หนี้สิน
ช่วงเย็นหลังเลิกงาน ฉันขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจกลับบ้านซึ่งระยะทางก็ไม่ไกลกับรีสอร์ทของป้ามณีมากนัก แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านฉันถึงกับ ต้องตกใจที่เห็นหมายศาลมาติดอยู่หน้ารั้วบ้านในหมายศาลเขียนไว้ชัดว่า ‘ฟ้องล้มละลาย’
ฉันรีบเดินเข้าไปในบ้านเพื่อที่จะถามพ่อกับแม่ให้รู้เรื่องเพราะเรื่องนี้ฉันไม่เคยรู้มาก่อน
"แม่คะ พ่อคะ ทำไมมีหมายศาลมาติดที่บ้านเรา"ฉันเมื่อเดินเข้าไปในตัวบ้านเห็นพ่อกับแม่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้หน้าทีวี ฉันรีบเอ่ยถามท่านทั้งสองทันที
"น้ำนั่งก่อน ไปฝึกงานมาเป็นไงบ้างลูก"เหมือนแม่ฉันเบี่ยงประเด็นอยากรู้อีกเรื่องกับถามฉันอีกเรื่องมันใช่เวลาไหม
"พ่อคะทำไมถึงมีหมายศาลมาติดที่บ้านเราคะ"เมื่อแม่ไม่ได้ให้คำตอบฉันในเรื่องที่อยากรู้ฉันจึงหันไปถามคุณพ่อของฉันแทน
"พ่อขอโทษลูก"พ่อเอ่ยกับฉันเสียงเศร้าในแววตาท่านช่างปวดร้าว
"มีอะไรคะ บอกมาเถอะ"ฉันถามขณะพ่อก็ค่อย ๆ เล่าให้ฉันฟังทีละเรื่อง
"ปีที่แล้วเศรษฐกิจซบเซาไม่มีคนมาพักที่รีสอร์ทเราทำให้พ่อต้องไปกู้เงินเพื่อที่จะเอามาใช้จ่ายภายในรีสอร์ท พ่อคิดว่าน่าจะพอหมุนเงินได้ แต่ไม่ใช่เลยยิ่งทำยิ่งขาดทุน จนพ่อต้องไปกู้ยืมเงินมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้พ่อก็หมดหนทางแล้วจริง ๆ "
คุณพ่อฉันบอกเอาจริง ๆ ไม่แปลกที่ฉันจะไม่รู้เรื่องนี้เพราะตั้งแต่ฉันเข้าเรียนมหาลัย ฉันก็ย้ายไปอยู่หอพักใกล้กับมหาลัยเพื่อสะดวกเวลาเดินทางไปเรียนและจะกลับมาบ้านช่วงเสาร์อาทิตย์และปิดเทอมเสียส่วนใหญ่ เพราะมหาลัยของฉันนั้นอยู่ในตัวเมืองซึ่งระยะทางระหว่างบ้านกับมหาลัยไกลกันถึง 100 กิโล
"ไม่เป็นไรนะพ่อ หนูใกล้จะเรียนจบแล้วเราค่อยหากันใหม่ก็ได้"ฉันเอ่ยปลอบท่าน ขณะที่แม่ยกฝ่ามือมากุมมือแล้วบีบมือฉันเบา ๆ
"คือเราไม่ได้มีแค่หนี้รีสอร์ทที่เดียวนะน้ำ"คุณแม่ฉันเอ่ยขึ้นฉันถึงกับมองใบหน้าท่านที่ตอนนี้คุณแม่ชักสีหน้าเศร้าสร้อยบ่งบอกว่าท่านนั้นรู้สึกผิดกับเรื่องที่กำลังเล่าต่อไป
"รีสอร์ทพ่อกับแม่คุยกันแล้วว่าจะให้ธนาคารยึดไปแล้วเราค่อยหาเช่าบ้านเล็ก ๆ อยู่กัน แต่..."คุณแม่สูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนจะเอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและสั่นเครือ
"อะไรคะแม่"
"เรายังเป็นหนี้คุณป้ามณีอีกก้อนหนึ่ง คือตอนที่เป็นหนี้ธนาคารพ่อกับแม่หมุนเงินไม่ทันจริง ๆ เลยไปขอยืมกับป้ามณี เพื่อส่งดอกธนาคารและยังส่งเราทั้งสองเรียนด้วย"
เราทั้งสองที่แม่พูดถึงคือฉันกับต้นกล้าน้องชายฉันที่ตอนนี้ต้นกล้ายังเรียนอยู่ ม.5 แล้ว ซึ่งฉันก็เข้าใจดีเพราะว่าเราทั้งสองอยู่ในช่วงวัยเรียนจึงไม่แปลกที่พ่อกับแม่ฉันจะดิ้นรนส่งฉันกับน้องชายเรียนหนังสือ
"เท่าไหร่คะ คือหนูจะช่วยพ่อกับแม่เอง"ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะถามท่านทั้งสอง คิดว่าจะมีหนีแค่ก้อนเดียวแต่ตอนนี้เหมือนหนี้ก้อนนี้จะบานปลายออกไปเรื่อย ๆ
"ตอนนั้นพ่อยืมป้ามณีมาหลายครั้งแต่ร่วม ๆ ที่พ่อคิดได้ประมาณ 1 ล้าน"ฉันถึงกับเบิกตาโพรง 1 ล้านเลยเหรอแล้วแบบนี้ฉันต้องทำงานถึงเมื่อไหร่หนี้ก้อนนี้จะหมด
"ไม่เป็นไรคะ หนูเรียนจบจะช่วยพ่อกับแม่เอง"
"ขอบใจนะลูก ทำงานกลับมาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวเถอะเดี๋ยวสักพักต้นกล้าคงกลับมาจากโรงเรียนเหมือนกัน"
"คะ"ฉันขานรับก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำที่ห้อง
เมื่อถึงห้องนอนฉันค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมแขนยาวออกก่อนจะมองดู พลาสเตอร์ที่ปิดแผลที่แขน พร้อมพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะคิดในใจว่า วันนี้คือวันซวยอะไรนะที่ต้องมาเจ็บตัวและยังต้องมารู้ว่ากำลังจะเสียบ้านที่เป็นรีสอร์ทของทางครอบครัวอีก ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกายหัวสมองฉันก็คิดหาทางไปเรื่อย ๆ ว่าจะหาเงินจากตรงไหนที่มาพอมาใช้ป้ามณี แต่ที่แน่ ๆ พรุ่งนี้เช้าฉันจะเข้าไปคุยกับคุณป้าเรื่องหนี้สินที่ติดค้างไว้แน่ๆ
ช่วงเช้า @ ฟ้ามณีรีสอร์ท
ฉันที่มาทำงานในช่วงเวลาที่เร็วกว่าเมื่อวานนิดหน่อยเพราะตั้งใจว่าวันนี้ฉันจะเข้าไปคุยเรื่ิองหนี้สินที่บ้านฉันติดค้างป้าไว้ เมื่อฉันจอดรถมอเตอร์ไซค์สีแดงไว้ในโรงจอดรถ ฉันกวาดสายตามองรอบ ๆ บริเวณโรงจอดรถกับพบว่าไม่เห็นรถคันนั้นแล้ว แสดงว่ารถไม่อยู่คนก็น่าไม่อยู่ด้วยเหมือนกัน ดีจริงวันนี้รูสึกดีที่ไม่ต้องทนเห็นหน้าคนใจดำ
ขาเรียวสวยก้าวเดินตามทางเดินจนมาถึงเรือนรับรองก่อนที่ฉันจะก้าวขึ้นบันไดแล้วสาวเท้ามาหยุดที่ห้องทำงานป้ามณี ฉันกำมือก่อนที่จะเคาะบานประตูหน้าห้องเพื่อมารยาท
ก๊อก ก๊อก ก๊อก! "ป้ามณีคะ น้ำขอคุยด้วยสักครู่คะ"
ฉันเคาะและส่งเสียงเรียกเพียงไม่นานคนในห้องก็ส่งเสียงให้ฉันเข้าไปในห้อง
"เชิญจ้าหนูน้ำ"เมื่อคนในห้องเชื้อเชิญฉันถึงดันประตูเข้าไป ขาเรียวสวยก้าวไปในห้องด้วยความมั่นใจก่อนจะยกมือไหว้คุณป้าที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน
"นั่งก่อนลูกมาหาป้าตั้งแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่า"เสียงหวานของคุณป้าเอ่ยถามอย่างเป็นมิตรขณะฉันหย่อนสะโพกนั่งลงที่เก้าอี้ด้านหน้าคุณป้า
"หนูจะมาคุยเรื่องหนี้ที่คุณพ่อยืมเงินคุณป้าคะ คือถ้าหนูเรียนจบแล้วหนูจะทะยอยใช้หนี้คุณป้าเองแต่อาจจะนานหน่อย"ฉันที่ไม่อยากจะอ้อมค้อมพูดเข้าประเด็นให้คุณป้าทราบทันที
"พูดเรื่องนี้ก็ดีเหมือนกัน แล้วหนูคิดว่าจะทะยอยคืนป้าเมื่อไหร่ หนูรู้ไหมว่าตอนนี้พ่อกับแม่เราไม่เคยส่งดอกป้าสักครั้งจนมันทบต้นทบดอก จากยอดเงินแค่ 1 ล้านตอนนี้มันเพิ่มเป็น 3 ล้านแล้วนะ"
คุณป้าเริ่มแจกแจงยอดหนี้ให้ฉันได้รับรู้แต่เมื่อได้ฟังยอดที่คุณป้าเอ่ยบอกฉันถึงกับเบิกตาโพรงไม่คาดคิดว่ายอดหนี้จะเพิ่มทวีคูณแบบนี้
"ทำไมยอดถึงเยอะขนาดนี้คะ"ฉันถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือรู้สึกใบหน้าชาวาบ ยอดเยอะขนาดนี้ฉันจะใช้หนี้หมดเมื่อไหร่
"หนูม่านน้ำ หนูต้องเข้าใจด้วยว่าตั้งแต่พ่อกับแม่ยืมเงินป้าไปไม่เคยส่งดอกแม้แต่ครั้งเดียวที่ป้าไม่ทวงเพราะว่าเห็นแก่มิตรภาพไม่อยากผิดใจกันแต่เมื่อหนูเข้ามาคุยกับป้าเรื่องนี้ป้าก็อยากจะให้หนูรับรู้และต้องเข้าใจป้าด้วยว่าทำไมยอดหนี้ถึงเพิ่มขึ้น"ท่านเอ่ยบอกเสียงเรียบแต่ฉันกับรู้สึกแปลก ๆ อย่างไงไม่รู้เพราะเวลาฉันสบตาท่านกับพบว่าเหมือนมีอะไรบ้างอย่างที่ฉันคาดเดาไม่ได้เหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่
"แต่ถ้าหนูจะทะยอยจ่ายป้าก็ไม่ติดขัด แต่หนูจะทำงานอะไรให้ได้เงินเยอะถึงขั้นคืนเงินป้าได้หมดละ แค่ดอกเบี้ยอย่างเดียวก็หลายบาทแล้ว แต่ถ้าจะให้ส่งหมดเร็วก็ต้องคืนต้นพร้อมดอกเบี้ยจากที่ป้าคำนวณคราว ๆ น่าจะส่งสักเดือนละ 3 แสนบาทจะได้หมดเร็วหนูคิดว่าเป็นไปได้ไหม"คุณป้าเอ่ยเสียงเรียบมุมปากยกยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์แต่ก็เพียงแวบเดียวคุณป้าก็ทำสีหน้าราบเรียบปกติ
0_0
ฉันถึงกับเงียบจริงอย่างคุณป้าว่ามาฉันจะหาเงินจากไหนเยอะแยะ
"แต่ป้ามีข้อเสนอนะถ้าหนูโอเคกับข้อเสนอป้า ป้าจะยกหนี้ทั้งหมดที่พ่อแม่หนูติดป้า"คุณป้าเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนกับอ่อนโยนแต่กับแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ไปในตัว
"ข้อเสนออะไรคะป้า”
