ตอนที่ 1 เล่ห์นางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวย
“เจ้าหยุดก่อกรรมทำชั่วได้แล้วนางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวย”
เสียงกัมปนาทดังสะเทือนแผ่นฟ้าและผืนดิน แม้แต่ดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งบนกิ่งก้านยังหลุดร่วงลงมากองกับพื้น
ร่างอสุภะที่มีใบหน้าและผิวซีดขาวราวกับหิมะ สวมอาภรณ์สีขาวหม่น หันใบหน้าเรียวแหลมมามอง ดวงตาเล็กเรียวชี้ขึ้น จมูกเชิดสูง ปากกว้างเต็มไปด้วยเขี้ยวขาวซึ่งเปรอะเปื้อนเลือดสีแดงฉาน หูทั้งสองข้างเหมือนกับหูสุนัขขยับไปมา ส่วนผมมันปล่อยยาวเป็นกระเซิง
นางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยซึ่งมีอายุ 300 ปีทิ้งร่างเหยื่อซึ่งเป็นชายหาฟืนลงกับพื้น คอชายผู้นั้นเป็นแผลเหวอะหวะ เขาสิ้นลมหายใจตั้งแต่นางจิ้งจอกฝังคมเขี้ยวแรกลงไป
กลิ่นเหม็นสาบสางชวนสะอิดสะเอียนที่ลอยตามลม หาทำให้ร่างใหญ่ของเทพชิงกวงอ๊วง ซึ่งเป็นเทพยมบาลในยมโลกสะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด
“เจ้าเป็นใคร บังอาจสั่งข้าผู้เป็นใหญ่แห่งจิ้งจอกทั้งมวล”
นางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยแสดงอิทธิฤทธิ์โดยคำรามลั่น จนใบดอกเหมยร่วงกราวลงพื้นและมันพุ่งร่างเข้าหาเทพชิงกวงอ๊วงอย่างประสงค์ร้าย
ทว่า!
ร่างมันกลับนิ่งค้างกลางอากาศเมื่อเทพชิงกวงอ๊วงยกฝ่ามือขวาขึ้น พลังสีแดงพุ่งกระจายรอบทิศ นางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยจิตพรั่นพรึงเมื่อรู้ว่าบุรุษร่างใหญ่ท่าทางน่าเกรงขามผู้นี้คงไม่ใช่คนธรรมดา
“นางจิ้งจอกต่ำช้า นอกจากเจ้ายังไม่สำนึกความผิดที่กระทำแล้ว เจ้ายังโง่เขลา เบาปัญญาจนไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร”
“แล้วเจ้าเป็นใครเล่า ทำไมถึงใช้พลังฝ่ามือกักกั้นข้าให้ค้างคากลางอากาศเช่นนี้”
“ในเมื่อเจ้าไม่รู้ ข้าจะบอกเจ้าเอาบุญ นังปีศาจจิ้งจอกผู้ต่ำตม ข้าคือเทพชิงกวงอ๊วงซึ่งเป็นเทพยมบาลในยมโลก”
หลังจากเทพชิงกวงอ๊วงกล่าวจบ เกิดอสุนีฟาดเปรี้ยงลงที่ร่างนางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยจนไฟลุกท่วมร่าง
ร่างมันเกร็งกระตุก ดวงตาเหลือกโพลงและร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย ช่วยข้าด้วย ข้าเจ็บ ข้า ข้าทรมานเหลือทน อ๊าก”
“นี่คือการลงโทษแค่เพียงเบื้องต้นเท่านั้นนางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวย”
“โอ ท่านเทพชิงกวงอ๊วง ข้า ข้าผิดไปแล้ว จงดับไฟอสุนีออกจากร่างข้าด้วยเถิด”
“เจ้าก็เหมือนผู้กระทำความผิดทั่วไป เมื่อถูกลงโทษก็ร้องอ้อนวอนว่าสำนึกผิด ข้ารู้ความชั่วช้าสามานย์ของเจ้ามันฝังหยั่งรากลึก หากปลดปล่อยเจ้ากลับคืนดังเดิม เจ้าก็ก่อกรรมทำเข็นกับมนุษย์อีก”
นางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยได้ยินดังนั้น มันรู้ว่าจะต้องไปรับโทษทัณฑ์หนักกว่าโดยสายอสุนีฟาด มันมองเทพชิงกวงอ๊วงด้วยสายตาอ้อนวอน
“ข้ายอมรับโทษทุกประการ ท่านเทพชิงกวงอ๊วง”
“ดี เช่นนั้น ข้าจะจองจำดวงวิญญาณเจ้าไว้ในโพรงไม้ตลอดไป เจ้าจะไม่ต้องไปฆ่าผู้คนอีก”
“โอ ท่านเทพชิงกวงอ๊วง โปรดเมตตาข้าด้วย”
ไม่มีคำพูดใดๆ จากเทพชิงกวงอ๊วงนอกจากยกมือขวาขึ้นสูงระดับอกแล้วหลับตา ท่องมนตร์เพียงชั่วครู่
พลัน! เกิดพลังแสงสีแดงแผ่กระจายฝ่ามือ เทพชิงกวงอ๊วงดันฝ่ามือออกไปสุดแรง ร่างนางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยปลิวไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
และแล้วนางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยหายวับเข้าไปในโพรงไม้ ดวงวิญญาณชั่วช้าถูกจองจำไว้ในนั้นตราบนานเท่านาน
เทพชิงกวงอ๊วงติดผ้ายันต์สีแดงไว้ที่โพรงไม้แล้วท่องมนตร์กำกับ เพียงชั่วครู่ผ้ายันต์สูญสลายไปกับอากาศ ทั้งที่ความจริงแล้วผ้ายันต์ผืนนั้นยังอยู่ที่เดิมซึ่งเป็นการพรางตาไม่ให้ใครเห็น
นางปีศาจจิ้งจอกหลิงเวยร้องคร่ำครวญอยู่ในโพรงไม้ด้วยความทุกข์ทรมานเพราะดวงวิญญาณไม่อาจออกมาไล่ล่าผู้คนได้อีก
ณ ชายแดนเมืองฉงชิ่ง
คุณชายเป่าบุตรชายเศรษฐีหม่า อยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์และเป็นบุรุษรูปงามได้ออกล่าสัตว์กับตงฟางโจวซึ่งเป็นพี่เลี้ยง กระต่ายตัวใหญ่สีขาวขนปุกปุยวิ่งผ่านหน้า คุณชายเป่าเงื้อคันธนูสุดกำลัง เตรียมปล่อยลูกธนูออกจากแหล่ง
เป้าหมายคือกระต่ายตัวขาวที่วิ่งเต็มฝีเหยียด เมื่อรู้ว่าภัยกำลังมาถึงตัว ตงฟางโจววิ่งอ้อมไปอีกด้าน เขาจะดักด้านหน้ากระต่ายให้วิ่งย้อนกลับไปหาผู้เป็นนาย
“คุณชายเป่า กระต่ายวิ่งไปหาท่านแล้ว”
“เจ้าก็เบาๆ หน่อยสิ เห็นไหมเล่ากระต่ายมันตกใจวิ่งไปทางโน้นแล้ว”
คุณชายรูปงามใช้วิชาตัวเบากระโจนขึ้นไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ร่างสง่างามโลดลิ่วเหนือกิ่งไม้ แม้ว่าเขามีวิชาที่ศึกษาจากจอมยุทธบนขุนเขามังกรไฟ ทว่ากลับไล่ล่ากระต่ายป่าไม่ทัน
คุณชายเป่าจรดปลายเท้าลงบนพื้นหญ้าเขียวนุ่ม พลางสอดส่ายสายตาหาสัตว์หูยาว บัดนี้ไม่เห็นแม้เงา
คุณชายเป่าไม่รู้ว่าเจ้ากระต่ายตัวนั้นกระโจนเข้าไปในโพรงไม้ใหญ่และหมอบคุดคู้อยู่ในนั้น ตัวมันสั่นงันงกด้วยความตกใจ
“บ้าจริง! ข้ามีวิชาตัวเบา ล่องลอยสูงเทียบยอดไม้ กลับไล่กระต่ายป่าซึ่งเป็นแค่เพียงสัตว์เดรัจฉานไม่ทัน”
คุณชายเป่าสบถอย่างหัวเสีย ตงฟางโจวเข้ามายืนก้มหน้า มือกุมอยู่ที่หว่างขาแล้วโค้งคำนับเป็นการขอโทษ
“อภัยให้ข้าด้วยเถิดที่ไม่อาจต้อนกระต่ายป่าตัวนั้นไปให้คุณชายได้”
ตงฟางโจวกล่าวด้วยเสียงส่ำสั่น เขารู้สึกผิดที่ไม่อาจต้อนกระต่ายไปทางคุณชายเป่าผู้เป็นนาย และจัดการกับมันได้
“ช่างมันเถิด ข้าแค่เพียงไม่สบอารมณ์เท่านั้นเอง”
“คุณชายจะทำเช่นใดเล่า เมื่อยิงกระต่ายไม่ได้”
“ข้ายิงลูกไม้ระบายอารมณ์ก็ได้”