บทย่อ
มหาเศรษฐีพ่อหม้ายลูกติดที่หวงความเป็นอิสระ หลังจาก 'หย่า' กับอดีตเมียแบบสุดโต่ง เขาเคยกล่าวไว้ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นน่าเชื่อถือ ชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีวันเดินลงไปในขุมนรกที่เรียกกว่ากรงวิวาห์อีกเด็ดขาด แต่แล้ว...อเล็กไซก็กลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อตกหลุมรักโครมใหญ่กับมัณฑนากรสาวที่ครองตัวเป็นโสดมากว่า30ปี “โถ่! ไอ้กลัวเมีย” เสียงเปรยเบาๆ แต่คนฟังถึงกับสะดุ้ง เขาเหลียวมองข้างตัว ก่อนจะถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ “ยอมรับว่ะ...ผมรักเอมมาก ไม่อยากให้เอมเสียใจ” เสียงพูดหวานฉ่ำ หากคนที่ฟังเป็นชะเอมหล่อนคงจะโผเขาหา อเล็กไซ แถมจูบหวานๆ เป็นรางวัล แต่คนที่ได้ยินคือราจีฟ สิ่งที่ อเล็กไซได้กลับคืนคือ... “แหวะ อยากจะอ้วกว่ะ” ราจีฟโก่งคอทำท่าทางเหมือนกำลังคะย้อนคายของเก่าในท้อง คำกระแหนะกระแหนของเพื่อนไม่ได้ทำให้อเล็กไซสะเทือน เขาได้มณีล้ำค่ามาครอบครอง แล้วจะปล่อยให้กรวดทรายมาทำให้ตนเองเดือดร้อนทำไม!! พอกันทีกับความสำส่อน พอกันทีกับการใช้ชีวิตแบบคนเสเพล นับจากนี้ไปเขาจะเป็นพ่อ เป็นสามีที่ดี ให้สมกับที่ชะเอมวางใจ ยอมเดินเข้ามาเสี่ยงรวมชีวิตกับเขา
บทที่1.เด็กหลงทาง
บทที่1.เด็กหลงทาง
เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นในช่วงเกือบค่ำของวันหนึ่ง...
ไม่ว่าจะเป็นชะตาลิขิต หรือว่าฟ้าดินดลบันดาล มันก็เป็นตลกร้ายที่ชะเอม วรวัฒน์ขำไม่ออก เมื่ออยู่ๆ ชะตาลิขิตจากเบื้องบนก็ส่งความวุ่นวายเข้ามาในชีวิตอันแสนเรียบง่ายของเธอ เป็นพรหมลิขิตที่ทำให้หัวใจแข็งแกร่งมีอันต้องแกว่ง...และเต้นผิดจังหวะ!!
เรื่องมันมีอยู่ว่า...ในวันหนึ่ง...วันที่พยับเมฆบนท้องฟ้ามีแต่สีหม่นๆ มองเห็นแต่ริ้วฝนทาทาบเต็มแผ่นฟ้า มันอึมครึมเสียจนอากาศรอบตัวขมุกขมัว...สายลมที่เคยพัดโบกหยุดทำงานเสียอย่างนั้น นั่นเป็นสัญญาณเตือนจากฟากฟ้า เมื่ออากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้เกิดขึ้น...อีกไม่นาน...ฝนคงจะเทลงมาให้แผ่นดินชุ่มฉ่ำ ชะเอมเร่งเดินให้เร็วขึ้น เพื่อไปให้ตนเองถึงบ้านพักก่อนที่หยาดพิรุณจะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า เมื่อมันมีเสียงคำรนดังเบาๆ สลับกับแสงสีทองแลบแปล๊บๆ บนแผ่นฟ้า...เหมือนกับว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้... หยาดฝนคงจะเทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา...หญิงสาวเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแข่งกับเวลา และวัดใจกับสภาพอากาศรอบตัว...
แต่...อะไรบางอย่างสะดุดตาหญิงสาวจนชะงักงัน!!
ชะเอมย่อตัวลงมอง เธอเห็นร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่ง ซุกตัวอยู่ในพุ่มไม้ข้างทาง กระโปรงฟูฟ่องนั่นสะดุดสายตาของเธอเป็นอย่างแรก จนเธอไม่สามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ ในช่วงเวลาซึมเซาเช่นนี้...เธอก้าวผ่านสวนหย่อมกลางหมู่บ้านนี่ไปได้อย่างไร? ...ความห่วงใยกระตุ้นให้เธอหยุดเดิน หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่ชอบเผือกเรื่องของใครเลย...แต่เรื่องแบบนี้มันปล่อยผ่านไม่ได้จริงๆ สาวโสดวัยไม่ใสจึงเดินย้อนกลับไปยังจุดที่มองเห็น หลังจากไตร่ตรองอยู่ไม่ถึงครึ่งนาที...อากาศแย่ๆ แบบนี้ สายฝนคงจะเทลงมาในไม่ช้า เด็กน้อยคนนั้น คงไม่มีที่หลบฝนเป็นแน่!! เจ้าตัวเล็กคงเปียกปอนและอาจจะเป็นอันตราย เด็กนั่นอาจจะเป็นลูกหลานใครในหมู่บ้านนี้สักคนก็ได้ หล่อนอาจจะต้องการความช่วยเหลือ ถึงเธอไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของอื่น แต่เวลานี้ต่อมเผือกของเธอสั่งให้ทำ...
หญิงสาวทรุดนั่งลงบนส้นเท้า เอื้อมมือแหวกกอไม้ให้แยกออกจากกันนิดๆ ขณะที่เอ่ยถาม... “มาทำอะไรตรงนี้จ้ะหนูน้อย ฝนจะตกแล้วนา...รีบกลับบ้านเถอะจ้ะ!!”
อิรินากะพริบเปลือกตาปริบๆ หยาดน้ำใสๆ ไหลผ่านร่องแก้ม ขณะที่ช้อนสายตามองคนแปลกหน้า!!
ทันทีที่เด็กน้อยผู้นั้นหันหน้ามาสบนัยน์ตาเธอ ชะเอมรู้สึกเหมือนถูกศรกามเทพปักอก นัยน์ตาสีเขียวใสของเด็กลูกครึ่งตรงหน้า เหมือนดวงตาของตุ๊กตาผ้าในวัยเยาว์ของเธอ ตุ๊กตาตัวเดียวเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ตนเองเคยมี... มันเหมือนกับว่าเด็กคนนี้ถอดเค้าออกมาจากเบ้าหน้าเดียวกันกับตุ๊กตาของเธอเลย มันเหมือนกับว่า...เธอได้ของรักชิ้นเดิมกลับคืนมา…หลังมันหายไป
“ไม่! เอวายังไม่กลับบ้าน เอวางอนคุณป๊าอยู่ค่า” เด็กหญิงตวาดแหวทำปากจู๋แบบคนแสนงอน น้ำตาไหลกลบดวงตาเมื่อกำลังขึ้งโกรธบิดา ท่านไม่รักเธอเลย... ผู้เป็นพ่อนำพาผู้หญิงที่เธอเกลียดมาร่วมโต๊ะอาหารมื้อเย็น อิรินา หรือหนูเอวา ของ อเล็กไซ อันยูคอฟ พ่อหม้ายเมียหย่า ที่กำลังเนื้อหอมสุดๆ ในขณะนี้ เมื่อเขาหล่อวายร้ายผสมกับรวยสุดขีด
“แต่ว่า...ฝนมันกำลังจะตกนะ และหนูก็จะเปียกด้วยจ้ะ” หญิงสาวพยายามตะล่อม เธอยิ้มหวานเมื่อเด็กหญิงกะพริบตาปริบๆ เจ้าหล่อนแหงนมองฟ้าพร้อมกับทำหน้ามุ่ย ปากอิ่มเบะบิดเบี้ยว มือกลมป้อมยกขึ้นปาดน้ำตาข้างแก้มป้อยๆ
“เอ่อ...คือ...” นิ้วมือป้อมๆ ลดลงกำชายกระโปรงฟูฟ่องแน่นๆ เหมือนกำลังชั่งใจ “ขอเอวาไปกับพี่คนสวยได้ไหมคะ? เอวายังไม่อยากกลับบ้าน” ปากสีสดขยับพูด ดวงตาของเธอมีความหวังแม้มันจะคลอขังไปด้วยหยาดน้ำใสใส
ชะเอมยิ้มแป้น...เธอคิดในใจด้วยความครึ้มอกครึ้มใจ เด็กนี่ตาถึง!! อุตส่าห์ชมว่าเธอสวยแล้วเธอจะแล้งน้ำใจปล่อยปละละเลยเด็กได้ยังไง “เอาสิ...เดี๋ยวพี่เอมติดต่อคุณป๊าให้เอง...บ้านอยู่แถวนี้ใช่ไหมล่ะจ้ะ”