บทย่อ
ราเชล การ์ดเนอร์ แม็คคินเล่ย์ เจ้าของกิจการร้านเฟอร์นิเจอร์ขนาดย่อม หล่อนต้องต่อสู้ชีวิตด้วยตนเองหลังจากแม็คเสียชีวิตไป สามีภรรยาคู่หนึ่งที่เป็นเพื่อนของหล่อนแนะนำให้หล่อนเที่ยวพักผ่อนทางเรือ เพราะความเข้าใจผิด จึงทำให้หล่อนได้ที่พักห้องเดียวกับ การ์ดเนอร์ แม็คคินเล่ย์ หนุ่มใหญ่ซึ่งมีชื่อสกุลเดียวกับหล่อน
บทที่ 1
“ต้องอีกประมาณ 20 นาทีนะคะ เขาจึงจะให้ผู้โดยสารขึ้นเรือได้ คุณจะต้องเดินเข้าไปทางประตูนั้นค่ะ”
เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นสตรีสาว นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ชี้ไปยังประตูที่เปิดออกสู่ท่าเทียบเรือ จากนั้นก็ส่งการ์ดยาวๆ แคบๆ ให้กับราเชล พร้อมกับบัตรผ่านทางสำหรับผู้มาส่งอีก 2 คน
“ขอให้มีความสุขในการเดินทางนะคะ คุณนายแม็คคินเล่ย์”
“ขอบคุณค่ะ”
ราเชลถอยออกจากโต๊ะเพื่อหลีกทางให้ผู้โดยสารคนที่ยืนอยู่ในแถวต่อจากเธอ จากนั้นก็หยุดกวาดสายตามองหาคู่สามีภรรยาที่มาส่ง
ยาวตัวนั้นเป็นจำนวนหนึ่งในจำนวนหลาย ๆ โต๊ะ ที่ตั้งรายเรียงเพื่อการมอบตั๋วเดินทางกับเอกสารที่จะเดินทางไปเรือเที่ยวนี้ บริเวณที่ตั้งโต๊ะดังกล่าวกินแนวออกมาเกือบถึงกลางห้องโถงที่ใหญ่โตมาก แบ่งส่วนที่นั่งคอย ซึ่งมีที่นั่งไว้พร้อม ออกจากส่วนที่รับกระเป๋าและสัมภาระ ซึ่งเป็นกระเป๋าของผู้โดยสารทุกคน จะถูกวาง ลงบนเครื่องและวิ่งไปตามสายพานออกไปยังห้องเรือ และจากจุดนั้น กระเป๋าทุกใบกะถูกจัดส่งไปตามห้องต่างๆ ตามหมายเลขบนป้าย
บริเวณที่จัดไว้ให้เป็นที่นั่งคอยนั้น มิได้มีที่พอที่จะรับรองผู้โดยสารนับร้อยที่รวมตัวกันอยู่ในอาคารท่าเรือแห่งเมืองลอสแองเจลีส ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนผู้คนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีทั้งเพื่อและญาติที่ตามมาส่งผู้โดยสาร เช่นในรายของราเชล ดังนั้นผู้โดยสารและผู้มาส่งก็หลั่งไหลเข้ามาและยืนรวมกันอยู่ในบริเวณกว้างใกล้ทางเข้า และในกลุ่มนั้นมีแฟนกับจอห์น เคมเปอร์ เพื่อนของราเชลรวมอยู่ด้วย
ขณะที่ราเชลเดินไปที่หมู่คนนั้น ดวงตาคู่สีเทาก็สอดส่ายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหลือไปเห็นเสื้อดอกสีแดงสดเข้าจึงได้เดินตรงเข้าไปหา
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
จอห์น เคมเปอร์ เอ่ยถามขึ้น เมื่อราเชลเดินเข้าไปสมทบ
โดยอาชีพ จอห์นเป็นทนายความ เขาเป็นบุรุษผู้มีเรือนร่างสูงปานกลาง เรือนผมสีบลอนด์เริ่มบางลงตรงด้านหลังของศีรษะแล้ว ในวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้เขาจะหลีกเลี่ยงการแต่งกายแบบไปทำงาน เปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าชุดลำลองแทน เช่นกางเกงสีแดงเข้มกับเสื้อฮาวายลายทางที่สวมอยู่ในวันนี้ เนื่องจาก แม็ค แม็คคินเล่ย์ สามีของราเชลเป็นลูกค้าของเขา อีกประการหนึ่ง ราเชลก็เป็นเพื่อนกับภรรยาของจอห์นมาก่อนที่จะพบและรู้จักกับแม็ค ซึ่งต่อมาในภายหลังเธอจึงได้แต่งงานกับเขา
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ราเชลตอบพร้อมกับส่งบัตรผ่านทาง 2 ใบนั้นให้
“นี่ค่ะ บัตรผ่านทางของคุณ เขาบอกว่า หลังจากที่ผู้โดยสารขึ้นเรือแล้ว เขาจะให้ผู้ที่มาส่งขึ้นไปบนเรือได้ และต้องอีก 20 นาที เราถึงจะขึ้นเรือ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็ออกไปคอยกันข้างนอกก่อนดีกว่า”
แฟนเอ่ยขึ้นทันที
“ในนี้คนแน่นแล้วก็หนวกหูออก ฟังอะไรไม่ได้ศัพท์”
ขณะที่แฟนกำลังพูดอยู่นั้น ใครคนหนึ่งก็เดินมาชนราเชลเข้าพอดีทำให้เธอเห็นพ้องกับเพื่อนสาวทันที
“เอาสิ”
จอห์นจึงออกเดินนำ พาภรรยากับเพื่อนสาวเดินผ่านกลุ่มคนออกไปยังประตู มีผู้หญิงอีก 2 คนเดินตามเขาไป ซึ่งทำให้ราเชลต้องอยู่รั้งท้าย รอยยิ้มอ่อนๆ ปรากฏขึ้นเมื่อเห็นแฟนคอยหันมามองข้างหลัง ดูว่าราเชลเดินตามมา แฟนมีลักษณะเหมือนแม่ไก่ที่คอยปกป้องคุ้มครองใครทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวไว้เสมอ อาจจะเป็นธรรมชาตินิสัยของแม่ลูก 4 ซึ่งประกอบด้วยลูกชาย 3 กับลูกสาวที่กำลังน่ารักอีก 1 คนก็ได้
เมื่อคิดไปถึงลูกทั้ง 4 คนของแฟนกับจอห์น ดวงตาคู่สีเทาก็ฉายแววสลดลง ในระยะ 4 ปีหลังนี้ หลายต่อหลายครั้งที่ราเชลคิดไปถึงว่า เธอกับแม็คไม่ควรจะรอเวลาในการมีลูกไว้เลย ในตอนนั้นมันก็ดูเป็นสิ่งที่มีเหตุผลอยู่ เนื่องจากกิจการค้าเครื่องเรือนของเธอกับสามี กำลังขยายสาขาออกไป แม็คเป็นบุคคลที่มีความกระตือรือร้น เต็มไปด้วยชีวิตจิตใจและความปรารถนาอันสูงส่ง ไม่เคยมีใครคิดเลยว่า เขาจะเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันด้วยโรคหัวใจในขณะที่อายุเพียง 35 เท่านั้น
ทั้ง 3 คนเดินผ่านตัวอาคารออกไปสู่แสงแดดอบอุ่นของยามบ่ายในเดือนกุมภาพันธ์ สายลมอ่อนพัดพากลิ่นดอกไม้จากร้านที่จัดขายเป็นของขวัญ เพื่อการเดินทางมาหอมกรุ่น ราเชลพยายามปัดความคิดถึงเรื่องราวในอดีตออกเสียจากสมอง พยายามมองแต่เหตุการณ์ในปัจจุบันและกับสิ่วที่แวดล้อมอยู่รอบตัวในยามนี้
มีผู้โดยสารบางคนที่มีความคิดเช่นเดียวกัน ต้องการจะหลีกเลี่ยงจากกลุ่มผู้คนอันคับคลั่ง ภายในตัวอาคารออกมาเดินกันอยู่ข้างนอก มองดูผู้โดยสารที่เพิ่งมาถึงกับทั้งรถส่วนตัวและแท็กซี่ ซึ่งจะเลี้ยวเข้ามาจอดตรงทางโค้งอีกฟากหนึ่งของถนนคือที่จอดรถประจำทางเป็นแถวยาวเหยียดเพื่อรับส่งผู้โดยสารไปยังสนามบินลอสแองเจลีส
“เรานั่งกันตรงขอบนี่แล้วกัน”
แฟนเดินนำไปยังเกาะเล็กๆ ที่จัดเป็นสวนหย่อม มีต้นปาล์มและพันธุ์ไม้ดอกปลูกประดับไว้ ข้างผนังอาคารด้านหนึ่งนั้นมีขอบคอนกรีตยื่นออกมา พอจะใช้เป็นที่นั่งพักได้
เนื่องจากราเชลสวมสูทเดินทางเป็นสีขาว ซึ่งเปรอะเปื้อนได้ง่าย ดังนั้นเธอจึงปัดฝุ่นเสียก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่ง สูทแบบเทย์เลอร์ที่สวมอยู่ในวันนี้ เป็นชุดที่สวยมากเน้นความระหงของเรือนร่างและสีขาวของตัวสูทก็เน้นความดำเข้มของเรือนผม กับดวงตาสีเทาเงินให้เด่นชัดขึ้น เสื้อสั้นตัวใน ตัดเย็บจากผ้าไหมสีฟ้าสดเป็นมันเลื่อมราวแสงเพชร ตรงคอผูกเป็นโบขนาดใหญ่ เสริมความงามให้กับสตรีผู้สวมใส่ขึ้นอีกมาก
จอห์นยังคงยืนอยู่ มิได้ทรุดตัวลงนั่งเหมือนสตรีทั้งสอง
“เออ....ตรงนั้นมีรถเข็นขายเครื่องดื่มด้วย ใครอยากจะดื่มอะไรเย็นๆ สักหน่อยไหมล่ะ”
“ฉันขอโคล่า”
แฟนรีบรับข้อเสนอของสามีทันที หันไปทางราเชลพร้อมกับเอ่ยถามว่า
“แล้วเธอล่ะ”
“ขอน้ำส้มก็แล้วกันค่ะ ขอบคุณ”
“ครับผม โคล่ากับน้ำส้มสำหรับคุณสุภาพสตรี ได้เดี๋ยวนี้เลยครับ”
จอห์นโค้งคำนับล้อๆ ก่อนที่จะผละจากไป
รอยยิ้มอ่อนๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแฟนขณะที่มองตามร่างสามี ระบายลมหายใจเบาๆ ก่อนที่จะหันมาทางราเชล
“ฉันชอบจังเวลาที่เขามีอารมณ์อย่างนี้ มันทำให้รู้สึกว่าเขายังหนุ่มและฉันก็ยังสาวอยู่มากทีเดียว”
เธอเปล่งเสียงหัวเราะเบาๆ คล้ายกับขบขันในความคิดของตนเอง
“แต่ถึงยังไงฉันก็ชอบคิดว่าตัวเองยังเป็นสาวอยู่ดี แต่เมื่อไหร่เจ้าปีศาจเล็กๆ 4 ตัวนั่น วิ่งเข้ามาในห้องละก็ ฉันจะนึกขึ้นมาได้ทันทีว่าเวลานนี้เราอายู 32 แล้ว”
“แต่ฉันคิดว่าเธอไม่ได้เปลี่ยนหรอกนะ หน้าตายังอ่อนเหมือนตอนที่เราเพิ่งเรียนสำเร็จกันมาใหม่ๆ นั่นแหละ”
ราเชลยืนยัน แต่มิได้เอ่ยถึงเรื่องลูกๆ ของแฟน เพราะเธออดที่จะเสียใจไม่ได้เมื่อนึกไปถึงว่าลูกของตนเองไม่มีสิทธิ์ที่จะเกิดมาเลย
“แต่สมัยนั้นฉันคงใส่ชุดแดงอย่างนี้ไม่ได้หรอกนะ”
แฟนพูดปนหัวเราะ
“เพราะมีลูก 4 คนเข้า แต่งอะไรก็แต่งได้”
“แหม....เธอใส่ชุดนี้แล้วสวยออก”
ราเชลพูดตามความเป็นจริง ด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
สภาพภายนอกของแฟนตอนนี้เปลี่ยนไปบ้าง เรือนผมสีบลอนด์มิได้ปล่อยสยายยาวลงมาจรดเอวเช่นเมื่อครั้งที่ยังสาวอีกต่อไป แต่ถูกตัดเป็นบ๊อบสั้น ปัดข้างหน้าเก๋ๆ เรือนร่างที่ผอมบางบัดนี้สมบูรณ์ขึ้น แต่ไม่ถึงกับอ้วน ยังคงรักษาความระหงไว้ได้ และแฟนก็ยังคงเป็นคนเดิม ทำงานการอย่างคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงและยังดูแลลูกๆ ทั้ง 4 คนได้อย่างดีอีกด้วย แต่ถ้าใครมาเรียกเธอว่าแฟนนี่ละก็ เธอจะโกรธมาก เพราะมันเป็นชื่อเล่นที่แฟนเกลียดเป็นที่สุด
“ฉันก็เป็นฉันนั่นแหละ สาวบ้านนอกมีลูกตั้ง 4 คน แต่ก็เป็นภรรยาของทนายความผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่ง แล้วฉันก็ยังเป็นกรรมการของสโมสรอีกตั้งกว่า 10 แห่ง ซึ่งเป็นสภาพที่ฉันเคยสาบานไว้เลยว่าในชีวิตนี้จะไม่ยอมทำเป็นอันขาด แต่พอมาพบกับจอห์นเข้า ฉันก็มีความรู้สึกว่าทุกวันนี้ฉันจะหาความสุขยิ่งไปกว่านี้เห็นจะไม่ได้แล้ว ชีวิตมันสมบูรณ์แล้วสำหรับฉันจริงๆ”
รอยยิ้มอย่างเปี่ยมสุขฉายอยู่บนใบหน้า
“บางครั้งฉันก็เคยคิดสงสัยอยู่เหมือนกันนะว่า ช่วงวันเวลาเก่าๆ น่ะมันหายไปไหนหมด”
ราเชลเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แววตาเลื่อนลอยเหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด
“มันมีความรู้สึกคล้ายกับว่า เราเพิ่งเดินทางออกจากรั้วโรงเรียนเมื่อวานนี้เอง พอหมุนตัวรอบเดียว ฉันก็อายุตั้ง 32 เข้าไปแล้ว และ....”
เธอเกือบพลั้งปากออกไปแล้วว่า
“อยู่ตัวคนเดียว”
แต่ก็ยังรั้งไว้ได้ทัน
“และกำลังจะเดินทางท่องเที่ยวทางเรือเป็นเวลาถึง 7 วัน ไปตามลำน้ำ เม็กซิกันริเวียร่า”
แฟนช่วยต่อประโยคนั้นให้จบ ด้วยเจตนาที่จะเปลี่ยนเรื่องพูดเสีย เพราะไม่ต้องการเห็นเพื่อนรักหม่นหมองใจ