ตอนที่ 2
“ว้าย… อะไรนะคะ นี่หนูไม่ได้หูฝาดใช่ไหมคะ”
แก้วตาตกใจมาก
“ใช่… อย่างที่หนูได้ยินนั่นแหละถูกต้องแล้ว… หนูจะต้องจับลุงเพลิงคนนี้ ‘ทำผัว’ ให้ได้ภายในสองเดือน”
นางวิไลพูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย ครั้นเมื่อเห็นว่าลูกสาวอึ้งไปชั่วขณะ นางวิไลก็รีบสาธยายยืดยาวถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังแผนการจับผู้ชายอย่างกะทันหันในครั้งนี้
“โธ่… เพื่อที่เราจะได้ทรัพย์สินของเขา… นี่เราต้องลงทุนทำขนาดนี้เลยหรือคะ… แล้วทำไมแม่คิดว่ามันง่ายคะ หนูกับคุณลุงเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว… วัยก็แตกต่างกันราวพ่อกับลูก ไม่มีทางที่คุณลุงจะรักจะชอบเด็กกะโปโลอย่างหนูหรอกค่ะ”
เมื่อนึกถึงผู้ชายวัยกลางคนรูปหล่อแต่หน้าดุคนนั้น แก้วตาก็รู้สึกประหม่า เกิดอาการไม่มั่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาดูขรึม ดุ ค่อนไปในทางเจ้าระเบียบด้วยซ้ำ
“โถลูก… เราอย่าประเมินค่าของตัวเองต่ำ เชื่อแม่เถอะนะว่าไม่มีผู้ชายคนไหนหรอกนะที่อยู่ใกล้ลูกสาวแม่แล้วจะไม่ตกหลุมรักลูกสาวของแม่”
นางวิไลมั่นใจ
“แม่คะ… แต่คุณลุงนั่นอายุเท่าๆ คุณพ่อเลยนะคะ อายุต่างกับหนูมาก เขาจะชอบเด็กอย่างหนูหรือคะ?”
“โถ… ไม่รู้อะไรเสียแล้ว ผู้ชายยิ่งแก่ยิ่งหื่น แล้วแม่จะบอกให้นะ ว่าไม่มี ‘โคแก่’ ตัวไหนที่ไม่ชอบ ‘หญ้าอ่อน’ ลุงเพลิงคนนี้แหละหื่นสุดๆ… เอ่อ… ”
พูดแล้วนางวิไลก็หยุด ชะงักไปชั่วขณะ ยกมือป้องปากแทบไม่ทัน เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าไม่ควรพูด
อันที่จริงนางวิไลแอบสืบข้อมูลส่วนตัวของ ‘พ่อเลี้ยงเพลิง’ มาในระดับหนึ่ง แต่ก็มากพอที่จะรู้ความเป็นไปของพ่อม่ายเนื้อหอมคนนี้
สาเหตุที่นางวิไลรู้เรื่องราวของพ่อเลี้ยงเพลิง ก็เพราะว่านางแอบติดต่อกับ ‘ป้าแดง’ ซึ่งเป็นแม่บ้านทำงานรับใช้อยู่ในบ้านของพ่อเลี้ยงเพลิงมานาน ทุกครั้งที่อยากรู้อะไร นางวิไลจะโทรหาป้าแดง โดยให้สินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เพื่อแลกกับข้อมูลที่ได้
“แล้ว… เอ่อ… ทำไมจะต้องจับคุณลุงให้อยู่ภายในระยะเวลาสองเดือนคะ”
หญิงสาวสงสัย นึกกระดากที่ต้องพูดคำว่า ‘จับ’
“ธนาคารเจ้าหนี้ให้เวลาเราอีกแค่สามเดือนเท่านั้น เพราะฉะนั้นหนูจะต้องทำทุกทาง… เพื่อที่จะให้ลุงเพลิงทำให้หนูท้องให้ได้… พอครบสองเดือนถ้าหนูตั้งท้อง… ตอนนั้นเราจะเอามาเป็นข้อต่อรองกับลุงเพลิง… แม่เชื่อว่าลุงเพลิงจะต้องรับผิดชอบหนู… หรืออาจอาจจะง่ายกว่านั้น… ถ้า”
พูดแล้วนางวิไลก็หยุดคิด
“ถ้า… เอ่อ… ถ้าอะไรคะคุณแม่”
“ถ้าหนูสามารถโปรยเสน่ห์จนคุณลุงยอมแต่งงานด้วยโดยที่ไม่ต้องลงทุนถึงขั้นได้เสียตั้งท้อง… แต่แม่ว่าแผนนี้คงยาก”
ที่กล่าวออกมาเช่นนี้ ก็เพราะว่านางวิไลรู้จักนิสัยของเพลิงในระดับหนึ่ง รู้ว่าหลังจากเพลิงหย่ากับเมียคนแรกที่แต่งงานแล้วอยู่กินกันมาได้เพียงแค่ปีเดียวก็เลิกรา จากนั้นเขาก็เข็ดรัก หลังจากตกพุ่มม่ายเพลิงก็ไม่เปิดใจรักผู้หญิงคนไหนอีกเลย
ได้ยินที่มารดาเล่าให้ฟัง แก้วตาถึงกับส่ายหน้า ดูแล้วงานนี้ไม่ง่าย
“นี่แหละค่ะแม่… ที่หนูว่ายาก… ผู้ชายที่แต่งงานแล้วอยู่กับเมียได้ปีเดียวก็เลิกกัน หนูว่าลุงเพลิงคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ”
แค่นึกถึงใบหน้าขรึมๆ ดุๆ ของลุงเพลิง แก้วตาก็มองแทบไม่เห็นความเป็นไปได้เลยว่าแผนการของมารดาจะสำเร็จได้ยังไง?
“สาเหตุตื้นลึกหนาบางที่ลุงเพลิงหย่ากับเมียเก่าเราไม่อาจรู้ได้… ชีวิตคู่ที่ต้องจบลงด้วยการเลิกราก็ใช่ว่าจะเป็นความผิดของฝ่ายชายเสมอไป”
นางวิไลกล่าวคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน
“แม่คะ… หนูไม่มั่นใจว่าจะทำได้”
แก้วตาทำหน้ากังวล
“แต่แม่เชื่อว่าหนูทำได้”
นางวิไลกล่าวอย่างให้ความเชื่อมั่นในตัวลูกสาว มือเรียวเอื้อมมาลูบศีรษะแก้วตาอย่างรักใคร่ ให้กำลังใจคนที่จะต้องเสียสละตัวเองเพื่อครอบครัว
“ถ้ามีทางเลือกอื่น… แม่จะไม่ขอให้หนูทำเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด”
นางวิไลกัดริมฝีปาก เบะปากน้อยๆ ด้วยความรู้สึกขมขื่นในอกคล้ายจะร้องไห้ ก่อนจะเบือนหน้าออกไปจากสายตาของลูกสาว เพียงแค่นางใส่ดราม่าเล็กๆ ให้เห็น แก้วตาก็รีบกล่าว
“แม่คะ… อย่าร้องไห้นะคะ ถ้าทำแล้วมันจะช่วยกอบกู้ฐานะทางบ้านของเรากลับคืนมาได้… เพื่อที่เราจะไม่ต้องสูญเสียบ้าน เพื่อที่ครอบครัวของเราจะมีบ้านคุ้มกะลาหัว ไม่ต้องกลายเป็นคนล้มละลาย… หนูทำได้ค่ะแม่”
แก้วตาคิดว่าถ้ามีอะไรสักอย่าง… ที่ทำแล้วสามารถทดแทนบุญคุณบุพการีผู้ให้ชีวิต… หล่อนก็พร้อมจะทำ
“โถ… ลูกแม่… แม่ขอบใจหนูมากที่ยอมเสียสละเพื่อครอบครัว”
นางวิไลซึ้งใจ แต่แก้วตารู้สึกหน่วงแน่นในอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาไม่ได้ไหลออกมา แต่กลับหลั่งไหลท้นท่วมอยู่ในอก
จากนั้นสองแม่ลูกก็โผเข้ากอดกันกลม นางวิไลที่แอบกระตุกยิ้ม รู้สึกดีใจที่ลูกสาวยินยอมเข้าร่วมแผนการ ‘จับผัว’ ง่ายดายกว่าที่หล่อนคิดเอาไว้