ตอน 2
ปลายคางมนเชิดขึ้นใบหน้าคมคร้าม ค่อยๆ ขยับโน้มเข้าหาทีละนิดราวกับจะประวิงเวลาให้เธอตั้งรับ ใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้าขยายใหญ่และใกล้เข้ามาทุกทีๆ กระทั่ง....
ริมฝีปากได้รูปประกบลงกับเรียวปากอันเผยอค้างอยู่นิ่งงัน ด้วยอาการตะลึงไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องของเธอ ทุกสิ่งราวกับภาพฝันแต่ฝันอะไรจะเหมือนจริงได้ถึงขนาดนี้ ไม่ต่างอะไรกับภาพหนังสี่มิติ จับต้องได้ มีเลือดเนื้อบ่งบอกความเป็นคนเช่นเดียวกับเธอ
“อื้อ...คะ...คุณ” เสียงสุดท้ายที่เล็ดลอดออกมามีเพียงเท่านี้ จากนั้นเรียวปากของเธอก็ถูกปิด พร้อมกับการบดเบียดเสียดสี เล่นงานหัวใจดวงน้อยกำลังปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้าเพราะไม่เข้าใจอะไรเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผู้ชายคนนี้คือคุณพระพิมาน ในเรือนนพรัตน์ จริงหรือ...ถ้าไม่ใช่แล้วเขาเป็นใคร
ทำไมจูบอ่อนหวานอร่อยขนาดนี้ คนไม่เคยจูบไม่เคยถูกใครจูบ แต่รับรู้ได้ว่าจูบนี้อ่อนหวาน พลิ้วแผ่ว และเปี่ยมล้นไปด้วยรสหวานละมุน ไม่รุนแรงไม่จาบจ้วง จูบไปคล้ายกับเรียกร้องให้เธอตอบสนอง แล้วเธอจะตอบสนองอย่างไรในเมื่อไม่เคยจูบกับใครแม้สักคนเดียว
หัวใจดวงน้อยที่ไม่เคยประสา ไม่เคยถูกต้องแตะต้องจากชาย กำลังจะหลุดจากขั้วเพราะความตื่นเต้น ที่ได้รับจูบจากผู้ชายที่แนะนำตัวเองว่า พระยาพิมาน คนชื่อนี้เธอเคยรู้จักมีคนเดียวเท่านั้น คือพระเอกในนิยายเล่มที่ยังอ่านค้างเอาไว้ เพราะไม่อยากให้จบด้วยติดใจ ความสนุกในบทประพันธ์
ไม่จริงใช่ไหมมีใครบอกเธอได้หรือไม่ ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง มีใครสักคนในบ้านอำเธอเล่นใช่ไหม เพราะเห็นว่าเธอยังไม่มีแฟนเลยส่งผู้ชายมาลองใจ
ใครจะบ้าส่งผู้ชายบุกเข้ามาถึงในห้องนอน ในยามวิกาลเช่นนี้ แต่ ณ ตอนนี้เรไรไม่อาจคิดอะไรไปมากกว่านี้ได้แล้ว ในเมื่อกำลังโดนไล่ต้อนจากลิ้นร้อนที่กำลังแทรกเข้าไปในช่องปากของเธอ เมื่อเผลอเผยอค้างไว้ คนตัวใหญ่หุ่นโบราณว่องไว จึงรีบสอดลิ้นเข้าไป แล้วดึงลิ้นเธอด้วยปลายลิ้นของเขา
เรไรไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะกำลังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทว่าสัมผัสจากชายตัวใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า กลับไม่น่ารังเกียจใดๆ ทั้งสิ้น คราวนี้เรไรถึงกับสนองจูบตอบเขา ด้วยความไม่ประสา แม้จะพยายามกระดกลิ้นหนี แต่กลับถูกไล่ต้อนจนมุม จึงปล่อยให้เขาใช้ลิ้นร้อนพันเกี่ยวจนได้
บุรุษตัวใหญ่กำลังลิ้มรสความใหม่ที่ตัวเองไม่เคยพานพบ แม้จะผ่านสตรีมานับไม่ถ้วน กลับไม่มีสตรีนางใดมีรสชาติหอมหวานแปลกประหลาดเท่าสตรีน้อยนางนี้ กลิ่นกายเธอหอมกรุ่น กระตุ้นความต้องการอันดิบเถื่อนในกายเขาให้ลุกโชนขึ้นอย่างว่องไว
นิ้วแกร่งเลื่อนลงไปใต้คาง จัดการแกะกระดุมเสื้อ คืออาภรณ์แปลกไปกว่าสตรีที่เขาเคยพานพบ ส่วนใหญ่ได้ปลดแต่ผ้าแถบแล้วผ้าแถบเพียงแค่กระตุกนิดๆ สิ่งห่อหุ้มก็เลื่อนหลุดได้ง่ายดาย เท่านั้นก็ได้เชยชมความงามแห่งรูปร่างสตรี ช่างอัศจรรย์โดยไม่ต้องปลดนั่นแกะนี่เช่นในยามนี้ ทว่าชายมากความสามารถเช่นพระยาพิมาน มีหรือจะยอมจำนนต่ออาภรณ์อันแปลกไปกว่าในยุคของตนที่เห็นประจำจนชินตาอยู่นี้
นิ้วมืออันพลิ้วไหวจึงกำจัดสิ่งปกปิดบนกายเนียน อันกรุ่นกลิ่นหอมอ่อนๆ น่าพิสมัย แม้จะต่างไปจากกลิ่นที่เขาเคยสูดดมอยู่เป็นนิจก็ตามที แต่ถือได้ว่าชื่นใจกระตุ้นความปรารถนา ในกายชายไม่แพ้กัน ว่าแต่กลิ่นน้ำอบจากดอกไม้ชนิดใดหนอ จึงได้หอมระรื่นใจเช่นนี้
ครั้นพอนิ้วแกร่งแกะกระดุมเสื้อหลุดไปทุกเม็ด สาบเสื้อลายแปลกประหลาด จึงแยกห่างจากกัน สองมือร้อนช้อนกอบกุมหน้าอกอิ่มสล้างแห่งวัยสาว คุณพระสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่น อิ่มอวบ นุ่มลื่น ราวกับลูบไล้ผ้าไหมเนื้อดี อันไม่สะดุดปลายนิ้วให้รำคาญหัวใจ
“คุณจะทำอะไร อย่านะ อย่าค่ะ” เธอไม่อยากเชื่อด้วยความสนิทใจ ชายผู้นี้คือคุณพระพิมาน แห่งเรือนนพรัตน์ พระเอกในนวนิยายที่เธออ่านติดพันจนไม่อยากวาง แม้กระทั่งไม่อยากให้จบเร็วๆ จนแสร้งอ่านช้าๆ ทุกตัวอักษร เพื่อจะได้ดื่มด่ำคุณพระทุกอิริยาบถ ทุกการเคลื่อนไหว แม้อ่านไปจะรังเกียจที่คุณพระพิมาน มีภรรยาหลายคนจนเต็มเรือนอยู่มาก หากแต่กลับชื่นชอบชื่นชมความเป็นผู้มีความรับผิดชอบ เป็นผู้นำอันกล้าแกร่ง สามารถปกครองภรรยามากมายเต็มเรือนได้จนอยู่หมัดไม่มีใครกล้าหือ ภรรยาเอกก็ทำหน้าที่ได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นภรรยาเอก อันเป็นภรรยาออกงานคู่บุญคู่บารมีสามี
“ทำตามที่เจ้าต้องการอย่างไรเล่าแม่เรไร” คุณพระตอบกลับแม่เรไรด้วยสำเนียงเส้นเสียงทุ้มนุ่ม ชวนจิตใจสั่นคลอน พร้อมกับดวงตาแห่งความกระหายหิว ได้ปะปนมาพร้อมกับความเมตตาแบบผู้ใหญ่เอื้อเอ็นดูเด็ก
“ฉันนี่นะต้องการเอ่อ...คุณพระ” เรไรไม่กล้าเอ่ยนามชายเหนือร่างตนเองเต็มปากนัก เขาคือคุณพระของเธอ ใช่คุณพระของเธอ ด้วยตลอดเวลาเธอเว้าวอนต้องการจะพบคุณพระสักครั้ง ก่อนนอนซึมซับบทประพันธ์ นำภาพมโนไปคิดถึงกระทั่งฝันถึงใบหน้าคุณพระตามภาพปกที่ตนได้จินตนาการเอาไว้ ชายผู้บึกบึนในชุดข้าราชการสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นถึงกลางๆ เสื้อราชประแตนกับผ้าม่วงโจงกระเบน สวมหมวกปีกสีขาว ในมือถือไม้เท้าหัวไม้กลมๆ ถุงเท้ายาวหายเข้าไปในผ้าโจงกระเบน กับรองเท้าหนังสีดำเงาวับ ไว้หนวดหยุมหยิม คิ้วเข้ม จมูกโด่งขึ้นสัน ผิวคล้ำสองสีดั่งเช่นชายโบราณทั่วไป รูปร่างนั้นสูงใหญ่แข็งแกร่ง มีมาดเป็นผู้นำ วาจาฉะฉาน สายตาดุดันเด็ดเดี่ยว
ไม่ต่างกับชายที่กำลัคร่อมร่างในชุดนอนลายคิขุของเธอในตอนนี้เลยสักหน่อย
อ๊ะ...ว่าแต่สาบเสื้อของเธอ...ว้าย !!! เป็นแบบนี้ได้ยังไง หญิงสาวเริ่มได้สติอันได้ถูกล่อลวงจากคุณพระพิมาน ในทีแรกที่คิดว่าตัวเองยังเรียบร้อยอยู่ คราวนี้คิดผิดเธอถูกนิ้วแกร่งจัดการกับกระดุมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจรู้ได้ เขาช่างว่องไว และแผ่วเบาราวกับลมพัดผ่าน หญิงสาวผู้ถูกบุกรุกบุกเข้าห้อง กำลังอยู่ในอาการตกใจ ทั้งสีหน้า แววตา และท่าทางที่พยายามสลัดตัวออกจากการพันธนาการแข็งขึงดึงคึมเหล็ก
“เจ้าไม่ต้องการข้า อย่างที่เจ้าเว้าวอน ขอให้ข้ามาพบเจ้าเยี่ยงนั้นรึแม่เรไร”
“ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด”
“เจ้าอย่าหลอกตัวเองนักเลย เจ้าเรียกหาข้าทุกคืนค่ำจนข้าไม่อาจทนเสียงเรียกร้องของเจ้าได้ จึงต้องมาหาเจ้าในคืนนี้อย่างไรเล่า” สองมือแกร่งเกาะกุมมือเล็กเอาไว้ทั้งสองข้างด้วยมือเดียว พลางใช้นิ้วแกร่งเชยคางมนขึ้น หวังให้แม่เรไรผู้เดียงสา อันมีจริตต่างไปจากบรรดาเมียๆ ที่เขาเคยหลับนอนด้วย เธอแตกต่างมากๆ
หล่อนเหล่านั้นล้วนตามใจคุณพระแทบทั้งสิ้น เตรียมเนื้อเตรียมตัวรอท่าปรนนิบัติพัดวี นำพาความสุขมาสู่เขา โดยไม่อิดออด ก้มหน้าเอียงอายแต่พองาม แตะนิดแต่หน่อยผ้าผ่อนก็หลุดง่ายดาย พร้อมเสียงหวานสั่นพร่า ครวญครางเบาๆ อย่างมีจริต
ดูเถิดแม่เรไรเรียกหาเขาแท้ๆ กลับกระบิดกระบวนคิดจะไม่ให้เชยชมกระนั้น
แต่ด้วยชั้นเชิงชายอันเป็นผู้ปกครองบริวารมากมาย รวมทั้งบรรดาเมียๆ ที่มีอยู่เต็มเรือน มีหรือคุณพระจะย่อท้อต่อจริตมารยาหญิงที่กำลังแสดงออกในการเล่นองค์ของแม่เรไร ผู้งดงามมากด้วยจริตหญิงอันผิดแผก
“เดี๋ยวก่อนคุณ” ใบหน้าสะบัดหนีจากการรุกรานผู้ชายที่มีดวงหน้า ลักษณะท่าที รวมไปถึงการแนะนำตัวที่ชวนให้สงสัย เธอขอเวลาก่อน ขอเวลาในการทำความรู้จักกับชายผู้นี้สักหน่อย ไม่ใช่เจอกันก็บุ่มบ่ามจะฟาดจะฟันกันท่าเดียว ทว่า...เขาผู้นี้ช่างดึงเธอให้เข้าหาเขาอย่างประหลาด หรือเพราะเธอเองคลั่งไคล้คุณพระพิมานในนิยายจนขึ้นสมอง จึงมโนว่าเป็นคุณพระที่เป็นผู้บุกรุกในยามวิกาลคือคนเดียวกัน
หากแต่คุณพระไม่รั้งรอต่อสิ่งใด เขาใจร้อนยิ่งเมื่อได้กลิ่นหอมกรุ่น อันแสนแปลกใหม่บริสุทธิ์ จากเนื้อตัวหญิงสาว เขานั้นพานจะลิงโลดโจนทะยานฉีกทึ้งอาภรณ์แปลกประหลาดของหล่อนซะให้พ้นไปจากร่างกาย แต่ที่ทนใจเย็นรอท่าให้หล่อนยินยอม นับว่าตนเองใจเย็นมากพอแล้ว
ใบหน้าคมคร้ามโน้มเข้าไปหาแม่เรไรผู้เป็นที่หมายปอง คุณพระเชื่อว่าหล่อนต้องการเขา ทว่าอีท่าไหนที่ต้องทำท่าดีดดิ้นพยายามจะหลบหลีกโยกโย้อยู่เช่นนี้