้าเพียงแต่พี่จะไปพบมันตอนที่ผมอยู่ด้วย ผมก็คงจะอธิบายได้เช่นกัน”
“ก็...พี่ไม่อยากรบกวนคุณ แต่พี่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเหลวไหลที่สุด พี่ถามมิสซิสแพลททิแล้ว แล้วแกก็อธิบายให้พี่ฟังหมดแล้วด้วย”
ใช่...ฉันรู้ว่ามิสซิสแพลททิจะต้องทำอย่างนั้นแน่...มิสซิสแพลททินั้นเป็นคนดี รับใช้เรามาอย่างซื่อตรง ไม่มากไม่น้อยกับเราตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกันมา เพราะฉะนั้นแกก็คงจะไม่รู้ว่า คำตอบที่ไม่ชัดเจนนั้น อาจจะทำให้ฉันกับพ่อต้องได้รับความยุ่งยากได้
“ก็ผมบอกพี่แล้วไงล่ะครับว่าพี่ควรจะมาถามผม...ใช่...ผมยอมรับ แมรี่ชอบแต่งตัวด้วยชุดอย่างที่พี่เห็นนั่นแหละครับ แกมีม้าของแกเองด้วย ผมให้น๊อบเป็นคนสอนเรื่องกีฬาพวกนี้ให้ ทำไม...มันเป็นอาชญากรรมหรือครับ?”
“ถ้าสำหรับคนที่จะต้องเติบโตขึ้นมาเป็นสุภาพสตรีละก้อคำตอบก็คือ...ใช่ มีอย่างที่ไหน ปล่อยให้ลูกที่โตเป็นสาวออกอย่างนี้ ออกไปขี่ม้าบ้าๆบอๆกับคนต่ำๆอย่างนั้น เอาคนที่ไม่มีการศึกษามาอบรมสั่งสอนลูก แล้วยังจะให้มาร่วมโต๊ะอาหารอีก...”
“พอ...พอที...ผมอยากจะอธิบายให้พี่ฟังว่า โนเบิ้ล ฮาร์โรว ไม่ใช่คนใช้ของผมนะครับ เขาเป็นเพื่อนผม เป็นคนที่ยอมเสียสละทั้งชีวิตเพื่อครอบครัวของผม ช่วยดูแลลูกสาวที่ขาดแม่ให้ เขาอาจจะไม่ใช่สุภาพบุรุษอย่างที่พี่คาดคิดไว้ หรือตีความหมายไว้ แต่เขาก็ดีกว่าคนที่มีชาติกำเนิดสูงส่งเสียอีก”
ใบหน้าของพ่อแดงกล่ำอย่างโกรธจัด คุณป้าเฟลิซิตี้นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ สีหน้าของท่านเศร้าลง
“ที่พี่พูดน่ะ ก็เพราะว่าเป็นห่วงเท่านั้น พี่ไม่สงสัยในคุณงามความดีของคนของคุณดอก แต่สงสัยว่า คุณเอาคุณธรรมข้อไหนมายัดเยียดให้ลูกสาวต้องได้รับการอบรมสั่งสอนวิชาการบ้าๆนั่นจากเขา...ซึ่งมันยิ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเองผิดหนักเข้าไปอีก ถ้าพี่รู้เสียตั้งแต่แรก เหตุการณ์อย่างนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นแน่...ฮึ...หลานสาวคนเดียวของพี่ขี่ม้าตะลอนๆเหมือนเด็กผู้ชาย ป่ายปีน ตกปลา ยิงปืน...โจนาธาน...นี่คุณไม่ได้กำลังเลี้ยงลูกให้เป็นผู้หญิงนะ กำลังใกล้ความเป็นผู้ชายเข้าไปเต็มทีแล้ว เข้าไปมากพี่ก็เป็นคนที่ผิดตลอดเรื่องเลย”
ดวงตาของคุณป้าคลอคลองไปด้วยหยาดน้ำตา ท่านปลดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆที่อบจนหอมชื่นออกมาจากแขนเสื้อ แตะที่หัวตาเบาๆ
น้ำตาของป้า ทำให้พ่อซึ่งเป็นคนอ่อนโยน สุภาพ ต้องใจอ่อนลง ท่านโน้มตัวลงแตะที่แขนของคุณป้าเบาๆ
“อย่าตำหนิตัวเองเลยครับ พี่...สุภาพสตรีที่ไหนๆเขาก็ขี่ม้าเป็นกันทั้งนั้น”
“ถ้าได้รับการอบรมอย่างถูกต้องละก้อ...ใช่” คุณป้าตอบ
“ทำใจให้สบายเถอะครับ ที่แม่รี่จะต้องมีชุดขี่ม้ากับอานอย่างสุภาพสตรีนั่นแน่นอน”
ริมฝีปากของคุณป้าเม้มสนิท
“โธ่เอ๊ย...โจนาธาน...เอาละ...แล้วนี่คุณจะเลิกอนุญาตให้แกยุ่งกับคนๆนั้นเสียทีได้ไหม?”
...ไม่ได้แน่...ฉันตอบท่านอยู่ในใจ
“เราพูดกันเลยเถิดไปแล้วละครับ” พ่อตอบเรียบๆ
ในมุมที่ฉันนั่งอยู่นั้น ฉันพร่ำภาวนาอย่างหมดจิตหมดใจขอให้การสนทนาในค่ำวันนี้ได้ยุติลงเสียที
“ผมต้องขอบคุณมากครับ ที่พี่ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์แก่เรามาก ในการมาเยี่ยมครั้งนี้ พี่ยังมีอะไรอีกไหมครับ?”
“คุณจะต้องให้พี่ดูแลลูกสาวคุณ เพราะพี่จะต้องระวังที่จะไม่ให้เกิดเรื่องเสียหายขึ้นอีก” คุณป้าพูดอย่างจริงจัง
“หมายความว่า พี่จะมาอยู่กับเราที่ฮอร์ทอร์น ฮิลล์นี่น่ะหรือครับ?”
ฉันเกือบจะร้องออกไปว่า...ไม่เอา...ก็พอดีกับที่คุณป้าส่ายศีรษะช้าๆ
“พี่คงทำอย่างนั้นไม่ได้แน่ พี่ยังมีบ้านช่องที่จะต้องดูแล มีทรัพย์สินที่ทางอยู่ในลอนดอน
“ถ้าอย่างนั้น พี่จะเอาอย่างไรล่ะครับ?”
“ก็ให้แมรี่ไปอยู่กับพี่ที่โน่นสิ อย่างน้อยก็สักชั่วระยะหนึ่ง”
“ไม่ได้ครับ” พ่อผุดลุกขึ้นยืนทันที แต่แล้วก็กลับทรุดตัวลงนั่ง ดวงตาจับอยู่ที่มือ
“ผมทำอย่างนั้นไม่ได้จริงๆเฟลิซิตี้ ผมเสียเมียกับลูกชายไปแล้ว ผมจะไม่มีวันยอมเสียคนๆเดียวในโลก ที่เหลือเป็นเพื่อนอยู่ในเวลานี้แน่”
“พ่อคะ...พ่ออย่ายอมให้หนูไปนะ....” ฉันรู้สึกเหมือนความอดทนได้สิ้นสุดลงแล้ว
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องช่วยตัดสินใจ” คุณป้าหันมากำราบฉันทันที “นี่เป็นเรื่องระหว่างพ่อของเธอกับป้า...คุณเห็นไหม โจนาธาน ลูกสาวของคุณกล้าที่จะทะลุกลางป้องขึ้นมา ขณะที่ผู้ใหญ่เขาพูดจากัน”
“แต่เรื่องนี้มันก็เกี่ยวข้องกับแกโดยตรงนะครับ” พ่อตอบ ดึงตัวฉันเข้ามากอด “ถึงเวลานอนแล้วลูก สวัสดีคุณป้าเสียสิ”
ฉันก้มลงจุมพิตที่แก้มเย็นชืดของคุณป้าตามหน้าที่ และเดินออกไปจากห้องตามที่พ่อสั่งแต่โดยดี ขณะที่เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเป็นชุดนอนนั้น ฉันก็เข้าไปยืนอยู่ตรงหน้ากระจกบานใหญ่ แปรงผมช้าๆ และเพ่งมองใบหน้าที่ซีดขาวที่มองตอบฉันออกมาจากบานกระจกนั่น...ในใจก็หวาดผวาว่า พ่อจะยอมสยบให้ผู้หญิงที่เย็นชา เอาแต่ได้อย่างคุณป้าเฟลิซิตี้หรือไม่หนอ...