ตอนที่ 1 นายชื่ออะไร
.
..
...
....
ในที่สุดวันที่ ‘มารีญา’ รอคอยก็มาถึงเสียที เมื่อเท้าน้อย ๆ เดินย่างกรายเข้ามาเหยียบในเขตพระราชวังเคอร์เซกรา สถานที่ซึ่งจะไขความกระจ่างใจให้เธอรู้ว่า มารดาที่เคยจากมาเมื่อครั้งยังแบเบาะนั้นตอนนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง
หญิงสาวผู้โหยหาความรักจากมารดา เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลหลายชั่วโมงมายังประเทศอัลดาฮุส ดินแดนแถบตะวันออกกลางที่มีความมั่งคั่งทางทรัพยากรน้ำมัน เป็นขุมทรัพย์เหมืองแร่ทองคำและอัญมณีล้ำค่าชื่อเสียงก้องโลก แม้ความร่ำรวยจะกระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า แต่ทว่าผู้คนกลับรักษาขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม ของชาวตะวันออกกลางไว้เป็นอย่างดี
หลังรู้ข่าวจากเพื่อนซึ่งเป็นลูกสาวท่านรัฐมนตรีแห่งอัลดาฮุส ว่าทางสำนักพระราชวังกำลังเปิดรับสมัครข้าหลวงชายเพื่อไปทำงาน จึงตัดสินใจเดินทางมาที่นี่เพื่อทำการสมัครในทันที เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยนัก เธอปลอมเป็นชายเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวอันตรายเลยสักนิด นั่นล่ะคือนิสัยของมารีญา
“นี่คือที่พักของพวกนายทั้งสี่ หากมีอะไรสงสัยหรือไม่เข้าใจนอกเหนือจากที่ฉันได้อธิบายให้ฟังแล้ว ให้ถามกับคุณจามาลซึ่งเป็นผู้ดูแลตึกนี้” เสียงเข้มออกคำสั่งเมื่อพาสมาชิกใหม่มาส่ง ชายผู้นี้มีนามว่า ‘ราทีฟ’ เป็นข้าหลวงใหญ่ของสำนักพระราชวัง เป็นคนเก่าแก่ที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์ราชาและราชินี ให้ดูแลฝ่ายในและมีอำนาจสั่งการแทนได้เกือบทุกเรื่อง
“ครับคุณราทีฟ” ผู้มาใหม่ทั้งสี่ตอบรับพร้อมกัน ในท่าทีสงบเรียบร้อยสมกับการเข้ามาอยู่ใหม่
“ฝากเด็กทั้งสี่คนด้วยนะครับคุณจามาล มีอะไรไม่เข้าท่าก็บอกสอนได้ตามสบาย”
“ยินดีครับ”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ว่าแล้วก็หันไปเอ่ยกับหนุ่มทั้งสี่คน “พวกนายจงประพฤติตัวให้ดี อย่าให้ฉันได้ยินเรื่องไม่ดีเป็นอันขาด” น้ำเสียงเด็ดขาดเอ่ยเตือน แต่ทว่ากลับแฝงความห่วงใย นั่นคือนิสัยของราทีฟที่ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าเขาปากร้ายแต่เป็นคนจิตใจดี เป็นห่วงคนอื่นเสมอ
“ครับคุณราทีฟ” ทั้งสี่ตอบรับพร้อมกันอีกครั้ง
หลังจากข้าหลวงใหญ่เดินออกไปจากตึก จามาลผู้คุมหอพักจึงพาคนทั้งสี่ไปยังห้องพักของตนเอง
ตึกแห่งนี้มีทั้งหมดสี่ชั้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หากประชาชนภายนอกมีโอกาสเข้ามาเห็นคงคิดว่าเป็นวังของเจ้านายพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ทว่ามันคือหอพักของเหล่าบรรดาข้าราชบริพารที่ทำงานรับใช้ในวังต่างหาก
“อ้อ! ฉันยังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามพวกนายเลย แล้วมาจากเมืองใดกันบ้างล่ะ” เมื่อนึกขึ้นได้จามาลจึงหยุดฝีเท้า หันกลับไปเอ่ยถามชายหนุ่มทั้งสี่ที่กำลังเดินตามหลังมา
“ผมชื่ออัสนาลมาจากเอมานครับ” เด็กหนุ่มหน้าตาดีเอ่ยเป็นคนแรก
“ผมชื่อคาซีมาจากดามุนเจะครับ” คนถัดมาตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ส่วนผมราชิดมาจากมุนเดาะห์ครับ” หนุ่มหล่อคนที่สามตอบชัดถ้อยชัดคำ
ส่วนคนที่อยู่หลังสุดอย่างมารีญามัวแต่สังเกตมองรอบตัว จนไม่ได้ยินคำถามของจามาล
“...”
“แล้วคนสุดท้ายทำไมไม่ตอบ”
“ห๊ะ! ว่าไงนะครับ”
“ฉันถามว่านายชื่ออะไร มาจากเมืองใด” จามาลเค้นเสียงหนักขึ้นราวกับกำลังไม่พอใจ
“ผมชื่อมาร์ตินมาจากเมืองไทยครับคุณจามาล” เมื่อตั้งสติแล้วเจ้าหล่อนก็ตอบเสียงชัดแจ๋วอย่างมั่นใจ แถมยังส่งยิ้มหวานให้ผู้คุมหออีกต่างหาก
“เมืองไทยงั้นรึ...เหมือนฉันเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน” จามาลทำท่าคิดพยายามนึกว่าเคยได้ยินชื่อนี้จากใคร แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“ประเทศไทยไงครับ ที่มีช้างเยอะ ๆ ทะเลสวย ๆ แล้วก็...”